งานเลี้ยงบนตึกคิงส์

1156 Words
งานเลี้ยงที่ใหญ่โตถูกจัดขึ้นบนชั้นเก้าของตึกคิงส์ โดยผู้มาร่วมงานนั้นมีเฉพาะผู้เกี่ยวข้องกับการรวมอำนาจ เดิมทีไม่ได้มีเยอะมาก แต่พออาณาจักรเริ่มขยาย ก็เริ่มมีนักลงทุนเข้ามาร่วมจนกลายเป็นที่นิยมทั่วประเทศและต่างประเทศ บางคนอยากมางานแทบตายแต่ไม่มีสิทธิ์ได้มา เพราะไม่ได้เกี่ยวข้อง หรือไม่ก็มีสิทธิ์ไม่มากพอ แต่กับบางคนหน้างอที่จะเข้างาน แต่ก็ถูกลากเข้ามาร่วมวงอย่างเสียไม่ได้ “ใกล้แล้วค่ะพี่ฟีนิกซ์ อีกไม่ถึงสิบนาทีค่ะ ไว้เจอกันนะ” เสียงราบเรียบกรอกลงบนมือถือ เจ้าของชุดราตรีสีแดงประดับสร้อยเพชรระยิบระยับนั่งไขว่ห้างกดวางสายจากพี่ชาย โดยข้างกันมีไทเกอร์ในชุดสูทสีดำสนิทกำลังนั่งหน้าตึงเครียด และเป็นเช่นนี้ตั้งแต่เธอกลับมาจากมหาวิทยาลัยแล้ว “วันนี้แคลกลับไวนะคะ ต้องเตรียมงานส่งอาจารย์พรุ่งนี้” เธออึดอัดเล็กน้อยที่ต้องเงยหน้าขึ้นพูดกับสามี เพราะดูเหมือนอีกฝ่ายจะมีเรื่องเครียดและอึดอัดใจอยู่ก่อนหน้าแล้ว “ไวสุดเที่ยงคืน กลับพร้อมกัน” “แต่ว่า...” “ไม่มีแต่ คนอื่นก็มีงานกันทั้งนั้น ยังกลับหลังเที่ยงคืนกันได้” ไทเกอร์ปรายตามองสาวร่างบางที่นั่งอยู่ข้างตัว ก่อนจะหันไปมองหน้าตรงเช่นเดิม “แต่คนอื่นทำงานกันหมดแล้ว แคลยังเรียนอยู่” “ก็ลาออกซะสิ แล้วมาทำงานด้วยกัน” อีกฝ่ายตอบกลับหน้าตาย ราวกับจงใจหาเรื่องกัน “นี่พี่กำลังพาลนะคะ โมโหอะไรก็อย่าเอามาลงใส่แคล แคลไม่ใช่สนามอารมณ์” คราวนี้แคลเริ่มหันหน้ามามองอย่างจริงจัง พร้อมปะทะอารมณ์กับไทเกอร์ขั้นสุด “ฉันพูดจริง ถ้าไม่อยากเรียนก็ลาออก ฉันสามารถอนุมัติให้เธอจบได้โดยไม่ต้องเข้าเรียนด้วยซ้ำ เธอก็รู้ เว้นเสียแต่...” ไทเกอร์มองมาที่แคลด้วยสายตาจริงจังยิ่งขึ้น ก่อนจะเอ่ยในสิ่งที่ทำให้อึดอัดใจมาทั้งวัน “เธออยากไปเรียน เพื่อจะได้เห็นหน้าไอ้หมอนั่นทุกวัน” “หมอนั่น? หมอนั่นไหน” แคลแสดงสีหน้างุนงงขึ้นมาทันที เมื่อจู่ ๆ อีกฝ่ายก็เอ่ยใส่ร้ายและหาเรื่องเธออย่างไม่มีมูล “ก็ไอ้ที่เธอจูงมือมันขึ้นรถไปต่อหน้าต่อตาผัวตัวเองยังไงล่ะ” “ฮะ” คราวนี้ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ จนแคลต้องใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะร้องอ๋อออกมาเสียงดัง “เต็งหนึ่งน่ะเหรอ พี่ต้องขอบคุณเขาด้วยซ้ำที่ขับรถเร็วปานจรวด จนพาฉันเข้าห้องสอบเก็บคะแนนได้ทัน เพราะถ้ามัวนั่งรถช้า ๆ อืด ๆ ของพี่ ป่านนี้คงโดนเช็กว่าขาดสอบไปแล้ว” “แคล!” คนเจ้าอารมณ์ขึ้นเสียงทันที ก่อนที่จะยอมสงบเพราะนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้อยู่ด้วยกันลำพัง ยังมีไททัน ลูกน้องคนสนิทที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาขับรถให้อยู่ “ทำไมคะ พูดความจริงแล้วรับไม่ได้หรือไง พี่รู้ไหมว่าพี่ทำตัวแก่กว่าพ่อแคลอีก” “ถ้าเธอยังไม่หยุดพูด ฉันจะปิดปากเธอเดี๋ยวนี้ ต้องให้ฉันบอกไหมว่าด้วยวิธีการไหน” คนตัวเล็กที่กำลังเดือดได้ระดับยอมระงับอารมณ์ลงอย่างเชื่องช้า ก่อนจะหันไปมองที่นอกหน้าต่างให้สถานการณ์ค่อย ๆ สงบลง ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกันต่อจากนี้ ประจวบเหมาะกับที่รถแล่นมาจอดเทียบตึกแล้ว เลยต้องแสร้งทำเป็นยิ้มแย้ม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น “สวัสดีค่ะท่านพญา สบายดีนะคะ” แคลรู้หน้าที่ดี รีบยกมือขึ้นไหว้แขกคนสำคัญ อีกฝ่ายก็รีบยกมือขึ้นรับ ก่อนจะทักทายกลับไปตามมารยาท พูดคุยกันได้เพียงครู่เดียว ไหล่บาง ๆ ของแคลก็ถูกโอบไว้ด้วยมือของใครบางคน ทำเอาเธอสะดุ้งรีบหันขวับไปจ้องหน้า แต่พอเห็นว่าเป็นฟีนิกซ์ก็รีบโผเข้ากอดทันที “อะไรฮะ ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วันทำเหมือนไม่เจอกันมาเป็นปี” เจ้าของร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีแดงเลือดหมูทับด้านนอกโยกหัวน้องสาวด้วยความเอ็นดู “ไม่กี่วัน แต่เหมือนตกนรกมาแล้วชาติหนึ่งน่ะค่ะ” แคลเอ่ยเหน็บแนม เพราะกำลังถูกจ้องมองด้วยสายตาราบเรียบของผู้เป็นสามี ฟีนิกซ์ได้ยินแบบนี้ก็หลุดขำออกมาเล็กน้อย “ไงวะไอ้ไททัน สถานการณ์ที่บ้านปกติสุขดีไหม?” ฟีนิกซ์ไม่หันไปถามเพื่อนหรือน้องสาว แต่เลือกที่จะหันไปถามบอดี้การ์ดคนสนิทของไทเกอร์แทน “เอ่อ... ครับ” ไททันตอบรับเสียงอ้อมแอ้ม ก่อนจะผงกหัวให้เล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พร้อมจะโกหกตอนนี้ “ก็คิดไว้แล้วว่าต้องปกติ กูถึงมั่นใจฝากน้องไว้กับมึงไง เพื่อน” ฟีนิกซ์ว่ายิ้ม ๆ ทว่าสายตากลับจริงจังจนแยกอารมณ์ไม่ออก ก่อนที่เขาจะคล้องคอไทเกอร์เดินกลับเข้าโต๊ะ ปล่อยให้แคลเดินต้อย ๆ ตามมา “กาสิโนฝั่งมึงเป็นยังไงบ้างวะ” “มีปัญหานิดหน่อย แต่กูใช้เงินแก้ปัญหาได้แล้ว” ฟีนิกซ์ไหวไหล่เล็กน้อย ก่อนทั้งคู่จะชวนกันคุยเรื่องธุรกิจ โดยมีแคลที่นั่งทำหน้าเซ็งร่วมวงด้วย เพราะเธอรู้ดีว่าถ้ามีงานเลี้ยงที่ตึกคิงส์ ก็มักจะคุยกันแค่เรื่องงานจนทำให้บรรยากาศน่าเบื่อ ดีหน่อยที่อาหารและเครื่องดื่มคัดสรรมาอย่างคุณภาพ “หืมม อันนี้อะไรเหรอพี่ไททัน อร่อยยกนิ้วให้เลย” หลังจากชิมไวน์เข้าไป แคลก็ถึงกับตาโต รีบยกแก้วขึ้นจ่อจมูกพลางดมกลิ่นอย่างหลงใหล เพราะถูกพ่อสอนให้ชื่นชอบในกลิ่นไวน์ตั้งแต่เริ่มหัดดื่มแอลกอฮอล์ “ไวน์มาใหม่ครับคุณหนู คุณมังกรเพิ่งดีลกับฝั่งจีนได้ เลยเอาสินค้าใหม่มาให้ทดลอง” เขากำลังหมายถึงผู้มีอิทธิพลฝั่งภาคเหนือ ที่มีเชื้อสายจีน และยังเป็นญาติกับฝั่งของแคลอีกด้วย เพียงแค่ช่วงหนึ่งเคยแตกหักเพราะแย่งชิงอำนาจ เลยห่างหายออกไปจากกัน จนกระทั่งได้กลับมารวมอำนาจอีกครั้ง ถึงได้เริ่มสนิทกันอีกรอบ “ขอแบบนี้เพิ่มอีกห้าแก้ว” “รสชาติดี และแรงใช้ได้เลยนะครับคุณแคล” “จัดมาเถอะน่า แอลกอฮอล์แค่นี้ล้มฉันไม่ได้หรอก” พูดพร้อมกับยกนิ้วขึ้นดีดที่ลำคอ เพื่อบ่งบอกว่าตนนั้นคอแข็งเอาเรื่อง โดยหารู้ไม่ว่านี่คือสิ่งที่ผิดมหันต์ เพราะไวน์ชนิดนี้มันแรงชนิดล้มควายอย่างที่ไททันเตือนมาจริง ๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD