ตอนที่ 11
สามวันต่อมา
วันนี้เป็นวันครบกำหนดสัญญาที่เธอได้ให้ไว้กับไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนนั้นแล้ว...แต่หญิงสาวก็รู้ตัวดีเช่นกันว่าสิ่งที่เธอรับปากไว้นั้นมันไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน
ใบหน้าหวานที่ดูซูบลงทำเอาเพื่อนๆได้แต่หุบปากนิ่งเงียบสนิท คีตยาและพีรดาได้แต่มองใบหน้าหวานของเพื่อนด้วยสายตาสงสาร...แต่พวกเธอก็ช่วยอะไรเพื่อนไม่ได้
ใครจะไปคิดว่าคนอย่างนายอโณทัยอะไรนั่นจะมีอิทธิพลถึงขนาดนี้!
พีรดาคนตัวเล็กได้แต่คิดอย่างขัดใจ เมื่อตอนแรกที่พวกเธอรู้เรื่องนี้นั้น คีตยาเสนอจะให้บิดาของเธอนั้นช่วย และเรณุกาก็ยินดีรับมันด้วยความเต็มใจ หากจู่ๆในวันรุ่งขึ้นบิดาของหญิงสาวกลับบอกว่าไม่สามารถช่วยเหลือเพื่อนของบุตรสาวได้ ท่านได้แต่ทำหน้าเสียใจแต่ก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้ ทำให้เรณุกาได้แน่นิ่งอึ้งในคราวนั้นด้วยไม่คิดว่าเขาจะเล่นขัดขวางกันถึงขนาดนี้!
‘อย่าคิดว่าเธอจะหลุดพ้นไปฉันไปได้ง่ายๆ เรณุกา...ขอโทษที่ฉันยังไม่ได้บอกเธอว่า อย่าคิดว่าเธอจะชนะคนอย่างฉันได้’
คำพูดสุดท้ายของอโณทัยก่อนที่เขาจะวางสายไปเมื่อคราวที่โทรมาหาเธอเมื่อเมื่อวานนี้ทำให้เธอได้แต่เจ็บในอกแล้วพยายามดิ้นรนหาทางอื่นต่อไป
แต่ดูเหมือนประตูแห่งอิสรภาพจะปิดตายสำหรับเธอ....เพราะไม่ว่าเธอจะเริ่มต้นอย่างคนเพิ่งธรรมดาที่ไปสมัครงานตามที่ต่างๆก็ดูเหมือนว่าทุกคนนั้นต่างมีท่าที ‘ไม่รับ’ เธอแทบทั้งสิ้น!
“เร...ไม่ต้องคิดมากนะ ฉันจะพยายามกล่อมคุณพ่อให้อีกครั้งนะ”
คีตยาพูดขึ้นทำให้หญิงสาวหลุดออกจากภวังค์ความคิดทันที เธอกระพริบตาถี่ๆสองสามครั้งก่อนจะเห็นพีรดาพยักหน้าหงึกหงักเป็นลูกคู่กับคีตยา
“ใช่ๆ ลองดูอีกครั้งนะเร เผื่อคุณพ่อยัยคีใจอ่อน...ฮึ่ย! พูดแล้วก็เกลียดนายอโณทัยนั่นชะมัด...ไอ้พวกโรคจิต! วิปริต! บ้ากาม! สงสัยหมอนี่ต้องแก่คราวพ่อเธอแน่ๆใช่ไหม? ยัยเร!”
เรณุกาถึงกับยิ้มออกมากับคำถามของพีรดา พลางคิดไปถึงใบหน้าของคนที่ถูกหาว่าแก่คราวพ่อแล้วก็นึกขำ...ถ้าเขาได้มาได้ยินเองกับหู ดวงตาคมคู่นั้นคงจะลุกวาวและคมกริบราวกับมีดโกนที่เชือดเธอและพีรดา ออกเป็นชิ้นๆข้อหาที่ว่าเขาแก่!
“ไม่ใช่หรอกยัยพี...ถ้าเธอเคยอ่านพวกข่าวสังคมนะ เธอจะรู้จักชื่อของคุณอโณทัยดี”
คีตยาพูดขึ้น พีรดาได้แต่นิ่งอึ้ง เพราะสำหรับเธอไอ้พวกข่าวของบรรดาคนดังพวกไฮโซไฮซ้อจะขยับตัวทำอะไรไม่ใช่เรื่องของเธอ...เธอไม่ได้เกิดมาเพื่อมาเกาะติดและสอดส่องพฤติกรรมของชาวบ้าน! แม้คนเหล่านั้นจะมีชื่อเสียงแค่ไหนก็ตาม...
“งั้นแสดงว่าอีตานี่ต้องหน้าตาเห่ยจนไม่มีใครรับได้แน่ๆ”
“ไม่ใช่หรอกยัยพี...ถ้าเธออ่านข่าว...”
“พอๆ! ยัยคี...ฉันไม่อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับอีตานั่นอีกแล้ว” คนอยากรู้โบกมือเป็นเชิงยอมแพ้ก่อนจะหันไปทางเรณุกาที่มีรอยยิ้มน้อยๆแต้มบนใบหน้าเมื่อได้ฟังคำสนทนาเมื่อครู่ของพวกเธอ “ว่าแต่แกเถอะยัยเร...จะเอายังไงต่อไป...เย็นนี้ใช่ไหมที่ครบกำหนดสามวัน...”
“ใช่...”
“แล้วนี่พี่วินรู้เรื่องนี้ไหม?”
“...”
คำตอบที่พีรดาได้รับคือความเงียบและใบหน้าที่หมองลงของเรณุกา ทำเอาคนถามรู้สึกเสียใจขึ้นมาที่ไปสะกิดเพื่อนในเรื่องนี้
“เร...ฉัน...”
“ไม่เป็นไรพี...เรื่องนี้ฉันยังไม่ได้บอกพี่วิน”
หญิงสาวพูดขึ้นเสียงเบา ดวงตากลมโตดูเหม่อลอยเมื่อคิดถึง...พี่วิน...ผู้ชายที่เธอพูดได้อย่างเต็มปากว่ารัก...นอกจากพ่อ
“ฉันว่าแกน่าจะโทรบอกพี่วินนะพี...เผื่อพี่วินจะคิดทางแก้ไขดีๆออก”
“ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน...แต่...”
“แต่อะไรอีกยัยเร...” พีรดาถาม
“ฉัน...ไม่รู้สิ ฉันรู้สึกแปลกๆยังไงไม่รู้ทุกครั้งที่จะบอกพี่วินเรื่องนี้”
เธอพูดอย่างกลุ้มใจ ทั้งๆที่เมื่อคืนนี้เธอก็เขียนจดหมายตอบจดหมายฉบับล่าสุดของอนาวิน ในตอนแรกเธอว่าจะบอกเรื่องบ้าบอที่เกิดขึ้นกับชีวิตเธอในตอนนี้ให้เขาได้รับรู้ แต่เมื่อจะเขียนจริงๆเธอกลับรู้สึกไม่กล้า...ไม่อยากบอก
“เรกลัวอะไรเหรอ...” คีตยาถาม “หรือเรกลัวว่าถ้าบอกพี่วินไปว่า...ตอนนี้บ้านเรไม่ได้รวยเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว...จากคุณหนูเรณุกา กิจจานุ -ลักษณ์ กลายเป็นเรณุกาคนธรรมดาแล้วพี่วินเขาจะเลิกกับเร...” คนพูดมองดวงตากลมโตที่หลบสายตาทันควันทำให้คีตยารับรู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่เรณุกากลัว...คือเรื่องอะไร
“ถ้าเป็นอย่างนั้นนะเร...ผู้ชายแบบนั้นก็สมควรเลิกไปได้โดยทันทีอย่างไม่ต้องคิดเสียดาย แต่ถ้าพี่วินไม่ได้เป็นคนแบบนั้น...เธอจะทำเหมือนดูถูกพี่วินมากเลยนะว่าทุกวันนี้ที่เขาคบกับเธอเพราะเงิน”
“ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น...”
“ไม่จริงหรอกเร...เธอคิด...เธอกลัวพี่วินทิ้งเธอไปเพราะเธอจนใช่ไหม? แต่ฉันอยากจะบอกอะไรเธอบางอย่างนะ ฉันว่าเรื่องนี้พี่วินต้องช่วยเธอได้แน่!”
ตอนที่ 12
สุดท้ายหญิงสาวของเรณุกาก็มานั่งเผชิญหน้ากับอโณทัยจนได้ และเธอก็ไม่ได้ทำตามคำแนะนำของคีตยาที่ให้เธอบอกเรื่องนี้กับอนาวินด้วย
ไม่ใช่ว่าเธอกลัวว่าอนาวินจะทิ้งเธอไป...แต่เธอละอายเกินกว่าจะบอกเรื่องเน่าๆเหล่านี้ให้พี่วินฟังและต้องมาปวดหัวกับปัญหาเหล่านี้
“ฉันหาไม่ได้”
คำแรกที่หญิงสาวพูดขึ้นทำเอาอโณทัยถึงกับเลิกคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงถามว่าทำไม...ทั้งที่เขาก็รู้อยู่เต็มอกว่าเจ้าหล่อนจะไม่มีวันหาเงินมาคืนเขาได้ไม่ว่าจะอีกกี่ปีก็ตาม
สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่เงินทอง...
“อย่างที่เราตกลงกันไว้นะเรณุกาว่าถ้าเธอหาเงินมาคืนฉันทุกบาททุกสตางค์ไม่ได้...”
“อย่าคิดว่าฉันจะยอม!”
หญิงสาวพูดขึ้นเสียงดังใบหน้าหวานแดงก่ำด้วยความโกรธ “ฉันจะมาบอกคุณว่าต่อให้ฆ่าฉันให้ตายฉันก็ไม่มีวันยอมรับไอ้สิ่งที่คุณเรียกร้องได้หรอก!”
“ฉันเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าพวกกิจจานุลักษณ์เป็นพวกขี้โกง...”
“หุบปากเสียๆของคุณซะ! ฉันไม่ใช่พวกขี้โกงแต่ฉันไม่เห็นเหตุผลอันสมควรตรงไหนเลยกับการที่ฉันต้องมาอยู่กับคุณโดยที่ตัวฉันมีแต่เสียกับเสีย!”
“การที่มาอยู่กับฉัน...ไม่เห็นว่าเธอจะเสียอะไรสักอย่างเลยนะเรณุกา เธอน่าจะรู้ดีว่าอยู่กับฉันเธอมีแต่จะได้กับได้...และยิ่งถ้าเธอทำให้ฉันพอใจในตัวเธอมากเท่าไหร่...สิ่งที่เธอจะได้ตอบแทนกลับไปอาจมีมากกว่าที่เธอมีอยู่เดิมแล้วก็ได้...”
ประโยคสุดท้ายเขาพูดเสียงเรียบแต่ดวงตาคมคู่นั้นกลับกวาดดูไปทั่วหญิงสาวให้คนถูกมองรู้สึกสะท้านจนแทบอยากจะถวายฝ่ามือประเคนใส่หน้าให้เป็นรางวัลด้วยความโกรธค่าที่มองเธอได้ราวกับกำลังประเมินราคาสินค้าอะไรบางอย่าง...
“ถ้าคุณจะไม่รู้นะคุณอโณทัย...ฉันเป็นคนมีชีวิตมีจิตใจมีความรู้สึก...และการที่คุณจะให้ฉันฝืนใจไปทำไอ้สิ่งที่คุณเรียกมันว่างานง่ายๆนั่นแต่เหมือนกักขังฉันแบบนั้นจะให้ฉันยอมได้ยังไง ฉันไม่ใช่นางเอกนิยายที่จะต้องยอมทำทุกอย่างในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบนะ!”
“อ้อ...แสดงว่าเธอจะยอมถ้าฉันกำหนดเวลาที่แน่นอนให้เธองั้นเหรอเรณุกา...”
อโณทัยถามกลับ
“ไม่ว่ามีกำหนดไม่มีกำหนดฉันก็ไม่ยอมทั้งนั้นแหละ!” เธอแหวกลับด้วยความโมโหที่พุ่งขึ้นอีกครั้ง “แล้วฉันก็คิดว่าไอ้ที่คุณได้จากพ่อฉันไปนั่นมันก็เพียงพอแล้ว...วันนี้ฉันกับพ่อจะย้ายออกไปจากบ้านของเราและหวังว่าคุณจะไม่ไปตามรังควานชีวิตฉันอีกอโณทัย!”
หญิงสาวพูดเสียงหนักแน่นในประโยคสุดท้ายพลางจ้องใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรของเขานั้นนิ่ง ดวงตากลมโตฉายแววรู้เท่าทันเขาว่าที่เธอหาทางยืมเงินบิดาของคีตยาไม่ได้ก็เป็นเพราะเขานี่แหละ!
“แน่ใจในสิ่งที่เธอเลือกแล้วนะเรณุกา...”
“ฉันแน่ใจตั้งแต่ที่ได้เห็นหน้าคุณแล้ว!”
“ดี!” อโณทัยพูดเสียงหนักพลางส่งยิ้มที่น้อยๆที่แลดูเจ้าตัวกำลังสนุกกับอะไรบางอย่างมาให้เธอ “ดิ้นรนหาทางรอดที่เธอร่ำร้องให้ตลอดนะ เพราะเกมนี้เธอเป็นคนเริ่มขึ้นมาเอง...แล้วอย่ามาคลานเข่ายอมแพ้ฉันก่อนล่ะ!”
“เกมบ้าบออะไร?! ฉันไม่ได้มาตกลงเล่นอะไรกับคุณทั้งนั้นนะ”
แต่ดูเหมือนอโณทัยจะไม่สนใจในสิ่งที่หญิงสาวพูดเพราะเขาเอ่ยต่อไปว่า
“แต่...ด้วยเกียรติของฉัน...ฉันรับรองว่าอีกไม่เกินหนึ่งอาทิตย์เธอต้องกลับมาร้องขออ้อนวอนให้หยุดเล่นเกมนี้แน่ๆ!”
หญิงสาวกำมือแน่นหน้าแดงก่ำทันทีที่ได้ยิน นี่สรุปว่าผู้ชายคนนี้จะไม่เลิกจองล้างจองผลาญเธอใช่ไหม?
“ไอ้!”
ไอ้ผู้ชายบ้า! ไอ้คนโรคจิต! ไอ้พวกชอบเห็นความพินาศของคนอื่น!
เรณุกาบริภาษในใจ ใบหน้าสวยแดงก่ำแม้ว่าเธอจะออกมาจากบ้านของเขาเป็นชั่วโมงแล้วก็ตาม ในขณะที่มือเล็กก็กำลังเก็บของชิ้นสุดท้ายลงกล่องกระดาษ
หญิงสาวชะงักมือที่ถือกรอบรูปนั้น พลางมองใบหน้าของคนสองคนที่แสนจะคุ้นตาที่อยู่ในรูป
แน่ล่ะ...ก็หนึ่งในสองนั้นคือเธอและอีกคนจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเขา...พี่วิน
หญิงสาวมองใบหน้าที่กำลังยิ้มกว้างส่งกลับมาให้เธอแล้วได้แต่รู้สึกเจ็บแปลบในอก...เรควรจะต้องทำอย่างไรดีคะพี่วิน...
อนาวิน...เป็นรุ่นพี่ต่างคณะของเธอที่มหาวิทยาลัย ชายหนุ่มเป็นเพื่อนสนิทของพี่รหัสของเธออีกทีและนั่นก็ทำให้เธอและเขาได้รู้จักกัน
อนาวินมีใบหน้าที่จัดได้ว่าหล่อเหลาคนหนึ่ง เพราะเจ้าตัวก็เป็นถึงเดือนของคณะเลยทีเดียวในสมัยที่ยังเรียนอยู่ที่นั่น แต่สำหรับคนทั่วไปนั้นต่างมองว่าเขามีใบหน้าที่ควรจะเรียกว่าสวยมากกว่าหล่อ...แต่ใครก็อย่าเผลอไปบอกเจ้าตัวเช่นนั้นเชียว เพราะเขาอาจจะมีของแถมแจกกลับมาให้คนพูดก็เป็นได้
“เร...”
กำลังรำลึกถึงความหลังได้ไม่เท่าไหร่ เสียงเรียกชื่อเธอจากหน้าห้องก็ดังขึ้น หญิงสาวเอี้ยวตัวไปมองคนเรียกก็เห็นว่าเป็นบิดาของเธอ มือบางวางกรอบรูปลงไปในกล่องแล้วปิดฝาจากนั้นจึงสาวเท้าเข้าไปหาท่าน
“พ่อเก็บของเสร็จแล้วเหรอคะ?”
“อือ...” เรวัฒน์ตอบแล้วมองใบหน้าหมองเศร้าของลูกสาว “เร...เป็นไงบ้างลูก ถ้าลูกลำบากจะลองให้พ่อไปพูดกับคุณไทม์เขาอีกรอบไหม?”
“ไม่ต้องหรอกค่ะพ่อ...พูดกับคนแบบนั้นกี่รอบๆก็เหมือนเดิม เขาไม่มีวันยอมอยู่แล้วค่ะ”
หญิงสาวบอกพลางถอนใจเฮือกใหญ่แล้วหยิบกระเป๋าเดินตามบิดาออกมา
“คุณท่าน...คุณหนูเร...จะไปจริงๆเหรอคะ?”
ป้าแม้น...แม่บ้านและเป็นคนเก่าคนแก่ที่เปรียบเสมือนญาติถามขึ้น นางมีใบหน้าเศร้าหมองไม่ต่างกับอะไรกับเจ้าของบ้านที่กำลังกลายเป็นอดีตอย่างเรวัฒน์และเรณุกา
ทุกวันนี้ทุกคนต่างก็รู้เรื่องที่เกิดขึ้นและตกใจไปตามๆกันเมื่อรับรู้ว่าคุณเรวัฒน์และเรณุกาต้องย้ายออกไปจากบ้านหลังนี้ ในตอนแรกทุกคนต่างก็กังวลว่าตนเองจะต้องตกงาน แต่วันต่อมาเรณุกากลับมาบอกว่าเจ้าของคนใหม่ไม่ได้ไล่พวกคนรับใช้เก่าออก ให้ทำงานกันต่อไปได้
“ค่ะป้าแม้น...” เรณุกาพูดพลางสวมกอดผู้สูงวัยกว่า “ดูแลตัวเองดีๆนะคะ”
“คุณท่าน...บอกความจริงแม้นสักคำไม่ได้เหรอคะว่าทำไมต้องย้าย”
“มันเป็นเพราะฉันเองแม้น...ถ้าฉันไม่โลภมากและไว้ใจคนบางคนมากเกินไป...เรก็ไม่ต้องมาลำบากแบบนี้”
เรวัฒน์พูดใบหน้าที่แลดูซูบซีดนั้นก็ดูเหมือนจะหมองลงไปอีก ทำให้เรณุกาต้องพูดตัดบทก่อนที่บิดาจะพูดโทษว่าเป็นเพราะตัวเองมากไปกว่านี้
“อย่าโทษตัวเองอีกเลยค่ะคุณพ่อ...มันคงเป็นกรรมของเรามากกว่าที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้กับคนแบบนี้ พ่ออย่าคิดมากเลยนะคะ”
หญิงสาวพูดก่อนจะหันไปทางหญิงสูงวัยอีกครั้ง
“เรไปก่อนนะคะป้าแม้น...สักวันเราคงได้เจอกันค่ะ”
จบคำพูดของหญิงสาวทำเอานางแม้นถึงกับสะอื้นทันทีด้วยความอาลัยเจ้านายที่นางรักทั้งคู่
“อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ...คุณหนูเรต้องกลับมาหาป้านะคะ”
“เรไม่รับปากนะคะเพราะเรไม่รู้ว่าเขาจะให้เรกลับมาเหยียบบ้านหลังนี้อีกรึเปล่า...ป้าแม้นหยุดร้องไห้เถอะนะคะ น้ำตาของป้าจะทำให้เรกับพ่อไม่สบายใจนะคะ”
หญิงสาวพูดก่อนจะสวมกอดนางแม้นอีกครั้ง...และนี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้าย
นางแม้นที่ได้ยินอย่างนั้นถึงกับรีบปาดน้ำตา ทิ้งไว้แต่ดวงตาแดงก่ำและนั่นก็ทำให้เรณุกาสบายใจพอที่เห็นแม่บ้านสูงวัยที่เปรียบเสมือนญาติหยุดร้องไห้ได้แล้ว
“เรกับคุณพ่อไปแล้วนะคะ”
พูดจบเธอก็หันไปแตะท่อนแขนของบิดาก่อนที่จะหันหลังเดินจากไปขึ้นรถที่สามีของนางจะขับไปส่งเจ้านายทั้งสองเป็นครั้งสุดท้าย...
แล้วรถก็เคลื่อนออกไปจากบริเวณบ้านช้าๆจนลับหายไปกับสายตาของนางแม้นที่เฝ้ามองดูพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลรินอีกครั้ง ด้วยความอาลัยและสงสารเจ้านายทั้งสองเป็นอย่างมาก...
และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นนางได้แต่หวังว่าคุณหนูเรจะเข้มแข็งพอที่จะเป็นหลักยึดให้กับคุณท่านที่ตอนนี้ดูก็รู้ว่าหมดแล้วกำลังใจที่จะสู้ชีวิต!