เวลาของมื้อค่ำผ่านพ้นไป ไอรินขอตัวกลับคอนโดหลังจากอาหารทานอาหารค่ำเสร็จ เธอไม่ชอบนอนที่บ้านเพราะที่คอนโดมันใกล้และสะดวกกว่า หญิงสาวลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกจากห้องอาหารแต่ทว่าก็โดนมือเล็กของศศิวิมลจับไว้พร้อมกับเอ่ยเสียงหวาน
“ทำไมรีบกลับจังเลยละคะคุณไอริน”
ไอรินตวัดสายตาก้มมองมือเล็กที่กำลังจับข้อมือบางของเธออยู่ด้วยสายตาไม่เป็นมิตรเท่าไหร่นัก พร้อมกับจับมือเล็กของศศิวิมลออกจากข้อมือเธอเบาๆ
“ฉันนอนที่นี่ไม่หลับ ยังไม่ชิน กลับไปนอนคอนโดดีกว่า”
“งั้นฉันเดินออกไปส่งนะคะ” ศศิวิมลเสนอตัวแสร้งทำเป็นคนดีใส่ไอริน ซึ่งไอรินก็ดูออกว่าเธอแค่อยากจะอยู่กันสองคนเพื่อพูดจาแย่ๆ ใส่เธออีกเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาก็เท่านั้นแหละ
“ไม่ต้องหรอก”
“ไอริน” พิพัฒน์เอ็ดเรียกชื่อไอรินเบาๆ
“อยากจะออกไปส่งก็เชิญ”
ไอรินพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนก้าวเดินออกไปจากห้องอาหารทันที ศศิวิมลเห็นอย่างนั้นก็รีบลุกก้าวเดินตามไอรินไปอย่างรวดเร็ว ไอรินหยุดอยู่บ้านประตูหันหลังกลับมาเอ่ยถามถึงจุดประสงค์ของเธอทันที
“พูดมาตรงๆ ดีกว่าว่าต้องการอะไร ไม่ต้องมาแอ็บมันไม่เนียน”
“ดีใจไหมไอรินที่เธอกำลังจะมีน้อง” สาวอ่อนหวานกลายร่างเป็นนางมารร้ายขึ้นทันทีที่อยู่กันสองคน
“...” ไอรินไม่ตอบกลับอะไรกอดอกมองการกระทำของศศิวิมลอย่างเอือมระอา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอทำแบบนี้ ตั้งแต่เธอเข้ามาในบ้านหลังนี้เธอก็ตีสองหน้ามาโดยตลอด
“ทำใจไว้หน่อยนะ พอเขาคลอดออกมา เดี๋ยวเธอก็กลายเป็นหมาหัวเน่าแน่ๆ”
“เลิกดูละครหลังข่าวได้แล้วนะ จะได้เลิกเล่นบทตัวร้ายประสาทเสียสักที”
“นี่ เธอจำไว้เลยนะ ว่าทุกอย่างที่เป็นของเธอสักวันมันต้องกลายเป็นของลูกฉัน”
“อยากทำอะไรก็ทำ ขอตัว”
ไอรินหันหลังกลับตั้งท่าจะเดินออกไปจากคฤหาสน์ แต่ทว่าก็มีเสียงของหล่นแตกดังขึ้นทำให้ไอรินต้องหันหลังกลับไปมองอย่างตื่นตกใจ
เพล้งง!
“กรี๊ดดดดด”
ศศิวิมลร้องกรี๊ดเสียงดังลั่นพร้อมกับร่างเล็กของเธอไปกองอยู่ที่พื้น ส่วนข้างๆ กายศศิวิมลก็มีเศษแจกันแตกเกลื่อนเต็มพื้น
“ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย!” ไอรินตะโกนเสียงดังใส่คนร่างเล็กที่กองอยู่ที่พื้น
“ฮึกๆๆ คุณไอรินอย่าทำฉันเลย” ศศิวิมลแสร้งบีบน้ำตาน่าสงสารเหมือนเป็นคนโดนกระทำทั้งๆ ที่เธอทำตัวเอง
“ไอริน! ทำอะไร!!”
พิพัฒน์ได้ยินเสียงดังโวยวายจึงรีบวิ่งออกมาดู เขาพบกับร่างของศศิวิมลที่นั่งกองอยู่ที่พื้นข้างตัวมีแจกันตกแตกอยู่กับไอรินที่ยืนมองด้วยสายตาแข็งกร้าวอยู่ ไม่ต้องเดาเขาก็พอจะรู้ว่าไอรินทำอะไร
“ทำไมยังไม่เลิกทำนิสัยแบบนี้อีกไอริน! มลเขาท้องอยู่นะ” พิพัฒน์รีบตรงเข้ามาประคองศศิวิมลที่กำลังร้องห่มร้องไห้อยู่ให้ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ
“เจ็บตรงไหนไหมมล”
“ฮึกๆ ไม่ค่ะ” ศศิวิมลก้มหน้าก้มตาสะอึกสะอื้น
“รินไม่ได้ทำ” ไอรินเอ่ยเสียงแข็ง
“ไม่ได้ทำอะไรห๊ะ!! ก็เห็นอยู่ว่าแกทำเนี่ยยังจะปากแข็งอีกหรอ”
“ก็รินบอกว่ารินไม่ได้ทำไง! ทำไมพ่อไม่เคยเชื่อรินบ้าง ทำไมพ่อเอาแต่ตัดสินริน ทำไมถึงไม่เคยถามรินบ้างว่ามันเกิดอะไรขึ้น!!”
ไอรินหมดความอดทนตะโกนเสียงดังสนั่นใส่พิพัฒน์และศศิวิมล พ่อไม่เคยถามเธอเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อ 7 ปีที่แล้วก็เช่นกัน เหตุการณ์ในวันนั้นก่อนที่เธอจะโดนเนรเทศไปอยู่คนเดียวที่ต่างประเทศ ก็มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเหมือนกัน ไอรินและศศิวิมลมีปากเสียงกันแล้วเธอก็แกล้งกระโดดน้ำลงไปจนเกือบจมน้ำ จากนั้นพ่อของเธอก็เข้ามาช่วยศศิวิมลไว้และต่อว่าไอรินอย่างหนักถึงขั้นไล่ให้ไปอยู่คนเดียวที่ต่างประเทศเพราะต้องการดัดนิสัยของไอริน
“อย่ามาขึ้นเสียงใส่ฉันนะไอริน”
“ทำไมรินจะขึ้นเสียงไม่ได้ พ่อมันก็ดีแต่เชื่อเมียพ่อนั่นแหละ ระวังไว้เถอะสักวันพ่อจะเสียใจเพราะความไม่รู้จักพอของพ่อเองนั่นแหละ” หญิงสาวตะโกนใส่หน้าบิดาเพื่อระบายความอัดอั้นที่มีทั้งหมดออกไป เธอพยายามอดทนอย่างหนักเพราะเธอไม่อยากต้องไปอยู่คนเดียวอีก แต่คราวนี้เธอทนไม่ไหวแล้วจริงๆ
“ไอริน!!” สติสตังของพิพัฒน์ขาดผึงมือใหญ่ตบลงบนแก้มซ้ายขาวเนียนอย่างรุนแรงจนใบหน้าสวยสะบัดไปตามแรงของเขา
เพี๊ยะ!!
ไอรินยกมือขึ้นมาจับแก้มโดยอัตโนมัติเธอรู้สึกหน้าชาไปชั่วขณะ ตั้งแต่เกิดมาพ่อไม่เคยทำร้ายร่างกายเธอขนาดนี้ ดวงตากลมโตมองจ้องพิพัฒน์ด้วยความโกรธเคือง
“ริน พ่อ...”
พิพัฒน์มือสั่นระริกเอ่ยยังไม่ทันจบประโยค ไอรินหันหลังเดินจ้ำอ้าวออกไปจากบ้านโดยไม่หันหลังกลับมามองใครอีกเลย
ร่างอรชรขับรถสปอร์ตคันหรูพุ่งออกจากคฤหาสน์เต็มความเร็ว ดวงตากลมโตเริ่มมีน้ำตาไหลเอ่อล้นออกมาแต่ไอรินก็พยายามข่มมันไว้ไม่ให้มันไหลออกมา
รถสปอร์ตคันหรูขับเคลื่อนมาจนถึงลานจอดรถของผับหรู ไอรินลงจากรถมาด้วยท่าทางมาดมั่นและตรงเข้าไปในผับอย่างรวดเร็ว เธอไม่ได้สนใจสายตาของเหล่าชายหนุ่มที่มองมาเท่าไหร่นักเพราะตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะมาสนใจใครทั้งนั้น
ร่างบางก้าวเดินมานั่งลงตรงเคาน์เตอร์บาร์ด้วยสีหน้าบึ้งตึง บาร์เทนเดอร์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“รับอะไรดีครับ”
“มาร์การิต้า” ไอรินตอบเสียงราบเรียบ
“ครับ”
เวลาผ่านไปไม่นานมาร์การิต้าสีมะนาวในแก้วแชมเปญคูเป้วางลงตรงหน้าของไอริน หญิงสาวคว้าแก้วมากระดกจนเกือบหมดแก้ว ไอรินถอนหายใจยาวพร้อมกับมือบางยกขึ้นมาสบัดผมอย่างหงุดหงิด
เสียงเพลงในผับหรูดังกระหึ่มอย่างสนุกสนาน แต่ร่างเล็กกลับรู้สึกไม่ได้สนุกเหมือนดั่งเช่นเพลงที่กำลังเปิดอยู่เลย ไอรินเอาแต่ครุ่นคิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น มือบางยกแก้วกระดกอย่างต่อเนื่องจนหมดไปหลายต่อหลายแก้ว จนร่างแบบบางเริ่มโอนเอนนั่งไม่ไหวแล้ว
หญิงสาวรู้ตัวว่าตัวเองเริ่มจะเมามากแล้วเธอจึงเช็กบิลจนเสร็จสรรพ แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ทว่าในจังหวะนั้นเองเธอก็ยืนไม่ไหวจะล้มลงกับพื้นแต่ก็มีมือหนามาประคองเธอไว้ก่อน
“ไหวไหมครับคนสวย” เสียงชายแปลกหน้าเอ่ยถาม
“ปล่อย” ไอรินขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจพร้อมกับเอ่ยเสียงแข็งกระด้าง
“มาคนเดียวหรอครับ เมาขนาดนี้จะกลับคนเดียวไหวหรอ”
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ฉันบอกให้ปล่อยไง!”
“ไม่เอาหน่าา พี่ไปส่งไหม”
“นี่! อย่ามายุ่งกับฉัน”
“ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้!” เสียงทุ้มทรงพลังเอ่ยขึ้น
“คะ..คุณคาเดน” ชายหนุ่มที่กำลังโอบประคองไอรินอยู่เอ่ยเสียงตะกุกตะกักทำให้ไอรินหันไปมองตามเสียงทุ้มทรงพลังนั่น