สองเดือนหลังจากไปเที่ยวเกาะพงัน
เสียงอาเจียนของชายหนุ่มคนเดียวในบ้านดังมาตั้งแต่เช้าทำให้คุณชมนาดรู้สึกเป็นห่วง เธอคิดว่าหลานชายดื่มเหล้าจนเมาค้างถึงเช้า แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนคุณานนท์ไม่ได้ออกไปเที่ยวที่ไหนเลย
เธอเคาะประตูห้องหลานชายพอได้ยินเสียงอนุญาตก็เปิดเข้าไปแล้วก็เห็นว่าเจ้าของห้องแต่งตัวพร้อมไปทำงานเขากำลังเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้าซีดเซียว
“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณย่า”
“ย่าจะเข้ามาดูว่านนท์เป็นอะไร ย่าได้ยินเสียงเราอาเจียนหลายรอบแล้วเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ผมเวียนหัวนิดหน่อยครับคุณย่าสงสัยช่วงนี้จะพักผ่อนน้อย”
“ไปให้คุณหมอตรวจหน่อยได้ไหม”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมว่าเดี๋ยวก็น่าจะดีขึ้น”
“ถ้าไม่ดีขึ้นก็โทรไปถามพ่อเขาก็แล้วกันว่าอาการที่เป็นอยู่และเกิดจากอะไรกันแน่”
“ผมไม่อยากรบกวนเขาหรอกครับคุณย่า” คุณานนท์กับบิดาไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เขาจึงไม่อยากเอาไปกวนใจท่าน
“ถ้าไม่อยากรบกวนพ่อก็ลองโทรไปถามพี่สาวเราก็แล้วกัน ว่าเป็นอะไร มีคนในครอบครัวเป็นหมอก็ใช้ให้เป็นประโยชน์”
“ได้ครับคุณย่า”
“แล้วเช้านี้ยังไงล่ะ จะไปทำงานไหมย่าว่านนท์นอนพักอีกหน่อยดีไหม”
“ไม่ได้หรอกครับคุณย่า วันนี้ผมมีประชุมตอนสิบโมงเช้าครับเดี๋ยวว่าจะลงไปกินข้าวแล้วก็จะรีบเข้าบริษัทดีกว่าว่าจะตรวจเอกสารก่อนประชุมอีกครั้งหนึ่ง”
“ลงไปไหวแน่นะ”
“สบายมากดครับคุณย่า” คุณานนท์ตอบแล้วเดินตามคุณย่าชมนาดลงมายังห้องอาหาร
“เช้านี้ป้าสำรวยทำอะไรกินครับ” ชายหนุ่มถามป้าแม่บ้านที่รับหน้าที่เป็นแม่ครัวอีกตำแหน่งหนึ่ง
“เช้านี้ป้าทำข้าวต้มกุ้งค่ะคุณนนท์ เมื่อวานได้กุ้งสดๆ มาจากตลาดเยอะเลยค่ะ”
ชายหนุ่มประคองคุณย่ามานั่งหัวโต๊ะก่อนที่ตนเองจะลงมานั่งเก้าอี้ก่อนที่ตัวเองจะเดินมานั่งเก้าอี้ประจำ แต่พอป้าสำรวยวางชามข้าวต้มตรงหน้าเขาก็รู้สึกพะอืดพะอมและวิ่งไปอาเจียนในห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องรับแขกอีกครั้ง
คุณานนท์โก่งคออาเจียนแต่ก็ไม่มีอะไรออกมาเลยเพราะเช้านี้เขายังไม่ได้ทานอะไรเลยสักนิด
“นนท์ย่าว่าเราต้องไปหาหมอแล้วนะลูก” คุณชมนาดเดินตามหลานชายมาห่างๆ ด้วยความเป็นห่วง
ผมไม่เป็นไรจริงๆ ครับคุณย่า แต่วันนี้กลิ่นข้าวต้มของป้าสำรวยมันฉุนไปหน่อย”
“แต่ย่าว่าก็ปกตินะหอมดีด้วยซ้ำ กระเทียมเจียวหอมๆ แบบนี้แต่ก่อนนนท์ก็ชอบไม่ใช่เหรอ”
“ก็ใช่ครับผมชอบ แต่วันนี้ผมรู้สึกว่ามันเหม็นมากๆ ขอโทษนะครับป้าสำรวยที่พูดตรง”
“ไม่เป็นไรค่ะ สงสัยว่าวันนี้ป้าจะเจียวกระเทียมผิดสูตร”
“นี่ถ้าเราเป็นผู้หญิงย่าเขาคงคิดว่าเราท้องแล้วนะ”
“คุณย่าครับแต่ผมเป็นผู้ชายจะท้องได้ยังไงล่ะครับ”
“เอายังไงดีล่ะหมอก็ไม่ยอมไปหาให้ย่าโทรถามพี่สาวเราให้ไหม”
“ไม่เป็นไรครับคุณย่าผมขอนั่งพักอีกนิดก็แล้วกัน” คุณานนท์ออกจากห้องน้ำก็เดินไปยังห้องรับแขกด้วยใบหน้าซีดเซียว
“ไปนั่งพักในห้องรับแขกนะ สำรวยไปชงยาหอมมาให้คุณนนท์หน่อยนะ”
“ได้ค่ะคุณท่าน”
“ผมไม่ใช่คนแก่นะครับที่จะต้องกินยาหอมแบบนั้น”
“ลองกินหน่อยก็ไม่เสียหายอะไรหรอก นนท์ไม่ยอมไปหาหมอก็อย่าดื้อ” คุณย่าชมนาดดุหลานชายแต่ก็เพราะความเป็นห่วง
คุณานนท์พยักหน้ารับคำจากนั้นป้าสำรวยก็เอาแก้วยาหอมที่ชงอุ่นๆ มายื่นให้กับชายหนุ่ม เขารับมาแล้วลังเลแต่พอมองหน้าผู้เป็นย่าและเห็นสีหน้าของท่านดูเป็นห่วงและเป็นกำลังวงชายหนุ่มก็เลยยกแก้วขึ้นมาจิบทีละนิดจนในที่สุดยาก็หมดแก้ว
“เป็นยังไงบ้างลูกรู้สึกดีขึ้นไหม” คุณชมนาดถามหลานชายเมื่อเขาดื่มไปได้สักพัก
“ดีขึ้นครับคุณย่า แปลกจังปกติผมไม่ชอบยาหอมแบบนี้เลย” ชายหนุ่มรู้สึกแปลกมากเพราะปกติเขาไม่เคยกินยาหอมแบบที่คุณย่าชอบทานแบบนี้มาก่อนเลย
“นั่นสิค่ะป้าสำรวยก็ว่าอาการคุณนนท์แปลกมากเลยค่ะ คุณนนท์อาการเหมือนคนแพ้ท้องเลยนะคะ”
“ฉันก็คิดว่าอย่างนั้นแหละสำรวยแต่หลานของฉันเป็นผู้ชายนะ”
“คุณท่านคะหรือคุณนนท์จะแพ้ท้องแทนเมียคะ” ป้าสำรวยตั้งข้อสังเกต
“ผมยังไม่มีเมียนะจะแพ้ท้องแทนเมียได้ไง” คุณานนท์ส่ายศีรษะเพราะไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ เขาคิดว่าอาการที่ตนเองเป็นอยู่น่าจะเพราะตัวเองพักผ่อนน้อยและเครียดเรื่องงานมากกว่า
“ย่าก็คิดเหมือนสำรวยเลยนะ นนท์ลองคิดดูๆ สิลูกว่าช่วงนี้ได้ไปยุ่งกับผู้หญิงที่ไหนแล้วแอบทำใครท้องหรือเปล่า” คุณชมนาดถามหลานชาย
“คุณย่าครับ ช่วงนี้ผมไม่ได้คบใครเลยสักคนแล้วจะทำผู้หญิงที่ไหนท้องได้ล่ะครับ” ชายหนุ่มรีบปฏิเสธเพราะช่วงนี้เขางานยุ่งมากๆ ไม่มีเวลาควงผู้หญิงคนไหนเลย
“แต่อาการเหมือนมากๆ เลยนะลูก ตอนนี้ในตู้มีสตรอว์เบอร์รีอยู่สำรวยไปเอามาให้คุณนนท์ท์กินหน่อยเผื่อกินแล้วจะดีขึ้นกว่านี้”
“ได้ค่ะ”
ป้าสำรวยรีวิ่งเข้ารีบเดินกลับเข้าไปในครัวแล้วเอาสตรอว์เบอรีกับพริกเกลือมาวางให้กับชายหนุ่มตรงหน้าและรอลุ้นว่าเขาจะทานไหมเพราะปกติแล้วคุณานนท์เป็นคนไม่ชอบทานผลไม้รสเปรี้ยวเท่าไหร่
เมื่อคุณานนท์เห็นสตรอว์เบอร์รีสีแดงสดตรงหน้าเขาก็หยิบขึ้นมากัดโดยไม่ต้องจิ้มพริกเกลือ
“อร่อยดีเหมือนกันนะครับ” เขากัดสตรอว์เบอร์รีเข้าปากหนึ่งลูกก็พูดขึ้นจากนั้นก็กัดลูกที่สองและสามตามที่สองที่สามตาม
คุณชมนาดมองหลานชายด้วยความแปลกใจเพราะอาการที่คุณานนท์แสดงอยู่นั้นมันเหมือนกับอาการของคนแพ้ท้องจริงๆ
“นนท์ย่าว่าลองคิดดูดีๆ อีกสักครั้งนะลูกว่าได้ด้วยไปทำผู้หญิงคนไหนท้องหรือเปล่า
“ครับไม่มีจริงๆ ครับคุณย่า”
“ย่าจะไม่ได้คาดคั้นเอาคำตอบตอนนี้หรอกนะ แต่ย่าอยากให้นนท์ลองนึกย้อนไปนานกว่านี้สักสองหรือสามเดือนหรือนานกว่านั้นหน่อยเผื่อบางทีนนท์อาจจะลืม”
“คุณย่าครับถ้าเกิดผมไปทำผู้หญิงท้องจริงๆ คุณย่าจะทำยังไงล่ะครับ”
“ย่าก็ต้องดีใจมากๆ เพราะนนท์ก็รู้ว่าย่าอยากจะอุ้มเหลนถ้ารู้ว่าเธอคนนั้นเป็นใครอยู่ที่ไหนก็พาเธอมาอยู่กับย่าที่นี่เราต้องดูแลเธออย่างดีเพราะลูกในท้องของเธอก็คือเหลนของย่านะ"
“ย่าครับถ้าสมมติว่าผมไปคว้าผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้มาเป็นเมียขึ้นมาคุณย่าจะทำยังไง”
“เรื่องแม่ของเด็กย่าก็คงไม่ยุ่งนนท์ต้องเป็นคนจัดการเอง ส่วนเรื่องเด็กในท้องเราต้องดูแลอย่างดี”
“คุณย่าหมายถึงถ้าหากผมทำผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ท้องคุณย่าจะรับแค่เหลนและไม่รับแม่ของเด็กเหรอครับ”