ประตูห้องผ่าตัดเปิดออก หลังจากที่ใช้เวลากว่าหกชั่วโมง ผ่าตัดผู้ป่วยเส้นเลือดหัวใจโปร่งพองแบบไม่ได้หยุดพัก ภายในห้องผ่าตัดแบบไฮบริดซึ่งเป็นห้องผ่าตัดใหญ่ สามารถเอกซเรย์ฉีดสีไปพร้อมๆกันได้ ไม่ต้องโยกย้ายผู้ป่วยไปที่ห้องอื่น เป็นการลดอันตรายที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยได้เป็นอย่างดี
น่านฟ้าอยู่ในชุดเสื้อแขนสั้นสีฟ้าเขียวกางเกงสีเดียวกัน เดินนวดคอออกมาจากห้องผ่าตัด นาฬิกาตรงหน้าห้องบอกเวลาบ่ายสองแล้ว
“ให้ผมนวดให้มั้ยครับอาจารย์”
ปฏิภาณซึ่งเป็นเรสซิเด้นท์เดินตามออกมา แล้วทุบกำปั้นลงบนกระดูกต้นคอของอาจารย์แพทย์วัยดุระดับสิบอย่างเอาใจ ระหว่างที่เดินกลับไปห้องพักแพทย์ (Resident คือ แพทย์ประจำบ้าน หมายถึงแพทย์ที่เข้ามาศึกษาต่อเพื่อเป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาใดสาขาหนึ่ง)
แต่พอนึกได้ว่าถ้าหากทำตัวสดชื่นก็จะถูกสั่งให้ไปอ่านงานวิจัยต่อ คิดได้อย่างนั้นก็แกล้งเดินทุบหลังตัวเอง ทำเป็นเมื่อยจนหลังค่อมแล้วเดินตามคุณหมอน่านฟ้าไปเงียบๆ
“อย่ามัวโอ้เอ้ รีบไปหาข้าวกิน อีกครึ่งชั่วโมงมีผ่าตัดต่ออีก”
“ครับอาจารย์”
น่านฟ้าตบลงตรงไหล่ของปฏิภาณแล้วเดินเข้าไปนั่งลงโต๊ะทำงาน ด้วยเวลาที่กระชั้นชิดและเป็นคนไม่เรื่องมากเรื่องอาหารการกิน มื้อนี้ก็คงต้องฝากท้องไว้กับข้าวผัดกุ้ง ข้าวฟรีจากโรงพยาบาลเช่นเคย
มือหนาหยิบโทรศัพท์ที่ถูกเสียบชาร์จแบตเอาไว้ตั้งแต่เมื่อตอนสายขึ้นมาเลื่อนดู วันนี้ในไลน์กลุ่มครอบครัวคุณนายแม่เรียกให้กลับไปกินข้าวที่บ้านเช่นเคย แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงเพราะวันนี้มีคิวผ่าตัดอีกสองเคส กว่าจะขับรถกลับไปถึงบ้านที่อยู่คนละฝั่งกับโรงพยาบาลที่ทำงาน ทุกคนก็คงหลับกันหมดแล้ว
แม้ว่าพ่อของน่านฟ้าจะเป็นเจ้าของโรงพยาบาลชั้นนำระดับประเทศ แต่เขาก็เลือกที่จะมาทำงานกับโรงพยาบาลเอกชนอีกแห่ง แทนที่จะไปทำงานในกิจการของครอบครัว
‘สมัยนี้จะเป็นหมอได้เส้นต้องมาก่อน ตามด้วยเกรดและทุน เอ็งมีพ่อหนุนหลังอยู่แล้วก็ไม่ต้องลำบากตรากตรำแบบพวกกู’
และนี่ก็คือประโยคหนึ่งที่เพื่อนในกลุ่มปรามาสเขาเอาไว้ น่านฟ้าผู้มีความสามารถเหลือล้นในวิชาชีพแพทย์ อีกทั้งเส้นสายใหญ่พอสมควรจึงต้องพิสูจน์ตัวเองให้ใครต่อใครได้เห็นว่า ที่เป็นอยู่จนถึงทุกวันนี้คือน่านฟ้า ที่เป็นศัลยแพทย์มากความสามารถ ไม่ใช่นายแพทย์น่านฟ้าที่อาศัยเส้นสายครอบครัวแต่เพียงอย่างเดียว
ก๊อก! ก๊อก!
“เชิญครับ”
“คุณหมอคะ ห้องผ่าตัดพร้อมแล้วนะคะ”
“ครับ ผมขอเวลาสองนาที”
ยังไม่ทันที่จะตักข้าวเข้าปากได้ถึงครึ่งกล่อง พยาบาลประจำห้องผ่าตัดก็เดินมาเรียกเสียก่อน คุณหมอหนุ่มทำได้เพียงรีบจัดการกับตัวเองด้วยความเคยชิน และกลับเข้าไปห้องผ่าตัดเพราะมีเคสคนไข้รีเฟอร์จากที่อื่นกำลังรอเขารักษาอยู่แบบนาทีชีวิต
กลิ่นหอมของกระเทียมเจียวจากในห้องครัว ลอยตลบอบอวลทั่วบ้านเดี่ยวสองชั้นขนาดใหญ่ ที่ปลูกอยู่ในพื้นที่ใช้สอยมากกว่าสามไร่ตรงใจกลางชุมชน
สาเหตุที่ทำให้บ้านหลังนี้มีพื้นที่เป็นจำนวนหลายไร่ก็เพราะว่า ผืนดินแปลงนี้เป็นสมบัติติดตัวเสี่ยอาทิตย์กับคุณนายจันทร์วาด หลังจากที่ทั้งคู่แต่งงานกันแล้วจึงรวมที่ดินให้เป็นแปลงเดียวกัน
ภายในห้องครัวสไตล์อิงลิชคันทรีขนาดใหญ่ หญิงสูงวัยกำลังบรรจงตักข้าวต้มปลากะพงลงชามให้กับสมาชิกในครอบครัว โดยมีแม่บ้านวัยเดียวกันคอยเติมเครื่องลงในชามข้าวต้มแต่ละชาม
“อย่าลืมของยัยอิงนะคะป้ามวน...”
“ไม่ใส่ขึ้นฉ่ายใช่มั้ยคะ”
คุณนายจันทร์วาดพยักหน้าน้อยๆให้แม่บ้าน จากนั้นก็หันไปเปิดฝาหม้อซึ้งที่กำลังนึ่งอยู่บนเตาออก เผยให้เห็นไข่ตุ๋นญี่ปุ่นเนื้อเนียนของโปรดลูกชายคนโตของบ้านซึ่งตอนนี้สุกได้ที่พอดี
“กลิ่นหอมอาหารของคุณนายจันทร์วาด ดึงคนที่เพิ่งได้นอนสามชั่วโมงให้ลุกจากที่นอนอีกแล้วนะคะ”
ร่างบางที่ยังอยู่ในชุดนอนย่องเข้าไปภายในห้องครัว กอดคนเป็นแม่เอาไว้จากทางด้านหลัง คางเล็กเกยลงบนไหล่มารดาแล้วออดอ้อน จมูกก็ทำฟุดฟิดสูดดมกลิ่นไข่ตุ๋นในหม้อซึ้งบนเตาแก๊สไปด้วย
“หักโหมอะไรขนาดนั้นยัยอิง ดูสิเนี่ยขอบตาคล้ำหมดแล้ว”
จันทร์วาดว่าไปพลาง หั่นผักกาดดองไปพลาง แม้จะย้ำกับลูกสาวตลอดว่าไม่อยากให้นอนดึก แต่ลูกสาวตัวแสบก็ควงกะทำงานทั้งกลางวันกลางคืน แบบไม่ได้ห่วงพักผ่อนเลยสักนิด
แต่พอบ่นมากๆเข้าเธอก็อ้างเรื่องไล่ล่าความฝัน แน่นอนว่าทั้งพ่อและแม่ไม่มีใครกล้าขัดอยู่แล้ว
“ส่งงานชิ้นนี้เสร็จ อิงก็จะพักแล้วล่ะค่ะ”
“อิง! ทำไมไม่ใส่สลีปเปอร์ พื้นมันเย็นนะ”
ยังคุยกันไม่ถึงไหนเสียงดังจากห้องโถงด้านนอกก็ดังขึ้นซะก่อน สิ้นเสียงเหนือเมฆก็เดินหน้านิ่วเข้ามาภายในห้องครัว พร้อมกับรองเท้าใส่ในบ้านคู่ที่เป็นของน้องสาว แล้ววางมันเลยพื้นตรงหน้าเธอ
“ขอบคุณนะคะเฮีย”เธอรีบสวมเท้าเข้าไปในรองเท้าใส่ในบ้านอันนุ่มนิ่ม แม้ว่าสวมถุงเท้าลายปีศาจลาวาอยู่ แต่คนขี้หนาวอย่างอิงดาว ก็ยังรู้สึกเย็นจนหนาวไปทั่วฝ่าเท้าอยู่ดี
หลังจากที่คุยกับน้องสาวสองสามประโยคเรื่องเจ๊ปิ๊งปิ๊งอกหัก เหนือเมฆก็เดินออกไปให้อาหารกระต่ายในกรงข้างบ้าน จันทร์วาดมองลูกทั้งสองคนแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข เมื่อเห็นสองพี่น้องรักและดูแลกันดีแบบนี้ก็โล่งใจ วางใจว่ามรดกที่มีมหาศาลลูกทั้งสองคนคงไม่แย่งกันจนกลายเป็นมรดกเลือดแน่ๆ
“น้ำค้างยังไม่ลงมาเหรอคะ”
“ยังเลย อิงขึ้นไปดูน้องหน่อยไป”
น้ำค้างเป็นหลานของเดือนเต็มพี่สาวของจันทร์วาด หลังจากพ่อแม่ของเด็กหญิงต้องไปทำงานที่ต่างประเทศ จันทร์วาดจึงรับอุปการะเลี้ยงดู เพราะหากให้อาศัยอยู่กับเดือนเต็มบ้านก็อยู่ไกลจากตัวเมืองมาก ไม่สะดวกเดินทางไปโรงเรียนนานาชาติ ที่พ่อแม่ของเด็กหญิงตั้งใจให้เรียนที่นั่น
บนโต๊ะอาหารขนาดหกที่นั่งเต็มไปด้วยอาหารเช้าของโปรดแต่ละคนจนลานตา แม้ว่าต่างคนต่างมีหน้าที่ แต่มื้อเช้าเป็นสิ่งสำคัญไม่ว่าจะรีบแค่ไหนทุกคนก็จะมานั่งล้อมวงกันรับประทานมื้อเช้าด้วยกัน เว้นเสียแต่วันพระที่จันทร์วาดกับอาทิตย์ต้องไปทำบุญที่วัด
“วันนี้เฮียเหนือไปส่งน้ำค้างแล้ววนไปส่งแม่ที่ร้านสาขาสองทีนะ พ่อจะเข้าสาขาหนึ่ง”เสี่ยอาทิตย์เงยหน้าขึ้นจากข้าวต้มปลากะพงคุยกับลูกชายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ครับพ่อ แล้วนี่แม่ให้คนไปเอาชุดให้หรือยัง ผมว่าจะถามอยู่พอดี”
“เดี๋ยวอิงไปเอาให้เองค่ะ นี้เจ๊ปิ๊งไม่ปกติ ต้องไปดูสักหน่อย”
อิงดาวขันอาสาเมื่อจำได้ว่าชุดที่มารดาสั่งตัดเอาไว้ เพื่อใส่ไปเป็นประธานในงานกฐินชุมชนอยู่ที่ร้านเจ๊ปิ๊งปิ๊ง
เมื่อหลายวันก่อน อิงดาวกับนะนางเพิ่งไปนั่งปลอบใจสาวสองนามว่าปิ๊งปิ๊ง หลังจากที่หล่อนถูกสามีคนปัจจุบันทิ้งไป แถมยังสร้างหนี้ก้อนโตอันมาจากการกู้เงินมาซื้อบ้าน ตอนนี้ไม่รู้ว่าหายเศร้าหรือยัง คนกันเองทั้งนั้นต้องไปดูแลกันสักหน่อย
ก่อนออกจากบ้านก็ไม่ลืมที่จะตักเข้าต้มใส่กล่อง ห่อไปฝากเจ๊ปิ๊งปิ๊งด้วย