ตอนที่ 14
อยู่ในการควบคุม3
(ยังไม่กลับเหรอลูก?)
“ว่าจะโทรไปบอกแม่อยู่พอดีว่าหนูผ่านการทดลองงานแล้ว ต่อไปต้องค้างอยู่ที่บ้านคุณหมอในตอนกลางคืน เดี๋ยวตอนเช้าหลังส่งคุณหนูไปโรงเรียนหนูจะเข้าไปเก็บของนะแม่)
น้ำเสียงของ น้ำผึ้ง แหบพร่าขณะจับมือถือไว้แน่น หลังจากประตูห้องถูกปิดลง เธอรู้สึกเหมือนไร้เรี่ยวแรงจากจูบสูบวิญณานของคุณหมอจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ เลยต้องทรุดนั่งลงกับพื้นเพื่อคุยโทรศัพท์กับแม่
(อ้อๆดีแล้วละ พักอยู่ที่นั่นเลยแม่จะได้สบายใจ ไปๆกลับๆ ดึกๆแม่เป็นห่วง เผื่อวันไหนไอ้เหนือมันไม่ว่างด้วย)
“แล้วเหนือกลับรึยังละแม่?”
(เพิ่งกลับมาเมื่อกี้ขึ้นห้องอาบน้ำนอนไปละช่วงนี้มันวิ่งงานดึกทุกวัน บางวันกลับเกือบเที่ยงคืนแล้วออกไปตั้งแต่เช้า)
“ยังไงแม่ก็ดูแลตัวเองดีๆนะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ”
(แม่ไม่เป็นไรหรอกลูก ดูแลตัวเองด้วย)
ปลายสายตัดไป ก่อนที่น้ำผึ้งจะผ่อนลมหายใจออกมา ความรู้สึกสับสนมากมายประดังเข้ามาในหัว ขณะยกนิ้วมือไล้ยังเรียวปากตัวเองที่เริ่มจะบวมเจ่อ
ความจริงนี่เป็นจูบแรกที่แสนจะลึกซึ้งสำหรับเธอ
.
.
ร่างหนาเปลือยเปล่าที่เต็มไปด้วยหยดน้ำ เดินออกมากลางห้องนอนขณะใช้ผ้าขนหนูซับเรือนผมสีเข้มที่เปียกชื้น แล้วสะบัดไปมาไล่ความรู้สึกงุ่นง่านบางอย่างที่ปะทุขึ้นมา แม้เมื่อสักครู่จะโดนปลดปล่อยไปในห้องน้ำแล้ว แต่ก็ยังคงค้างคาอยู่ในใจ
ลิ้นสากยังคงแลบออกมาละเลียดเล็มความหวานล้ำที่ติดอยู่ริมฝีปากตนไปมา ดวงตาคู่สีนิลรัตติกาลส่งประกายวาววับเมื่อนึกถึงสัมผัสผ่าวร้อนเมื่อสักครู่นี้
แกร๊ก!!
ชายหนุ่มเปิดฝากระปุกยาแล้วเทยาคลายประสาทออกมาสองเม็ดใส่ปาก ก่อนจะกระดกน้ำตามแล้ววางลงที่เดิม ความจริงแล้วเขาเพิ่งจะกลับมากินยานี้อีกครั้ง หลังจากว่างเว้นไปเกือบปี ด้วยอาการนอนไม่หลับและบางครั้งก็หลับๆตื่นๆ
บางทีเขาก็ขำตัวเองนัก ที่รักษาคนอื่นได้เป็นอย่างดี
แต่กับตัวเองกลับทำได้ยากเย็นเสียเหลือเกิน
“คุณพ่อขา ยังไม่หลับเหรอคะ?”
เสียงหวานตรงประตูระหว่างห้องลูกสาวทำให้ชายหนุ่มชะงักเล็กน้อย เมื่อเห็น พลอยใส แฝดผู้พี่ยืนกอดหมอนและกำลังเดินมาหาเขาในห้อง และเอ่ยประโยคยาวๆกับเขาแบบนี้
“กำลังจะหลับครับ พลอยใสยังไม่นอนอีกเหรอลูก”
“พลอยใสดีใจที่พี่คนสวยมาพักอยู่บ้านเรา”
เด็กหญิงเดินมาใกล้ก่อนจะซุกหน้ายังอกผู้เป็นพ่อ “แต่ตอนนี้พี่คนสวยน่าจะหลับแล้ว”
“ก็ดึกแล้วนี่นา หนูเองก็ควรจะนอนได้แล้ว”
“คุณพ่อว่าพี่ผึ้งสวยเหมือนแม่นิภามั้ยคะ?”
ถ้อยคำนั้นทำให้ผู้เป็นพ่อเงียบไปสักพัก
“ไม่เหมือนหรอกครับ คนละคนกันจะเหมือนได้ไง”
ปากบอกลูกสาวแบบนั้น ทว่าดวงตาคู่สีนิลก็คล้ายจะวาววับขึ้นเล็กน้อย
“พี่ผึ้งคนสวยร้องเพลงนกขมิ้นเหลืองอ่อนเพราะมาก พลอยใสชอบเพลงนี้ คุณพ่อขาร้องให้หนูฟังหน่อย”
เสียงใสเอ่ยอย่างออดอ้อนตรงช่วงอก ขณะที่ใบหน้าหล่อเหลาย่นเข้าหากันเล็กน้อย ด้วยเขาไม่รู้จักเพลงนี้เลยด้วยซ้ำและไม่รู้ว่าต้องร้องยังไง
“พรุ่งนี้พ่อร้องให้ฟังได้มั้ยครับ”
ผู้เป็นพ่อต่อรอง ร่างเล็กที่ซุบอยู่บนอกเหมือนจะนิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ มุมปากของชายหนุ่มยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเหยียดกายขึ้นอุ้มลูกสาวเดินผ่านประตูไปวางยังเตียงเล็กที่คู่กับแฝดผู้น้องในห้อง
“ฝันดีนะครับ คนเก่งของพ่อ”
.
.
หลังส่งเด็กหญิงเข้าโรงเรียนเรียบร้อยแล้วลุงสมชายคนขับรถก็พาเธอมาที่บ้านเพื่อเก็บของใช้ส่วนตัว เหมือนแม่ของเธอจะไปขายของที่ตลาดแล้ว และน้องชายก็น่าจะไปวิ่งงานเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวจึงจัดการเก็บข้าวของเองด้วยไม่อยากให้ลุงคนขับรถรอนาน แต่ไม่นานนัก บัวผัน แม่ของเธอก็โทรมา
“เก็บของอยู่จ้าแม่”
(ผึ้ง ไอ้เหนือมันแย่แล้วลูกเจ้าเม่นโทรมาบอกแม่ว่ามันไปวิ่งงานทับกับเจ้าถิ่น ตอนนี้มันโดนแทงอาการสาหัส)
“ว่าไงนะแม่!”
ไม่นานนักน้ำผึ้งก็มาถึงโรงพยาบาลเอ็กซ์วัน แม้ใจจริงจะไม่เห็นด้วยเท่าใดที่ เม่น พาน้ำเหนือมาโรงพยาบาลเอกชนแบบนี้ เพราะรู้ว่าค่ารักษาพยาบาลของที่นี่แพงหูฉี่ แต่เม่นบอกว่านี่เป็นโรงพยาบาลที่ใกล้กับจุดเกิดเหตุที่สุด และตอนนี้น้องชายเธอเสียเลือดมากต้องได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุด
“ใจเย็นก่อนจะแม่ ถึงมือหมอแล้ว”
แม้จะร้อนรนในใจเพียงใด แต่หญิงสาวก็พยายามปลอบแม่ตัวเองที่ร้องไห้ปริ่มจะขาดใจอยู่หน้าห้องไอซียู จนเม่นต้องรีบไปหายาหม่องยาดมมาให้ผู้สูงวัยที่เหมือนเริ่มจะทรงตัวไม่อยู่
“จะต้องทำกันถึงขนาดนี้เลยเหรอวะมันเป็นใครกัน?”
“ตำรวจกำลังสอบสวนอยู่พี่ผึ้ง ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันดีนะที่ผมวิ่งงานอยู่ใกล้ๆ เลยไปช่วยมันให้มาส่งโรงพยาบาลทัน”
“เหนือเอ้ย”
หญิงสาวถอนหายใจออกมา ขณะปาดน้ำตาตัวเองไปด้วยและปลอบแม่ไปด้วย ทว่าคิ้วเรียวสวยก็ต้องย่นเข้าหากันเมื่อเหลือบมองไปเห็นร่างสูงโปร่งหล่อเหลาในชุดกราวน์แพทย์เดินมาแต่ไกล
“คุณหมอ”
ลุงสมชาย น่าจะบอกเขาตอนมาถึงโรงพยาบาล
ความจริงเธอไม่อยากให้เขารู้เท่าใดนักว่าน้องชายเธอมารักษาตัวที่นี่ แม้จะเป็นโรงพยาบาลของเขาก็ตาม
“ญาติทำใจดีไว้ครับ ทีมหมอกำลังช่วยเหลืออยู่”
อุ้งมือหนาแตะยังบ่าของเธอเบาๆ ก่อนที่คุณหมอจะเดินเข้าไปในห้องไอซียู
ความผ่าวร้อนที่ถ่ายทอดผ่านมานั้นทำให้เธอเริ่มใจชื้นขึ้น
เธอกับแม่นั่งรออยู่หน้าฉุกเฉินประมาณเกือบสองชั่วโมง คุณหมอจึงเดินออกมา
“คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วนะครับ ดีที่ว่าไม่โดนอวัยวะสำคัญตอนนี้คงต้องอยู่พักฟื้นที่นี่ประมาณสองสัปดาห์”
ถ้อยคำนั้นเหมือนพรวิเศษ ใบหน้าของแม่เธอดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดน้ำผึ้งเองก็เช่นกัน เธอผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก ทว่าก็ยังคงกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย จึงขยับเข้าไปบอกเขา
“ขอบคุณคุณหมอมากค่ะ แต่ผึ้งขอย้ายน้องไปพักฟื้นที่โรงพยาบาลอื่นดีกว่าค่ะคุณหมอ จะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายด้วย”
เธอเอ่ยบอกเขาไปตามตรง
ทว่าคุณหมอส่ายหน้าปฏิเสธ
“ผมรับน้องชายคุณเป็นคนไข้ของผมแล้ว ยังไงผมก็ต้องติดตามอาการและรักษาให้เต็มที่ เรื่องค่าใช้จ่ายไม่ต้องกังวลผมรับผิดชอบเองถือว่าเป็นสวัสดิการของพี่เลี้ยง”
สวัสดิการพี่เลี้ยง ยิ่งกว่าทำงานบริษัทใหญ่ๆอีก มีสวัสดิการสำหรับรักษาญาติพี่น้องได้ด้วย
“แต่..”
กระนั้นหญิงสาวก็ยังคงกังวลใจ ทว่าคุณหมอกลับเอ่ยบอกเสียงเข้มยิ่งกว่าเดิม
“ตามนั้นครับ ไม่ต้องห่วงคุณมีเรื่องต้องตอบแทนผมแน่”
**************