ตอนที่14

1282 Words
มือเล็กคู่นั้นพยายามแกะซองจดหมายสีอ่อนนั้นอย่างบรรจงและประณีต และอีกไม่กี่นาทีต่อมาเธอค่อยๆดึงกระดาษสีขาวที่อยู่ภายในออกมาคลี่ออกอ่าน นับตั้งแต่ก่อนที่จะย้ายมาอยู่ที่นี่แล้วที่เธอบอกที่อยู่ใหม่ของเธอให้พี่วินได้รู้ เธอเชื่อว่าเขาต้องสงสัยแน่ๆว่าทำไมเธอถึงจำต้องย้ายมาอยู่ที่คอนโดฯแห่งนี้... แต่ก็อย่างที่รู้...เธอยังไม่พร้อมที่จะบอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้พี่วินรู้ แม้คีตยาจะบอกว่าเขาจะสามารถช่วยเธอได้ก็ตาม หญิงสาวเลิกครุ่นคิดกับปัญหาปวดหัว ดวงตากวาดมองตัวหนังสือที่แลดูยุ่งๆเหมือนยุงตีกันที่เจ้าตัวพยายามจะเขียนให้เรียบร้อยของพี่วินก็ได้แต่อมยิ้มทุกครั้ง... ถึง...น้องเรสุดที่รัก หญิงสาวถึงกับอมยิ้มดังเช่นทุกครั้งที่เริ่มอ่านบรรทัดแรก...ทุกครั้งจดหมายของพี่วินจะขึ้นต้นด้วยคำๆนี้เสมอ...น้องเร...สุดที่รัก ช่วงนี้น้องเรของพี่เป็นไงบ้างเอ่ย...สบายดีบ้างหรือเปล่า? ส่วนพี่สบายดีนะจ๊ะ แม้จะเรียนหนักไปหน่อย แต่ยามเมื่อคิดถึงว่าน้องเรกำลังรอพี่อยู่มันก็ทำให้พี่ฮึดสู้ รีบๆเรียน รีบๆกลับมาหาน้องเรไงจ๊ะ ตอนนี้น้องเรของพี่เรียนจบแล้ว...จากสาวน้อยแสนน่ารักของพี่ก็กลายเป็นผู้หญิงเต็มตัวไปแล้ว อ้อ...แล้วอย่าปล่อยให้ผู้ชายคนอื่นมาจีบน้องเรของพี่นะ...พี่หวง..รู้รึเปล่า! เพราะพี่เชื่อว่าตอนนี้น้องเรคงต้องไปช่วยงานคุณลุงเรวัฒน์แล้วแน่ๆ เพราะเห็นบ่นๆว่าช่วงนี้ท่านทำงานหนัก อย่าหักโหมทำงานมากนักนะจ๊ะ...พี่วินคนนี้เป็นห่วง เฮ้อ...ไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกคิดถึงของพี่ให้น้องเรฟังยังไงดี ผ่านมาครึ่งปีแล้วที่พี่ไม่ได้เห็นหน้าน้องเร...ทรมาน...ทรมานเหลือเกิน เพราะไม่ว่ามองไปทางไหนพี่ก็ได้แต่คิดถึงน้องเรอยู่ร่ำไป อ่ะๆ ไม่ต้องทำหน้าเหมือนจะอ้วกอย่างนั้นสิจ๊ะ พี่เสียใจนะเออ... ตอนนี้พี่คงต้องหยุดส่งความคิดถึงให้น้องเรได้รับรู้แค่นี้ นู่น...กองหนังสือกับรายงานกำลังกวักมือเรียกพี่แล้ว คิดถึงทุกลมหายใจเข้าออก พี่วิน ปล. พี่ว่าจดหมายของน้องเรคราวนี้มันแปลกๆนะจ๊ะ มีเรื่องไม่สบายใจอะไรบอกให้พี่รู้ได้นะ...อย่าเก็บไว้คนเดียวล่ะ...รู้ไว้ว่าพี่วินคนนี้อยู่เคียงข้างน้องเรเสมอ หญิงสาวพับกระดาษจดหมายตามรอยเดิมของมัน ก่อนจะเปิดลิ้นชักโต๊ะข้างเตียงนอนแล้ววางจดหมายฉบับนั้นรวมกับฉบับอื่นๆของอนาวิน หญิงสาวถอนใจยามเมื่อคิดถึงข้อความในจดหมาย...พี่วินรู้ว่าเธอมีเรื่องไม่สบายใจ เลิกคิดเถอะยัยเร คิดไปก็ปวดหัว หญิงสาวบ่นกับตัวเองก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปข้างนอกห้องเมื่อเหลือบมองเวลาที่นาฬิกาปลุกข้างหัวเตียงแล้วพบว่าเวลานั้นล่วงเลยเวลาอาหารเย็นของเธอพอสมควร หญิงสาวจับประตูลูกบิดแล้วก้าวเท้าเดินออกไป... ว่าแต่คุณพ่อหายไปไหนนะ? 22.00 น. เรวัฒน์กะว่าช่วงเวลานี้เรณุกาคงจะหลับไปแล้วถึงได้กลับเข้าห้องหลังจากที่สิรกรปล่อยตัวเขามาได้หลายชั่วโมงแล้ว ชายสูงวัยใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้เจ็บควานหากุญแจห้องในกระเป๋าอย่างยากลำบาก ก่อนจะสูดปากเบาๆด้วยความเจ็บเมื่อเผลอเอี้ยวตัวแรงเกินไป เปิดประตูห้องเข้ามาได้เขาก็ควานมือคลำๆไปแถวๆผนังห้องแล้วเปิดไฟ ทันทีที่ไฟกลางห้องสว่างเรวัฒน์ถึงกับผงะไปทันทีเมื่อประตูห้องนอนของลูกสาวเขาอยู่อยู่ไม่ไกลไม่ไกลกับประตูห้องนักเปิดผลัวะออกมา พร้อมๆกับเสียงกรีดร้องเรียกเขาดังลั่นยามเมื่ออีกฝ่ายเห็นใบหน้าบวมช้ำและที่มุมปากก็มีเลือดแห้งกรังติดอยู่ของเขาเต็มๆตา “คุณพ่อ!” “คุณพ่อคะ! ใครทำให้คุณพ่อเป็นแบบนี้?!” อีกครั้งที่เรณุกาถามหลังจากที่ไม่มีโอกาสได้ถามก่อนหน้านี้ ในตอนแรกเธอแทบจะเป็นลมเมื่อเห็นใบหน้าและสภาพร่างกายของบิดา ดีที่เรวัฒน์เหมือนจะรู้ทันว่าบุตรสาวจะถามอะไรเลยขอให้เรณุกาไปหาอุปกรณ์ทำแผลมาให้ก่อนที่สองพ่อลูกจะย้ายมานั่งบนโซฟาหน้าโทรทัศน์ ในขณะที่ถามมือก็บรรจงทำแผลให้บิดาอย่างเบาที่สุด แต่ก็หลายครั้งเหมือนกันที่นายเรวัฒน์สะดุ้งเมื่อเจอแอลกอฮอล์เข้าไป “เอ่อ...คือ พ่อไปเจอโจรกระชากกระเป๋าตอนซื้อของหน้าปากซอย เลยวิ่งตามมันไปพอเจอซอกเปลี่ยวไอ้คนที่กระชากไปมันเห็นว่าพ่อวิ่งตามเลย...เลยซ้อมพ่อ...” เรวัฒน์พูดพลางหลุบเปลือกตาลงมองต่ำเพื่อจะได้ไม่ต้องมองใบหน้าหวานของคนเป็นลูก และไม่ให้เรณุกาจับได้ว่าเขากำลัง...โกหก และดูเหมือนว่าหญิงสาวจะไม่ได้สังเกตอาการนั้นของบิดา เธอมัวแต่ตกอกตกใจกับสิ่งที่บิดาทำมากกว่า “วิ่งตามโจร โอ๊ย! เรอยากจะเป็นลม พ่อน่าจะรู้ตัวเองดีนะคะว่าหมอสั่งไม่ไห้พ่ออกกำลังหักโหม แต่นี่พ่อกลับวิ่งตามโจร! ถ้าเกิดโรคหัวใจกำเริบพ่อจะทำอย่างไรคะ?! ดีนะคะที่พ่อไม่เป็นอะไรไปซะก่อน ไม่งั้นล่ะก็...ฮึ่ม!” หญิงสาวร่ายยาวออกมาเป็นชุดด้วยความห่วงบิดาเป็นที่สุด แต่นี่อะไรท่านกลับทำเหมือนไม่รักชีวิตตัวเองบ้างเลย...วิ่งตามโจรเนี่ยนะ...เธอล่ะไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ! “เอาเถอะยัยเร...ตอนนี้พ่อก็ไม่เป็นไรแล้วไง แถมโชคดีที่พวกมันเปลี่ยนใจเอาแค่เงินไปแล้วโยนพวกบัตรต่างๆให้พ่อคืน ที่ตามไปพ่อก็ไม่ได้เสียดายเงินนะ แต่พ่อเสียดายพวกบัตรต่างๆหรอกลูก...” “เฮ้อ...” หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างยอมจำนน “งั้นคราวหน้าถ้าพ่อโดนแบบนี้อีกอย่าวิ่งตามไปนะคะ มันอยากได้อะไรให้มันเอาไป แต่อย่าเสี่ยงชีวิตตัวเองแบบนี้อีกนะคะ พ่อก็รู้ว่าทั้งชีวิตเรเหลือพ่อเพียงคนเดียว...” เรวัฒน์ถึงกับรู้สึกจุกในลำคอทันที...แล้วอย่างนี้จะให้เขาบอกความจริงกับลูกได้อย่างไร พ่อขอโทษที่นำความเดือดร้อนมาให้ลูกนะเร...พ่อขอโทษ... “เอ...พูดแบบนี้แสดงว่าเรไม่รักวินหรอกเหรอลูก” คนสูงวัยข่มความรู้สึกขมขื่นลงไป แล้วเอ่ยแซวบุตรสาวออกมาด้วยน้ำเสียงสดใสหวังจะเปลี่ยนเรื่อง “อย่ามาเปลี่ยนเรื่องนะคะพ่อ! พ่อก็ส่วนคุณพ่อ...พี่วินก็ส่วนพี่วิน แล้วตอนนี้เรกับพี่วินยังไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” ทั้งๆที่พูดเสียงขึงขังแต่ใบหน้าหวานกลับแดงซ่านด้วยความอาย อากัปกิริยานั้นของลูกสาวทำให้เรวัฒน์ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา โดยลืมไปว่าตัวเองกำลังบาดเจ็บจนเผลอร้องเมื่อรู้สึกปวดบาดแผลให้เรณุกาตกใจว่าบิดาเจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่า... แต่...เรณุกาจะรู้หรือไม่ว่าเสียงหัวเราะในวันนี้ของเธอและบิดา อาจจะเป็นการหัวเราะร่วมกันครั้งสุดท้ายก็เป็นได้!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD