"เบาหน่อยนาวา~ อ๊าาา~"
"ไอ้นาวาเบาก่อนเดี๋ยวใส่พร้อมกันนีน่าจะไม่ไหว"
"ผมเนี่ยจะไม่ไหวแล้ว~ อ่าา~"
ปึก! ปึก! ปึก!
นาวาตอกกระแทกเข้ามาใส่ร่างกายฉัน พร้อมกับดึงท่อนเอ็นออกมาเขาพ่นฉีดน้ำสีขาวขุ่นใส่บนตัวฉันจนเปรอะเปื้อน พี่นาวินรีบตามเข้ามาสอดใส่ท่อนเอ็นจากนั้นก็สาวเอวอย่างบ้าคลั่งทั้งรุนแรงทั้งหนักหน่วง
ความเสียวของฉันมันทำให้ฉันรับรู้ว่าตัวเองกำลังจะถึงจุดสำคัญ ฉันหวีดร้องเสียงออกมาพร้อมกับปลดปล่อยความใคร่ของตัวเองจนเปรอะเปื้อนหน้าท้องของพี่นาวิน
ปึก! ปึก! ปึก!
"อ๊าาา~ ไม่ไหวแล้ว~ กรี๊ดดด~"
"อ่าาา~"
ฉันถูกปล่อยให้นอนอย่างหมดแรง ทั้งสองเดินออกไปที่ระเบียงเพื่อสูบบุหรี่คลายความเหนื่อยและความกังวล ทั้งสองมองมาที่ร่างกายของฉันตอนนี้ฉันไม่มีแรงแม้แต่จะก้าวขาลงจากเตียงนอน
พี่นาวินรีบทิ้งบุหรี่แล้วเดินเข้ามาหาฉันตามด้วยนาวา ทั้งสองพาฉันเข้ามาอาบน้ำในห้องน้ำฉันต้องผลักพวกเขาออกไปเพื่อที่จะได้อาบน้ำอย่างสะดวกขืนพวกเขาอยู่ด้วยฉันคงจะเจ็บตัวอีก
แค่วันแรกฉันก็โดนรังแกขนาดนี้ วันต่อๆ ไปจะเป็นยังไง ฉันต้องถูกพวกเขาทำแบบนี้ซ้ำๆ ใช่ไหม
ฉันเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากนอนแช่อยู่ประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง ออกมาตอนนี้ทั้งสองเปลี่ยนผ้าปูที่นอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว แถมเสื้อผ้าของฉันก็ถูกหยิบออกมาวางไว้บนเตียงเป็นชุดนอนสบายๆ
"ต้องดูแลขนาดนี้เลยเหรอ?"
บ่นพึมพรำกับตัวเองเสร็จฉันก็เดินออกไปจากห้องเพื่อไปดูอาหารที่พี่นาวินซื้อมาตอนนี้ถูกทั้งสองคนจัดใส่จานเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแค่รอฉันมานั่งพวกเขาก็จะได้ทานพร้อมกัน
"อันนี้ยาคุมกำเนิดมันเป็นแบบกินทุกวันนะ ส่วนนี่ยาแก้อักเสบแก้ปวดกินกันไว้หน่อยก็ดีเดี๋ยวจะเป็นไข้"
นาวาส่งถุงยาให้ฉัน ฉันรีบหยิบมันแล้ววางไว้ด้านหลังก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานข้าวเงียบๆ ไม่อยากมองหน้าพวกเขาเลย
"หลังจากนี้มึงจะทำยังไงต่อไอ้วา"
"ก็ตามที่คุยกันไว้นั่นแหละ"
"นายสองคนมีอะไรจะพูดไหม คือเรื่องวันนี้ฉันเองก็มีส่วนผิดที่ง่ายเกินไป"
"ไม่ใช่ เธอไม่ได้ง่ายฉันต่างหากที่มันแพ้แล้วพาล ทั้งๆ ที่รู้ว่ายังไงเธอกับพี่ชายฉันก็ต้องเข้าพิธีหมั้นกันอยู่ดี แต่ฉันมันไม่ยอมเองถึงได้ทำเรื่องแบบนี้ แต่ฉันก็รู้สึกดีกับเธอมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่พักหลังฉันแค่น้อยใจที่บ้านน้อยใจที่พ่ออยากให้เธอไปเป็นเมียพี่ฉัน"
"แล้วทำไมนายถึงไม่คุยกับฉันตรงๆ ทำไมถึงไม่เปิดใจคุยกันตั้งแต่แรกล่ะ"
"ผิดที่ฉันนี่แหละที่เข้าหาเธอ มันก็เลยทำให้ไอ้วาคิดว่าเราสองคนน่าจะมีใจให้กันพอมันรู้ว่าวันนั้นฉันขึ้นไปส่งเธอบนห้อง มันก็เลยทำใจไม่ได้จากนั้นฉันก็เลยทะเลาะกันหนักเพิ่งจะมาได้คุยกันเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง"
"คืนนี้ฉันขอนอนคนเดียวนะ ฉันไม่ชอบนอนกับใครมานอนไม่หลับ"
ทั้งสองพยักหน้าจากนั้นพวกเราก็นั่งทานข้าวกันจนอิ่ม พี่นาวินเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเองส่วนนาวากับฉันนั่งติวกันอยู่ที่โต๊ะอาหาร แม้ฉันจะรู้สึกอึดอัดแต่พอได้คุยได้เปิดใจฉันจะเริ่มรู้สึกว่าพวกเขาทั้งสองคนก็มีมุมน่ารักอยู่ไม่น้อย
"น้ำชาโทรมาหานายหลายสายแล้วนะ นายไม่คิดจะรับบ้างหรือไง"
"ไว้พรุ่งนี้ฉันจะจัดการกับน้ำชาเองแล้วฉันก็จะบอกกับน้ำชาว่าตอนนี้เธอเป็นเมียฉันแล้ว"
"ตลกถ้านายไปพูดแบบนั้น ฉันกลัวว่าน้ำชาจะพาลมาด่าฉันน่ะสิ"
"ฉันก็รู้จักกับน้ำชามานานไม่คิดเหมือนกันว่าน้ำชาจะเป็นคนแบบนี้ ทำไมชอบพูดให้คนอื่นผิดใจกันด้วย"
"เอาจริงๆ ฉันก็ไม่ได้ชอบน้ำชาสักเท่าไหร่หรอกแต่ที่ฉันยอมคบน้ำชาเป็นเพื่อนก็เพราะเห็นว่าน้ำชาสนิทกับนาย ถ้าไม่ใช่นายคนอย่างน้ำชาฉันคงไม่ยุ่งเพราะนายคนเดียวที่พาน้ำชามาให้ฉันรู้จัก"
"ถ้าฉันรู้ว่าน้ำชาสันดานแบบนี้ ฉันคงไม่เสียเวลาไปทำความรู้จักหรอก"
กว่าจะติวหนังสือกันเสร็จก็เกือบเที่ยงคืน ฉันเริ่มมีอาการง่วงนอนจึงขอตัวทั้งสองคนเข้ามานอนหลับในห้อง พอหัวถึงหมอนฉันจะเริ่มคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ที่นี่กับอยู่ที่บ้านมันก็ไม่ได้ต่างอะไรกันมากอยู่ที่บ้านเหมือนฉันต้องอยู่กับแม่บ้านเป็นส่วนใหญ่เพราะคุณพ่อกับคุณแม่ก็มีแต่งานต้องเดินทางไปต่างประเทศ
อยู่ที่นี่แม้จะเจอความวุ่นวายของพี่น้องที่ชอบทะเลาะกันแต่อย่างน้อยพวกเขาก็ยังให้พื้นที่กับฉัน ไม่ได้บังคับขู่เข็ญให้ฉันต้องตกไปเป็นเมียต้องปรนเปรอปรนนิบัติร่วมบนเตียงตลอดทั้งวันทั้งคืน
กลางดึกฉันเดินออกมาด้านนอกก็เจอพี่นาวินกำลังนอนนวดขมับอยู่ที่โซฟาจึงเดินเข้าไปหา พร้อมกับนั่งลงแล้วส่งนิ้วมือเรียวยาวไปนวดขมับให้เขา มันทำให้พี่นาวินสะดุ้งตื่นลืมตาขึ้นมามองหน้าฉัน
"พี่นาวินปวดหัวหรือเปล่าคะ?"
"นิดหน่อยครับ พอดีเคลียร์เรื่องงานที่มหาวิทยาลัยไหนจะเรื่องธุรกิจของพี่อีก ทุกอย่างมันเข้ามาพร้อมกันพี่เลยหันไปทางไหนไม่ได้ต้องค่อยๆ เคลียร์ไปทีละเรื่อง"
"มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่า บอกฉันได้นะคะเรื่องเอกสารฉันพอทำได้ค่ะ"
"ไปนอนพักเถอะเดี๋ยวไว้พรุ่งนี้พี่ค่อยขนไปทำที่มหาวิทยาลัย"
"ก็ได้ค่ะ ฝันดีนะคะพี่นาวิน"
"ฝันดีครับตุ๊กตาน้อยของพี่"