ตอนที่15

1196 Words
“เป็นไงบ้างกร...” คำถามสั้นๆของอโณทัยนั้นทำเอาสิรกรถึงกับงงไปครู่ แต่พอเงยหน้าขึ้นสบกับดวงตาคมของอีกฝ่ายก็นึกรู้ได้ทันทีว่าคำตอบที่คนเป็นนายต้องการนั้นหมายถึงเรื่องไหน สิรกรส่ายศีรษะให้อีกฝ่ายเป็นเชิงบอกว่าไม่สำเร็จ ทำเอาดวงตาคมของอโณทัยแปรเป็นขุ่นทันที แต่ริมฝีปากกลับเหยียดยิ้มเป็นรอยยิ้มเครียดออกมา “แล้วทำไมถึงไม่สำเร็จ...ฉันไม่คิดว่างานง่ายๆแค่นี้นายจะทำไม่ได้นะกร...” คำพูดเรียบๆแต่แฝงแววตำหนิเปี่ยมล้นทำให้สิรกรได้แต่ก้มหน้าลงไม่พูดอะไร อโณทัยมองท่าทีของคนสนิทก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้หนังตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าแล้วหมุนเก้าอี้มองออกไปข้างนอกห้อง ซึ่งกรุด้วยกระจกหนาเผยให้เห็นบรรดานักเที่ยวของชาเดรียนโดยที่ตัวเขาไม่ต้องออกไปคุมเองข้างนอกห้อง “แต่ผมคิดว่าอีกไม่เกินสองสามวันคุณเรณุกาต้องมาหาคุณไทม์แน่ๆครับ” “อย่าพูดอะไรโดยที่นายก็ไม่แน่ใจกร...นายก็รู้ว่าถ้ามันไม่เป็นไปตามนั้นฉันจะเป็นยังไง” อโณทัยพูด พลางประสานนิ้วทั้งสิบเข้าหากันด้วยท่าทีสบายอารมณ์ก่อนจะหมุนเก้าอี้มาเผชิญหน้ากับลูกน้องคนสนิท “แต่ครั้งนี้ผมแน่ใจครับว่าเธอจะต้องมาหาคุณไทม์แน่นอน!” “ดี! แล้วฉันจะรอแล้วกัน ตอนนี้ออกไปดูด้านนอกให้ฉันที เมื่อกี้ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของฉันจะมาเยี่ยมฉันถึงถิ่นเลยในคืนนี้...ออกไปต้อนรับแขกแทนฉันที” พูดจบเขาก็ชี้มือผ่านทางผนังกระจกที่สามารถมองเห็นคนภายนอกได้เกือบทั้งหมดเว้นมุมอับบางมุมเท่านั้น แต่คนภายนอกจะไม่สามารถมองเห็นได้เลยว่าภายในห้องนี้มีคนอยู่หรือไม่...ชายหนุ่มชี้ให้สิรกรดูร่างสูงใหญ่ของผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังนั่งดื่มกับผู้หญิงคนหนึ่งท่าทางดี โดยไม่ห่างกายเขานักมีชายอีกสองคนในชุดสูทเต็มยศนั่งอยู่ไม่ห่าง เพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของเจ้านายเขาที่พูดถึงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากศัตรูตัวฉกาจ! เหมวัตร! “ได้ครับ...แล้วจะให้ผมเชิญเพื่อนเก่าของคุณไทม์ออกไปด้วยเลยไหมครับ?” “อย่าเลย...แต่ถ้ามันก่อความวุ่นวายนะ! นายก็จัดการตามสมควร เอาล่ะ ออกไปได้” สิ้นคำของอโณทัย ร่างสูงไม่แพ้คนเป็นเจ้านายหรืออาจจะสูงกว่าของสิรกรก็ออกไปทันที ทิ้งให้อโณทัยอยู่ในห้องทำงานเพียงลำพัง แต่ความคิดของเขากลับไม่ได้อยู่ที่ศัตรูหมายเลขหนึ่งอย่างเหมวัตรมาเยือนถึงถิ่นเลย...ความคิดของเขากลับล่องลอยไปหาผู้หญิงคนหนึ่ง... ผู้หญิงตัวเล็กๆ หน้าหวานๆ แต่จิตใจกลับเต็มไปด้วยความดื้อรั้นและอวดดีทั้งๆที่ตัวเองก็แทบจะเอาตัวไม่รอดแล้ว! เจ้าหล่อนคิดได้อย่างไรว่าจะเอาชนะคนอย่างเขาได้ หึ! อยากจะรู้นักว่าเจ้าหล่อนจะเอาชนะเขาไปได้สักกี่วัน นายกรบอกว่าอีกไม่เกินสองสามวันใช่ไหมที่เธอจะต้องซมซานกลับมาขอร้องให้เขาหยุดเล่นเกมนี้...ฉันจะนับเวลารอนะเรณุกา แล้วเราจะได้เห็นดีกัน! สุดท้ายคนที่จะต้องชนะในเกมนี้ต้องเป็นเขาเท่านั้น! เขาคนเดียว! คีตยาและพีรดาตกลงกันไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าในวันนี้พวกเธอทั้งสองคนจะมาเยี่ยมเรณุกาและบิดาที่ตั้งแต่ต้องย้ายออกจากบ้าน กิจจานุลักษณ์ก็เหมือนจะหายตัวไปเฉยๆให้พวกเธอรู้สึกเป็นห่วง ทำให้ในตอนนี้ทั้งๆที่เวลายังไม่ถึงสิบโมงเช้าดี เมื่อเรณุกาเปิดประตูห้องออกมาก็ได้รู้ว่าแขกที่มาหาเคาะห้องเธอแต่เช้าคือเพื่อนสาวทั้งสองคนนั่นเอง “อ้าว...คีกับพีเองเหรอ นึกว่ามีคนมาเคาะห้องผิดซะอีก” หญิงสาวพูดพลางเปิดประตูกว้างเป็นเชิงเชื้อเชิญเพื่อนทั้งสองให้เข้ามา พีรดาและคีตยาเดินมาทรุดตัวลงนั่งกับโซฟารับแขกตัวนุ่มในระหว่างที่เจ้าของห้องชั่วคราวอย่างเรณุกาจะเดินไปยังส่วนที่แบ่งเป็นครัวเปิดตู้เย็นแล้วรินน้ำดื่มมาให้เพื่อนทั้งสองคน “แล้วนี่ทำไมจู่ๆถึงโผล่มาหาฉันได้ล่ะ ทั้งสองคนเลย” หญิงสาวถามในขณะที่ทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาอีกตัวไม่ห่างจากคีตยานัก “ก็ใครกันล่ะเจ้าคะที่หายหน้าหายตาไปหลายวันไม่โทรหา ไม่ติดต่อเพื่อนบ้างเลยทั้งที่สั่งไว้แล้วแท้ๆ ทำให้ฉันและยัยคีทนไม่ไหวบุกมาหาถึงที่นี่!” พีรดาพูดพลางจ้องคนที่หายหน้าหายตาไปด้วยดวงตาวาววับ เรณุกาที่ได้ยินอย่างนั้นถึงกับทำหน้าเหวอออกมา...แสดงว่าเธอมัวแต่กังวลเรื่องงานจนลืมเพื่อนทั้งสองเลยเหรอเนี่ย หญิงสาวคิด หากแต่ลึกลงไปในใจเธอกลับเต็มไปด้วยความตื้นตันที่อย่างน้อยในชีวิตของเธอก็ยังมีสิ่งดีๆเกิดขึ้น นั่นคือการที่เธอได้รู้จักมิตรแท้อย่างพีรดาและคีตยา... “ขอโทษๆ ขอโทษจริงๆ คี...พี...ฉันมัวแต่กลุ้มเรื่องงาน เรื่องพ่อ จนลืมโทรหาคีกับพีไปเลย...” คนที่เริ่มรู้ตัวว่าตนเองทำให้เพื่อนเป็นห่วงขอโทษเสียงอ่อย ทำให้พีรดาและคีตยาอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “แล้วนี่เรจัดการเรื่องอีตาอโณทัยได้แล้วเหรอ? เขาไม่มารังควานเรอีกแล้วใช่ไหม?” พีรดาถามด้วยน้ำเสียงอยากรู้เต็มที่ และแน่นอนว่าสำหรับเรณุกา เธอไม่เคยมีความลับกับเพื่อนทั้งสองเสียที เลยตัดสินใจเล่าให้เพื่อนฟัง “ก็ไม่รู้นะพี แต่ตั้งแต่ที่ฉันและคุณพ่อย้ายออกมาจากบ้านและจัดการโอนทรัพย์สินในส่วนที่พอจะใช้หนี้เขาไปได้หมด เขาก็ไม่ได้ตามรังควานอะไรเรเลยนะ เหมือนจู่ๆเขาก็พอใจในสิ่งที่ได้อย่างนั้นแหละ ทั้งๆที่ตอนเจอหน้ากันครั้งสุดท้าย เขายังขู่เรเลยนะว่าจะทำทุกอย่างให้ฉันยอมไปอยู่กับเขาให้ได้” เรณุกาบอกเล่าด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย หากในใจกำลังคิดวิเคราะห์...นั่นสิ ทำไมจู่ๆผู้ชายคนนั้นกลับทำเหมือนถอดใจง่ายๆ เขาเงียบหายไปเฉยๆเสียอย่างนั้นทั้งๆที่ดูจากครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกัน เขาทำให้เธอได้รับรู้ว่าคนอย่างเขานั้นจะไม่เลิกตามรังควานชีวิตเธอให้ได้อยู่อย่างสงบสุขแน่ๆ นี่ถ้าพีรดาไม่พูดขึ้นมาเธอก็ไม่ฉุกใจคิดเลย...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD