ผมเป็นหมอ

1429 Words
ตอนที่ 8 ผมเป็นหมอ หลังอาหารมื้อเย็นเสร็จสิ้น น้ำผึ้ง อยู่คุยกับเด็กทั้งสองอยู่ครู่ใหญ่และได้ซึมซับความเป็นอยู่ของเด็กหญิงทั้งคู่ที่จะนอนห้องติดกับคุณนวลอนงค์ผู้เป็นย่า โดยมี ป้าว่าน คอยดูแลความเรียบร้อยจนกระทั่งส่งเด็กเข้านอน ซึ่งจะต้องนอนไม่เกินสามทุ่มครึ่งของทุกวัน “พี่ผึ้งต้องกลับเหรอคะ นอนที่นี่ไม่ได้เหรอ?” พลอยใส แฝดผู้พี่กระซิบถามเบาๆ แววตากลมโตไหวระริกเล็กน้อยเมื่อหญิงสาวบอกให้ไปนอนด้วยเริ่มจะดึกแล้ว ทำให้พี่เลี้ยงสาวต้องย่นกายลงนั่งและเอ่ยเสียงอ่อนโยน “ไว้เราเจอกันพรุ่งนี้ไงคะ เพราะเดี๋ยวหนูทั้งคู่ก็ต้องไปโรงเรียนจะได้เขียนตัวหนังสือให้ครบไงคะ ตอนเย็นจะได้เอามาให้พี่ดูอีกไง กินนมจะได้รีบนอนนะ” “ก็ได้ค่ะ” เด็กหญิงพยักหน้าและทำตามอย่างว่าง่าย นมอุ่นจึงถูกกระดกรวดเดียวจนหมด “หนูเก่งมั้ยคะ?” “เก่งมากเลยค่ะ” “ขออีกแก้วได้มั้ยคะ” เมื่อถูกชมว่าเก่ง เด็กน้อยจึงอยากจะกินเพิ่มอีกหน่อยเมื่อเห็นว่าโถนมอุ่นยังมีเหลืออยู่ น้ำผึ้งจึงเอื้อมหยิบเพื่อจะจับเทนมใส่ในแก้วให้ ในจังหวะที่เด็กหญิงถือมาให้และอยากจะนั่งบนตักของเธอ ทำให้โถแก้วนั่นเลื่อนหลุดจากมือตกยังขอบโต๊ะและกระเด็นมาโดนต้นขาของเธอ เพล้ง!! “อุ้ย” “พี่คนสวย! แง” แฝดผู้น้องดูจะตกใจกว่าเพื่อน เมื่อเห็นเศษแก้วปาดยังต้นขาของพี่เลี้ยงจึงร้องให้จ้าออกมา ขณะที่แฝดผู้พี่นั้นยืนนิ่งและมองมาที่พี่เลี้ยงคล้ายสำนึกผิด “ไม่เป็นไรจ้ะ พี่ไม่เป็นไร” “มีอะไรกัน?” นกุล เดินออกมาจากห้องทำงาน เมื่อได้ยินเสียงร้องของลูกสาว ก่อนที่หัวคิ้วหนาจะย่นเข้าหากันเมื่อเห็นเศษแก้วกระจายอยู่เต็มพื้น และรอยเลือดตรงโคนขาอ่อนของหญิงสาวที่วันนี้เธอใส่ชุดเดรสกระโปรงเพื่อความสุภาพ “ผึ้งไม่ระวังเองค่ะ พอดีจะรินนมให้น้องพลอยใสแล้วลื่นหลุดมือ ไม่ได้เกี่ยวกับน้องนะคะ” เธอรีบบอกเขาทันที “ผมยังไม่ได้ว่าอะไรเลย” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงราบเรียบ “อย่าเพิ่งขยับ เดี๋ยวเหยียบเศษแก้วให้แม่บ้านเก็บให้เรียบร้อยก่อน พลอยใสยืนอยู่ตรงนั้นก่อนนะลูก” “พี่ผึ้งเจ็บมั้ยคะ?” เด็กหญิงยังคงเป็นห่วงพี่เลี้ยงสาว แม้แม่บ้านจะทำความสะอาดเสร็จแล้ว และกำลังจะพาทั้งคู่เข้านอน “พี่ผึ้งไม่เป็นไรเลยค่ะคนเก่ง น้องพลอยใสไปนอนนะพรุ่งนี้ค่อยเจอกัน” “เดี๋ยวผมทำแผลให้” คุณหมอเจ้าของบ้านเดินกลับมาอีกครั้งพร้อมกล่องยาและอุปกรณ์ทำแผลเมื่อเห็นว่าลูกสาวขึ้นห้องนอนแล้ว แต่หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธแม้จะมีรอยบาดของเศษแก้วตรงโคนขาอ่อนที่โผล่พ้นกระโปรงชุดเดรสมาก็จริงแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร ความจริงเธอไม่ควรใส่กระโปรงมาด้วยซ้ำ ลืมไปว่าไม่ได้มาสัมภาษณ์งานบริษัท “ไม่เป็นค่ะคุณหมอ รอยนิดเดียวเองหนูกลับเลยดีกว่า” วันนี้เธอได้รับบรีฟรายละเอียดงานจากเขาค่อนข้างจะครบถ้วนแล้ว จึงอยากจะกลับไปพักผ่อนมากกว่า “ได้ยังไงคุณเป็นแผล เกิดเป็นบาดทะยักขึ้นมาละ” “.....” บาดทะยัก เศษแก้วแค่นิดเดียวนี่นะ “มานั่งนี่” เสียงของคุณหมอรูปหล่อเข้มขึ้น ทำให้คนตัวเล็กจำต้องเดินไปย่อกายนั่งยังโซฟาริมห้องแต่โดยดี ทว่าก็ยังคงเปรยตาคนตรงหน้าที่ก้มๆเงยๆอยู่กับของในกล่องที่น่าจะเป็นแอลกอฮอล์และอุปกรณ์ล้างแผล “.....” “ถลกกระโปรงขึ้นหน่อยครับ” สีหน้าของเขาจริงจัง ขณะที่สองแก้มของเธอผ่าวร้อนขึ้นมาแทบจะทันที ด้วยตอนนี้เขาย่อกายลงนั่งข้างล่างตรงระหว่างขาเธอ ขณะอุ้งมือหนาจับขาเธอแยกออกจากกัน “อ่ะ คุณหมอ..ผึ้งว่าผึ้งทำเองดีกว่า” หัวใจเธอแทบจะกระเด็นออกมานอกอก เมื่อความร้อนจากฝ่ามือของเขานาบยังเนื้ออ่อนตรงข้อเท้า “ผมทำให้จะสะดวกกว่า จะได้ช่วยดูด้วยว่ามีแผลตรงไหนเพิ่มมั้ย ล้างทำความสะอาดแผลให้สะอาดจะได้ไม่ติดเชื้อ ไม่งั้นก็ต้องฉีดยา” ฉีดยา!! ไม่นะ ...เธอกลัวเข็มเป็นที่สุด “ไม่เอาค่ะ ไม่ฉีดยาไม่เด็ดขาด” แผลแค่นี้ ปกติถ้าอยู่ที่บ้านเธออาบน้ำและเข้านอนด้วยซ้ำ ไม่คิดจะมาอนามัยกลัวติดเชื้อใส่ยาอะไรให้มากมายหรอก ยิ่งต้องหาหมอแล้วฉีดยาด้วยแล้ว ..ไม่มีทาง! ถ้าไม่เลือดตกยางออกจริงๆ อย่าหวังว่าเธอจะไปพบหมอ แค่เธอเห็นเลือดในวันนั้น ยังเป็นลมเลย “กลัว?” ดวงตาคู่สีนิลหลุบต่ำลง เมื่อมือขาวเล็กจับมือหนาของเขาไว้แน่น ท่าทางตื่นตระหนกจนเกินเหตุของเธอนั้น ทำให้ชายหนุ่มต้องอมยิ้มมุมปากเล็กน้อย “มะ ..ไม่ได้กลัว” “ไม่กลัวก็ถลกกระโปรงขึ้น หรืออาย?” “....” ก็อายนะซิ! เธอเป็นผู้หญิงนะ เกิดมาเคยต้องมาถลกกระโปรงต่อหน้าผู้ชายเสียที่ไหนกัน แถมผู้ชายตรงหน้าก็หล่อเหลายิ่งกว่าพระเอกซีรี่ย์ ไม่อายก็บ้าแล้ว “ไม่ต้องอาย ผมเป็นหมอ” เป็นหมอแล้วไง! แม้จะค้านเขาอยู่ในใจ แต่หญิงสาวก็ยอมดึงกระโปรงตัวเองขึ้นสูงจนร่นไปถึงขอบแพนตี้ที่มีรอยเศษแก้วเล็กๆปักอยู่ เธอเอนหลังพิงไปกับพนักโซฟา คุณหมอนั่งลงกับพื้นแล้วโน้มหน้าหล่อเหลาก้มลงมองอย่างตั้งใจ น้ำผึ้ง เม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น อาย... อายจนแทบอยากจะมุดหน้าลงดินเสียอย่างนั้น “มีเศษแก้วปักอยู่ตรงนี้ด้วย” เขาทำเสียงต่ำพร่า ขณะก้มหน้าลงใกล้แล้วใช้ปลายคีมคีบเศษแก้วเล็กๆออกจากบริเวณนั้น มืออีกข้างกดขาเธอยังโซฟาแน่น ขนอ่อนในกายของเธอเริ่มจะลุกชูชัน “อ๊ะ” ความแสบบังเกิดขึ้น เมื่อคุณหมอปาดสำลีชุบแอลกอฮอล์ยังบริเวณนั้น ทว่ายังไม่เท่ากับความรู้สึกวูบวาบที่เกิดขึ้น ยามลมหายใจอุ่นร้อนของเขาเป่ารดยังโคนขาอ่อนด้านใน หญิงสาวปรือตาหรี่มองใบหน้าหล่อเหลาที่โน้มอยู่ตรงระหว่างขาของเธอ พลันความรู้สึกบางอย่างก็แล่นขึ้นมาในหัว ไม่นะ!! “แสบนิดเดียว ผมกำลังทำแผลให้” ใบหน้าหล่อเหลายังคงเรียบเฉย ทว่าดวงตาคู่สีนิลนั้นกลับวาววับขึ้นเหมือนมีประกายบางอย่าง อุ้งมือหนาตรึงโคนขาของเธอไว้แน่นไม่ให้ขยับ “อื้อ...คุณหมอคะ” ร่างเล็กบิดไปมาเล็กน้อย ไม่แน่ใจว่าเพราะความแสบของแอลกอฮอล์หรือเพราะความผ่าวร้อนจากมือของคุณหมอกันแน่ แต่ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเริ่มจะหายใจระส่ำไม่เป็นจังหวะ “อย่าขยับครับ เหมือนจะมีเศษแก้วอยู่อีกนิดหน่อย” น้ำเสียงของเขานุ่มนวลลงกว่าเดิม เหมือนคุณหมอใจดีที่กำลังหลอกล่อคนไข้ให้เคลิบเคลิ้มก่อนที่จะปักเข็มฉีดยาลงบนเนื้อ เธอจำได้ดีตั้งแต่เด็กว่าหมอที่น้ำเสียงสุภาพและหน้าตาหล่อสะอาดส่วนใหญ่จะเป็นแบบนั้น และตอนนี้คุณหมอรูปหล่อก็กำลังหลอกล่อเธอ “อ่ะ..อ๊าย” เสียงหวานของหญิงสาวทำให้หัวคิ้วของ นกุล กระตุกเล็กน้อย ความรู้สึกเอ็นดูลึกๆผุดขึ้นมาในใจ กับท่าทีอีกด้านที่เขาเพิ่งเคยเห็น ที่ผ่านมามีหลายอย่างที่เขาประหลาดใจในเธอ นับตั้งแต่ท่าทีของลูกสาวทั้งสองของเขา และการได้พบเธออีกครั้งในฮิพผับวันนั้น และยังเสียงครางที่ออกมาจากปากจิ้มลิ้มในตอนนี้อีก เด็กสาวคนนี้มีอะไรที่น่าสนใจกว่าที่คิด และยิ่งได้สัมผัสผิวเนียนละเอียดบริเวณโคนขาอ่อน ที่ชิดกับขอบแพนตี้ตัวบางนี้อีก ทำให้ความรู้สึกอะไรบางอย่างเริ่มผุดขึ้นมาในจนชายหนุ่มต้องขบกรามตัวเองแน่นจนเป็นสันนูนเด่น จนเขาต้องเอ่ยบอกเธอเสียงต่ำพร่า “เสียงครางคุณเพราะจัง” *************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD