คำถามของวิรัลพัชรทำให้คุณานนท์คิดตาม สำหรับเขาแล้วรู้สึกและอยากจะทำอย่างที่พูดจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าบิดามารดาจะเห็นด้วยกับความคิดเห็นของเขาหรือเปล่า เพราะท่านเป็นคนมีหน้ามีตาและมีฐานะในสังคม ท่านเคยเปรยอยู่หลายครั้งว่าอยากจะให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงที่เหมาะสมผู้หญิงที่เข้ามาในครอบครัวแล้วช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกันแต่ สำหรับเขากลับคิดว่าไม่จำเป็นเลยผู้หญิงที่จะเข้ามาใช้ชีวิตด้วยต้องเป็นผู้หญิงที่เขาอยู่ด้วยแล้วสบายใจคอยอยู่ให้กำลังใจเวลาที่เขาเหนื่อย คุณานนท์คิดว่าตนเองมีความสามารถในการทำงานมากพอเขาไม่จำเป็นที่จะให้ผู้หญิงมาคอยช่วยเรื่องงานนั้นก็เป็นเพราะชายหนุ่มอยู่กับย่ามาตั้งแต่เด็กทำให้ความคิดค่อนข้างจะหัวโบราณไปสักนิดว่าผู้หญิงต้องมีหน้าที่ดูแลบ้านดูแลครอบครัวเธอไม่จำเป็นต้องออกมาทำงานนอกบ้านหรือทำงานเก่ง
“ทำไมเงียบไปล่ะคะ”
“ผมกำลังสับสน เพราะจริงๆ แล้วผมรู้สึกและอยากจะทำอย่างที่พูดนะ แต่ไม่รู้ว่าครอบครัวของผมจะเห็นด้วยกับสิ่งที่ผมทำหรือเปล่า”
“ขอโทษนะคุณอายุเท่าไหร่แล้วคะคุณนนท์”
“ก็เยอะพอประมาณแล้วล่ะ น่าจะพอมีครอบครัวได้แล้ว ว่าแต่คุณถามทำไมเหรอวิว”
“ก็ถ้าคุณอายุมากพอจะมีครอบครัวได้แล้ว ฉันก็คิดว่าคุณน่าจะมีสิทธิ์ตัดสินใจชีวิตของตัวเองได้นะ แต่ฉันไม่ได้บอกให้คุณต่อต้านพ่อกับแม่ของคุณหรอกเพียงแต่คุณต้องทำให้ท่านเห็นว่าผู้หญิงที่คุณรักจะทำให้คุณมีความสุขจริงๆ พ่อแม่ทุกคนน่ะอยากเห็นลูกมีความสุขทั้งนั้นแหละ” หญิงสาวพูดแล้วก็นึกถึงบิดาของตนเองที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนจะเสียชีวิตว่าถ้าหากเธอจะแต่งงานกับใครสักคนก็ขอให้เลือกผู้ชายที่รักเธอเพราะเธอเป็นเธออย่าเลือกผู้ชายที่ฐานะหรือหน้าตา
“ทำไมคนเราเกิดมาจะต้องแต่งงานด้วยก็ไม่รู้เนอะ ผมว่าใช้ชีวิตเป็นโสดแบบนี้มันก็สบายดีออกคุณคิดแบบนั้นหรือเปล่า”
“ถ้าทุกคนคิดแบบคุณอีกหน่อยมนุษย์บนโลกก็คงจะสูญพันธุ์แน่”
“แล้วคุณล่ะอายุเท่าไหร่ ผมเดานะว่าน่าจะเพิ่งเรียนจบและเริ่มทำงานใช่ไหมแล้วคิดหรือเปล่าว่าจะแต่งงานมีครอบครัวตอนอายุเท่าไหร่”
“ฉันเรียนจบมาเกือบสองปีแล้ว ส่วนเรื่องแต่งงานหรือมีครอบครัว ฉันยังไม่คิดหรอกนะเพราะฉันยังเข็ดกับความรักอยู่น่ะ ก็เหมือนที่คุณพูดไง การใช้ชีวิตอยู่คนเดียวการอยู่เป็นโสดแบบนี้มันก็สบายดีมากๆ จะไปไหนจะทำอะไรไม่ต้องคอยรายงานใคร มันอิสระดี แต่บางครั้งมันก็เหงาบ้างแค่นั้นเอง”
“เหมือนอย่างวันนี้ใช่ไหมล่ะ คุณมาเที่ยวกับเพื่อนแต่เพื่อนมากับแฟนมันก็เลยทำให้คุณเหงาและรีบออกมาจากงาน”
“ก็ประมาณนั้นแหล่ะค่ะ จริงๆ แล้วเรานัดกันมาเที่ยวสี่คนฉันจะต้องค้างกับเพื่อนผู้หญิงอีกคนหนึ่งแต่บังเอิญเธอไม่สบายน่ะ ทำให้ฉันต้องมาพักคนเดียวแบบนี้”
“แล้วเพื่อนคุณพักที่ไหนล่ะไม่ได้พักบ้านเดียวกันเหรอ”
“เขาพักบ้านอีกหลังนะอยู่ห่างออกไป ฉันเข้าใจว่าเขาน่าจะต้องการความเป็นส่วนตัว จริงๆ ฉันก็อยากจะยกเลิกการมาเที่ยวครั้งนี้หรอกนะ แต่คิดไปคิดมาก็เสียดายเงินน่ะและโอกาสที่ฉันจะ มาเที่ยวที่นี่มันก็คงมีไม่บ่อยหรอก”
“แปลกจังที่พ่อแม่คุณปล่อยให้คุณมาเที่ยวสถานที่แบบนี้ตามลำพังท่านฉันไม่ห่วงคุณเลยเหรอ ขอโทษนะที่ผมต้องถามแบบนี้เพราะปกติแล้วไม่ค่อยมีผู้หญิงมาเที่ยวตามลำพังเหมือนคุณหรอกนะ”
“ฉันก็อยากให้เป็นเหมือนที่คุณพูดนะ อยากให้พ่อกับแม่ห่วงฉัน แต่มันเป็นไปไม่ได้พ่อฉันตายแล้วนะ ส่วนแม่ก็แต่งงานใหม่แม่ไม่สนใจหรอกว่าฉันจะไปทำอะไรอยู่ที่ไหนฉันหรอก แม่ก็รอแค่วันที่ฉันเงินเดือนออกแค่นั้นแหละ”
“ผมไม่ได้ดูถูกคุณนะแต่คุณเพิ่งบอกว่าเรียนจบ แล้วเงินเดือนจะมากแค่ไหนกันเชียวไหนจะต้องแบ่งให้แม่ด้วย คุณไม่คิดว่ามันเป็นภาระเหรอ”
“ฉันคิดว่ามันเป็นหน้าที่ค่ะ ถึงแม้ท่านจะแต่งงานไปมีครอบครัวใหม่ มีลูกใหม่แต่ฉันก็ถือว่าตอนเด็กๆ ท่านเคยเลี้ยงมาและท่านก็อุ้มท้องฉันมาเงินที่ฉันให้แม่ก็ไม่มากเท่าไหร่หรอกค่ะ สำหรับบางคนมันอาจจะเป็นแค่เศษเงินด้วยซ้ำ แต่สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่เพิ่งเริ่มทำงานมันก็ค่อนข้างมากอยู่เหมือนกัน คุณรู้มั้ยทำไมฉันถึงได้มาเที่ยวที่นี่ทั้งที่ค่าใช้จ่ายค่าโรงแรมช่วงนี้มันแพงมากๆ”
“ทำไมล่ะ มีคนจ่ายให้คุณเหรอ”
“เปล่าหรอกค่ะ ฉันจะบอกความลับให้ก็ได้ฉันถูกหวยน่ะ”
“ถูกหวยเหรอ ผมไม่รู้ว่าถูกครั้งหนึ่งมันได้เท่าไหร่ แต่เท่าที่เห็นในข่าวก็น่าจะหลายล้าน คุณเป็นคนโชคดีมากๆ เลยนะวิว”
“ฉันไม่ได้ถูกหลายล้านหรอกค่ะถูกแค่สี่แสนเองแต่มันก็ถือว่าเป็นเงินจำนวนมากสำหรับฉัน”
“คุณพูดเหมือนถ้าไม่ถูกหวยคุณจะไม่มาเที่ยวที่นี่ค่ะ”
“ก็ใช่ค่ะ ค่าโรงแรมช่วงนี้มันแพงนะคะ ไหนในจะค่าตั๋วเครื่องบินอีก ลำพังแค่เงินเดือนฉันคงไม่พอมาเที่ยวหรอกค่ะ” หญิงสาวเล่าออกมาอย่างไม่มีปิดบง
“ผมดีใจด้วยนะที่คุณถูกหวยเลยทำให้คุณได้มาเที่ยวที่นี่ ทำให้เรามาเจอกันได้คุยกัน”
“ฉันก็ดีใจมากๆ ที่มีโอกาสได้มาเที่ยวที่นี่ แต่ตอนนี้ฉันขอตัวไปนอนก่อนนะ”
“ง่วงแล้วเหรอ”
“ไม่ง่วงหรอก แต่ฉันคิดว่าตอนนี้ฉันเมามากๆ คุณจะนั่งดื่มต่ออยู่ตรงนี้ไหม”
“ผมว่าจะนั่งดื่มอยู่อีกสักพัก ยินดีที่ได้รู้จักนะวิวให้ผมเดินไปส่งหน้าบ้านพักนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดินแค่ไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันนะคะคุณนนท์”
เมื่อวิรัลพัชรเดินกลับไปแล้วคุณานนท์ก็ยังนั่งดื่มต่ออยู่บริเวณหน้าบ้านเขารู้สึกแปลกใจกับตนเองมากที่นั่งคุยกับคนเพิ่งรู้จักกันได้นานมากขนาดนี้ หญิงสาวเป็นคนที่มีอะไรน่าสนใจมากจริงๆ เธอเป็นคนพูดตรงมากๆ เล่าเรื่องทุกอย่างออกมาอย่างไม่อายเลยสักนิด
ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นก็คงไม่กล้าเล่าว่าตัวเองเอาเงินถูกหวยมาเที่ยวหรือไม่ก็เล่าเรื่องครอบครัวของตัวเอง แต่ดูเหมือนผู้หญิงคนนี้จะไม่คิดแบบนั้นเธอเป็นคนค่อนข้างเปิดเผยเขาไม่รู้ว่าที่เธอพูดออกมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริงหรือเป็นเรื่องโกหกกันแน่แต่ได้ฟังแล้วก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่น่าสนใจคนหนึ่ง เขาดื่มต่อจนเครื่องดื่มขวดที่สองหมดก็กำลังจะเดินกลับบ้านแต่ยังไม่ทันลุกก็ได้ยินเสียงกรี๊ดดังมาจากในบ้านพักของหญิงสาว
คุณานนท์รีบวิ่งตรงไปยังหน้าบ้านและนับว่าโชคดีมากที่เธอไม่ได้ล็อกประตู
“คุณเป็นอะไร” เขาตะโกนถามเข้าไป
“คุณช่วยฉันด้วยในห้องฉันมีแมลงสาบ”
“คุณอยู่ตรงไหน”
“ฉันอยู่ในห้องนอน” เสียงตะโกนตอบกลับ
เขาเปิดไฟจนสว่างบ้านก่อนจะเดินไปหาหญิงสาวที่ตอนนี้นุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวกระโดดอยู่บนเตียง