‘ทำไมเธอถึง…?’
วรานนท์ได้แต่นิ่งไม่กล้าขยับร่างกาย ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาสู่หัวใจแกร่งจนปวดหนึบไปหมด เขากล่าวหาว่าเธอเป็นผู้หญิงอย่างว่า แต่กลับเป็นเขาเองที่พรากความบริสุทธิ์ของเธอไปเพราะความเข้าใจผิด
สายตาคมจับจ้องไปที่ใบหน้าสวยสลับกับเลือดบริสุทธิ์ที่เปื้อนที่นอนด้วยความสับสน ในเมื่อเธอไม่ได้ทำงานแบบนั้น ทำไมเธอถึงกลับบ้านดึกทุกวัน โดยเฉพาะวันนี้เธอกลับมาสภาพอิดโรยอย่างกับคนที่ผ่านศึกหนักมา ใบหน้าหล่อขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความสงสัย
“คุณนนท์!! หยุดเถอะนะคะ ลินเจ็บ!!” เสียงหวานอ้อนวอนด้วยความเจ็บปวด เพราะเธอไม่อาจทนความเจ็บปวดนี้ได้จริงๆ มันเหมือนร่างกายกำลังจะฉีกขาดออกเป็นชิ้นๆ
“ฉันหยุดไม่ได้” วรานนท์พูดเสียงอ่อนลงต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
“แต่ลินเจ็บ ลินไม่ไหวแล้ว” ไพลินยังคงอ้อนเสียงสั่น สิ่งที่เขากำลังทำกับเธอมันไม่เหมือนกับสิ่งที่เธอคิดไว้เลย
“หยุดเถอะนะคะ ลินสัญญาว่าจะออกไปจากบ้านคุณนนท์พรุ่งนี้เลยค่ะ”
ไพลินพูดในสิ่งที่เขาต้องการ เผื่อเขาจะหยุดความเจ็บปวดนี้สักที แต่คำพูดของเธอกลับทำให้เจ้าของบ้านไม่พอใจขึ้นมา เธอคิดจะไปจากที่นี่ทั้งๆ ที่เป็นของเขาแล้วงั้นเหรอ หรือว่าเธอมีคนที่รักรออยู่แล้ว คิดได้เช่นนั้น... ใบหน้าหล่อก็แสดงอารมณ์ไม่พอใจขึ้นมาทันที จะเรียกว่าหวงของก็ได้เพราะเธอเป็นของเขาแล้ว
“เธอต้องอยู่ที่นี่จนกว่าจะเรียนจบ พ่อฝากเธอไว้กับฉัน แล้วฉันก็ไม่อยากผิดคำพูด เพราะฉะนั้นฉันสั่งให้เธอตั้งใจเรียน ส่วนเรื่องอื่นฉันจะเป็นคนพิจารณาเองตามความสมควร”
วรานนท์พูดรวบรัดตัดบทให้จบเร็วที่สุด ถึงแม้หญิงสาวจะทำหน้าไม่เข้าใจก็ตาม เพราะตอนนี้เขาทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ร่างบางใต้ล่างมันช่างยั่วยวนเขาเหลือเกิน
“ไม่ว่าเธอจะเต็มใจหรือไม่ เธอก็ไม่มีสิทธิ์ขัดใจฉัน เพราะเธอเป็นของฉัน!”
สิ้นคำพูดของคนเอาแต่ใจ เอวหนาก็เริ่มขยับเข้าออกในจังหวะที่เนิบนาบเพื่อให้ไพลินปรับตัวได้
พับ! พับ! พับ!
เมื่อคนใต้ร่างปรับตัวได้ จากความเจ็บปวดก่อนหน้าก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านเข้ามาแทนที่
ร่องรักที่คับแน่นบีบรัดจนวรานนท์ปวดหนึบไปทั้งตัว
ความบริสุทธิ์ที่เขาเองก็ไม่เคยได้ลองจากสาวใดมาก่อน ทำเอาชายหนุ่มกระตุกยิ้มพอใจเป็นอย่างมาก ต่อจากนี้เขาจะไม่ปล่อยให้เธอไปทำงานที่ไหนอีกแน่
ตับ! ตับ! ตับ!
เสียงเนื้อแนบเนื้อดังกระทบกันไปทั่วห้อง โดยที่สะโพกหนายังคงอัดกระแทกเข้าออกอย่างดุดันและเอาแต่ใจตัวเอง
“อ่ะ อ๊ะ!”
ร่างเล็กครางเสียงหวานออกมาอย่างอดไหวต่อความเสียวซ่านที่ได้รับ เมื่อชายหนุ่มเริ่มรุนแรงกับเธอขึ้นเรื่อยๆ
บทรักที่อ่อนโยนเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อความต้องการมันที่มากล้น คงไม่อาจทำให้บทรักครั้งนี้จบลงเพียงแค่รอบเดียวแน่ๆ
…
- วันต่อมา -
ไพลินรู้สึกตัว แล้วพบว่าตัวเองเองนอนอยู่บนเตียงกว้าง ร่างกายบอบช้ำจากบทรักของเจ้าของห้องหรู เธอก้มมองชุดที่ตัวเองสวมใส่อยู่ด้วยใจที่เต้นรัว นี่ไม่ใช่ฝันใช่มั้ย ไพลินจิกเล็บลงที่แขนตัวเองเพื่อทดสอบว่าเธอไม่ได้ฝัน สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันคือเรื่องจริง
ใบหน้าสวยร้อนผ่าวขึ้นมาทันที ไม่คิดเลยว่าเธอจะได้สวมใส่เสื้อของคนที่เธอแอบรัก แล้วเขายังเป็นผู้ชายคนแรกของเธออีกด้วย แต่มันก็เป็นแค่ฝันลมๆ แล้งๆ อีกตามเคย เพราะผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างวรานนท์คงไม่มาสนใจผู้หญิงที่ไม่มีอะไรอย่างเธอหรอก ที่สำคัญคุณหญิงวรมลแม่ของเขาก็เกลียดเธอจะตาย
แล้วเธอจะมัวนั่งเพ้ออยู่ทำไม เพราะเวลานี้เป็นเวลาที่คนในบ้านกำลังจะตื่น เมื่อคิดได้เช่นนั้นร่างบางก็ก้าวลงจากเตียงทันที แต่ไม่ทันจะไปไหน เสียงทุ้มต่ำก็ดังขึ้นมา
“จะไปไหน?” วรานนท์มองร่างบางที่นั่งอยู่ปลายเตียง ด้วยสายตานิ่งๆ นิ่งจนคนที่นั่งอยู่อึดอัดและไม่กล้าสบตา ปกติเธอก็ไม่กล้าสบตาเขาอยู่แล้ว แล้วยิ่งเกิดเหตุการณ์แบบเมื่อคืน เธอก็ยิ่งอายเข้าไปใหญ่
“จะกลับห้องค่ะ” ไพลินก้มหน้าตอบเสียงสั่นแล้วยังกุมมือแน่น ไม่รู้จะทำตัวยังไงดี
“จำที่ฉันบอกได้ไหม”
คำถามนิ่งเรียบและสายตาที่จ้องมา ทำเอาไพลินอึดอัดใจเข้าไปใหญ่ ไม่รู้ว่าเขาหมายถึงเรื่องอะไร เพราะเมื่อคืนเขาพูดไปหลายเรื่อง หรือจะเป็นเรื่องที่เขาอยากให้เธอออกจากบ้านกันนะ ไพลินได้แต่คิดแบบนั้นไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาอยากให้เธออยู่ที่นี่ด้วย
“ลงไปเถอะ ถ้าคุณแม่ตื่นมาเจอแล้วจะยุ่ง”
วรานนท์พูดออกไปตามตรง เพราะไม่อยากให้มีเรื่องกัน สายตาคมมองที่หญิงสาวอีกครั้ง ก่อนจะเปิดประตูแล้วมองดูรอบๆ ว่ามีคนอยู่แถวนี้หรือเปล่า
ไพลินพยายามเดินให้ปกติ ถึงแม้ร่างกายจะบอกช้ำแค่ไหนก็ตาม แต่ยังก้าวไปพ้นประตู แขนเรียวก็ถูกรั้งไว้อีกครั้ง ไพลินก็หันไปมองคนที่รั้งไว้ด้วยสายตาสงสัย
“ห้ามไปทำงานที่นั่นอีก แล้วเธอก็ต้องทำตามที่ฉันสั่งด้วย ห้ามดื้อ!!!” วรานนท์สั่งด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ไม่ได้แสดงอารมณ์ดุดันเหมือนเมื่อวาน
“ค่ะ” ไพลินก้มหน้าตอบไปเสียงเบา แล้วก้าวเท้าเดินออกมาอย่างงรวดเร็ว ตอนนี้ไพลินไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นดี เพราะบางครั้งเขาก็ทำเหมือนสนใจเธอ บางครั้งก็เฉยชาเหมือนคนไม่รู้จักกัน จนเธอสับสนไปหมด
…
หลังจากวันนั้นไพลินก็ไม่สนใจหาทำงานพิเศษอีกเลย เธอตั้งใจเรียนอย่างที่วรานนท์บอก ถึงแม้ว่าเธอจะเสียดายงานที่ศรันย์หาให้ก็ตาม เพราะมันทั้งงานดีเงินดีอีกด้วย
“ขอบใจนะที่มาส่ง” ไพลินหันไปบอกศรันย์ ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถคันหรูอย่างรีบร้อน เพราะกลัวใครบางคนมาเห็นแล้วเข้าใจเธอผิด
“เฮ้!!! จะรีบไปไหน รีบจนมือถือหล่นไม่รู้เรื่องหรือไง” ศรันย์เปิดประตูรถแล้วเดินลงมายืนตรงหน้าไพลิน มือหนายกมือถือขึ้นโชว์ตรงหน้า
“ขอบใจนะ เราต้องรีบไปช่วยงานในบ้านน่ะ”
ไพลินรับมาแล้วรีบหันหน้าเข้าบ้าน แต่ถึงจะรีบยังไงรถของคนที่ไม่อยากให้มาเจอก็แล่นเข้ามาพอดี
วรานนท์มองไปยังร่างบางที่ยืนอยู่หน้าบ้านด้วยสายตานิ่งเรียบ ทว่าภายในใจนั้นกลับร้อนรุ่มแปลกๆ ถ้าเขามาช้ากว่านี้คงไม่รู้สินะว่าเธอมีผู้ชายมารับมาส่งถึงบ้านทุกวัน
“บีบแตรให้มันเปิดสิคะ” วนิดาบอกพี่ชายที่เอาแต่มองไม่ทำอะไรสักที
“เดี๋ยวดากดเอง” วนิดายื่นมือมากดปุ่มแตรเสียงดังลั่น จนศรันย์อดที่จะหันไปมองไม่ได้
“ไม่ใช่หน้าที่เธอ” วรานนท์บอกน้องสาว แต่สายตายังคงมองไปที่สองหนุ่มสาวที่ยืนอยู่หน้าบ้าน
“ทำไมเธอต้องเปิดด้วยลิน” ศรันย์ถามออกไปด้วยความไม่เข้าใจ แล้วไม่คิดด้วยว่าบ้านนี้เขาใจร้ายกับเธอถึงขั้นต้องเปิดประตูบ้านให้อย่างกับคนใช้
“ไม่เป็นไร ปกติจะเป็นแม่บ้านมาเปิด” ไพลินยิ้มให้ศรันย์เพื่อความสบายใจ
“ถ้ามันอยู่ยากนักก็ไม่ต้องอยู่ ไปอยู่กับฉันก็ได้”
ศรันย์ตั้งใจพูดเสียงดังให้คนที่อยู่บนรถได้ยิน จะได้รู้ซะบ้างว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ไร้ค่าคอยให้ใครมาเหยียบย่ำแบบนี้…