วันต่อมาฉันเดินทางมาเรียนพร้อมกับทั้งสองคน พี่นาวินเป็นคนขับส่วนนาวานั่งอยู่ด้านหน้า ฉันเริ่มใจคอไม่ดีเพราะรู้สึกว่าการมาเรียนในวันนี้ต้องเกิดปัญหาใหญ่แน่ แต่นาวากับพี่นาวินกลับไม่รู้สึกอะไรเลย
เพียงแค่ลงจากรถน้ำชาก็รีบเดินมาหาแถมยังทำหน้าตาไม่สบอารมณ์ ยิ่งเห็นฉันเดินลงมาจากรถด้วยเธอก็รีบปรี่เข้ามาหาฉันเพื่อถามถึงสาเหตุที่ฉันเข้ามานั่งอยู่ในรถคันนี้
"ทำไมเธอมานั่งอยู่ในรถของพี่นาวินล่ะ หรือว่าเธอตกลงหมั้นกับพี่นาวินแล้ว?"
"ทำไมล่ะฉันจะมารถของพี่นาวิน หรือพี่นาวามันมีปัญหาอะไรหรือเปล่า"
"ฉันคิดว่าเธอน่าจะเข้าใจฉันบ้างนะ คืนนั้นมันมีอะไรหลายอย่างเกิดขึ้นโดยที่เธอไม่รู้"
"อะไรล่ะที่มันเกิดขึ้นในคืนนั้นพูดมาสิน้ำชา?"
นาวาเดินมาด้านหลังทำให้น้ำชาเริ่มหน้าถอดสีแต่เธอก็ยังยิ้มสู้ พร้อมกับส่ายหน้าทำตัวใสซื่อเหมือนเป็นคนดีที่ไม่เคยมีพิษมีภัยกับใคร
"ไม่มีอะไรหรอก นายเป็นอะไรหรือเปล่าฉันโทรไปหาไม่เคยรับสายเลยหรือว่าแอบเล่นเกมไปเที่ยวที่ไหนบอกมาเลยนะ"
"ไม่คิดว่าฉันต้องรายงานเธอทุกเรื่องนะ ปกติฉันจะทำอะไรหรือจะไปที่ไหนฉันก็ไม่เคยบอกเธออยู่แล้วนะน้ำชา"
"งั้นเราแยกย้ายกันตรงนี้ดีกว่าพี่ขอขึ้นไปทำงานก่อน เราก็ตั้งใจเรียนล่ะมีอะไรก็โทรหาพี่เข้าใจไหม"
"ค่ะท่านรอง"
ฉันฉีกยิ้มให้กับพี่นาวินพี่นาวินคงไม่อยากเอาตัวเองเข้ามาพัวพันกับปัญหาตรงนี้ จึงขอแยกขึ้นไปทำงานก่อนส่วนฉันได้แต่ยืนมองนาวากับน้ำชากำลังโต้เถียงกันไปมา
"ที่ผ่านมาฉันหวังดีกับนายมาโดยตลอดนะนาวา นายดูไม่ออกเหรอว่าสิ่งที่ฉันทำไปเพราะอะไร"
"ที่ผ่านมาฉันอาจจะโง่ก็ได้ โง่จนเกือบเสียตัวให้ผู้หญิงแบบเธอ ขอโทษนะส่วนเรื่องคืนนั้นเธออย่าเอาไปพูดกับใครล่ะว่ามีอะไรกับฉันเพราะความจริงแล้วฉันไม่ได้ทำอะไรเธอเลย"
น้ำชายืนอ้าปากค้างนักศึกษาที่นั่งอยู่บริเวณนั้นเริ่มซุบซิบพูดคุยกันเพราะน้ำชาคงเอาไปพูดกับใครหลายคน ว่าตัวเองนั้นมีอะไรกันกับนาวาแล้ว แต่สิ่งที่นาวาพูดออกมามันก็เป็นสิ่งที่จะยืนยันว่าตัวเขาไม่เคยมีอะไรกับน้ำชา คืนนั้นเขายังพอมีสติอยู่ นักศึกษาหลายคนก็เริ่มพูดกันปากต่อปากมีการแชตสนทนาถึงความลับที่น้ำชาปกปิดเอาไว้
นาวาจับมือฉันเดินขึ้นมาด้านบน เขาไม่ได้สนใจสายตาของใครและไม่มีใครกล้านินทาว่าร้ายเพราะที่ผ่านมาฉันกับนาวาก็มีความเกี่ยวข้องกันมาตั้งแต่เด็ก รู้จักกันมานานที่สำคัญครอบครัวฉันกับครอบครัวของนาวาก็ค่อนข้างสนิทกัน
"วันนี้มีคนมองพวกเราหลายคนเลย ฉันไม่ค่อยชอบเวลาที่ถูกมองแบบนี้นายน่าจะเข้าใจนะนาวา"
"ฉันก็ไม่ได้ชอบให้ใครมามองด้วยสายตาแบบนี้ แต่ถ้าวันนี้ฉันไม่พูด น้ำชาก็คงเอาฉันไปพูดเสียๆ หายๆ"
เมื่ออาจารย์เข้าสอนฉันก็มองหาน้ำชาเธอไม่ได้ขึ้นมาเรียน พอฉันหันไปถามนาวาสีหน้าเขาก็ดูเหมือนไม่อยากตอบคำถาม ออกจะรำคาญเสียงของเพื่อนนักศึกษาคนอื่นที่ถามว่าน้ำชาไปไหน
ฉันก็อยากจะตอบแทนเหมือนกันว่ายัยนั่นโดนนาวาตอกหน้าไปแล้ว ป่านนี้คงไปมุดอยู่ที่ไหนสักแห่ง
"งานกลุ่มที่เราเคยทำกับน้ำชาจะทำยังไงล่ะ"
"ตัดชื่อน้ำชาออกไปเลยเราทำได้สองคนก็ได้"
"แต่เราควรบอกน้ำชานะว่าจะตัดชื่อออก"
"ไม่ต้องบอกหรอกเดี๋ยวฉันถีบออกจากกลุ่มเอง"
พูดจบนาวาก็กดเข้ากรุป LINE แล้วถีบน้ำชาออกจากกลุ่มงาน จนเหลือเพียงฉันกับเขาแค่สองคน
"เท่านี้ก็จบ"
ฉันอยากจะส่ายหน้ากับท่าทางของนาวาเหลือเกิน กว่าอาจารย์จะปล่อยพวกฉันลงมาไม่รู้ว่าเรื่องราวของนาวากับน้ำชาถูกพูดถึงไปถึงไหนแล้ว โชคดีที่ยังไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้สถานะของฉันกับนาวาและพี่นาวินมันซับซ้อนขนาดไหน
"เฮ้ยไอ้วายังไงวะมึง ได้ข่าวว่ามึงทะเลาะกับน้ำชาเหรอ"
"พวกมึงนี่หูไวเชียวนะ"
"ก็น้ำชาไปร้องไห้อยู่ที่สนามบาส ไม่ยอมขึ้นไปเรียนตอนนี้อยู่กับพวกจีน่า"
"ช่างเถอะกูไม่ชอบคนที่ชอบสร้างปัญหาให้กู"
"แต่มึงได้เขาแล้วมึงจะทิ้งแบบนี้มันทุเรศนะเว้ย ยังไงน้ำชาก็เป็นเมียมึง!"
"เมีย! มึงพูดใหม่ซิน้ำชาเนี่ยนะเมียกู"
"เขารู้กันทั่วว่ามึงกับน้ำชาได้กันแล้ว มึงอย่าให้พวกกูเหนื่อยใจกับมึงไปมากกว่านี้เลยนะไอ้วา"
"ไอ้บอลกูไม่รู้นะว่าทำไมมึงถึงคิดแบบนี้ แต่กูยืนยันได้ว่ากูกับน้ำชาไม่เคยมีอะไรกัน"
"ช่างเถอะมึงก็ควรไปดูน้ำชาหน่อย กูเห็นแล้วสงสารวะ"
"ไปดูหน่อยไหมนาวาเดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อน"
"ไม่อะ เราไปหาขนมกินกันเถอะใครจะพูดยังไงก็ช่างแม่งมันเพราะฉันมีคนที่ฉันต้องแคร์อยู่แล้ว"
นี่แหละนิสัยของนาวาถ้าหากไม่เอาอะไรก็จะไม่เหลียวแลเลย น้ำชาก็คงไม่หยุดแค่นี้ฉันมองตาก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้มีความแค้นอยู่ในใจ ทั้งเสียใจและเสียหน้า
"นายใจเย็นหน่อยสินาวา"
"ฉันไม่มีทางใจเย็นกับผู้หญิงแบบน้ำชาหรอก เธอกับฉันก็เคยผิดใจกันเพราะน้ำชาอย่าลืมสินีน่า"