เป็นผัว

1426 Words
เช้าวันนี้แสงแดดแผดแสงจ้าตั้งแต่เช้าตรู่ ไทเกอร์ตื่นขึ้นมากินข้าวและทำงานเงียบ ๆ ในห้องนั่งเล่น รอจนกระทั่งสาย แคลถึงได้วิ่งหน้าตั้งลงมาจากชั้นบนด้วยสีหน้าตื่นตระหนกเช่นเดิม “สายแล้ว ๆ” ท่าทางลนลานของแคลเห็นบ่อยจนเริ่มชินตา แม้ว่าจะกำชับแม่บ้านให้ปลุกเธอก่อนเวลาแล้ว แต่ยังแก้พฤติกรรมนี้ไม่ได้ “ก็เห็นสายทุกวัน” เสียงราบเรียบเอ่ยพูด พร้อมกับสองสายตาที่หันมาประสานกันโดยบังเอิญ หลังจากที่เมื่อคืนทั้งคู่เอาแต่เก็บเสียงเงียบ ไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมาอีก จนผล็อยหลับไปยันเช้า “แต่วันนี้สายจริงค่ะ คงต้องไปแล้ว” แคลตอบพลางหลบสายตา รีบคว้าเอากล่องแซนด์วิชขึ้นมาถือเอาไว้ในมือ “เดี๋ยวไปส่ง” “ไม่เป็นไรค่ะ” แคลส่ายหน้าปฏิเสธระรัว แต่มีหรือที่ไทเกอร์จะยอมฟัง เขาเดินนำออกจากบ้านพลันตรงไปที่รถ แคลเห็นแบบนี้ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนแรง จำต้องยอมก้มหน้าเดินคอตกตามหลังไทเกอร์ไปขึ้นรถ “พรุ่งนี้มีงานเลี้ยงที่ตึกคิงส์ อย่าลืมเตรียมชุดไว้ด้วย” คนหน้าพวงมาลัยเอ่ยบอกโดยไม่หันมามอง ในขณะที่แคลเอาแต่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ เพราะไม่อยากพูดคุยกับไทเกอร์ให้เสียอารมณ์ “ได้ยินหรือเปล่า” คนหน้าพวงมาลัยถามย้ำ เพราะอีกฝ่ายไม่ตอบโต้อะไร แถมยังแสร้งทำเป็นหูทวนลม “ค่ะ” เธอถอนหายใจเสียงแผ่ว ก่อนจะตอบออกมาเบา ๆ “เวลาอยู่ด้วยกันก็คุยกัน อย่าเอาแต่เล่นมือถือ” ยิ่งเห็นว่าแคลพยายามไม่สนใจ ไทเกอร์ก็ยิ่งหงุดหงิด จนออกคำสั่งให้แคลหยุดเล่นมือถืออย่างไร้เหตุผล แคลไม่ได้โต้แย้งอะไร ในเมื่อเล่นไม่ได้เธอก็ไม่เล่น รีบวางมือถือไว้ที่เดิมก่อนจะเปิดกล่องแซนด์วิชที่หน้าตัก “กินระวัง ๆ ด้วย อย่าทำหก” “ว้าย!” พูดไม่ทันจะจบ แซนด์วิชในกล่องก็หลุดมือจนกลิ้งไปตกที่ปลายเท้า ทำเอาแคลหน้าเหวอ เม้มปากแน่นด้วยความรู้สึกผิด “เฮ้ออ ก็พูดยังไม่ทันจะขาดคำ” เสียงถอนหายใจหนัก ๆ ของไทเกอร์ยิ่งทำให้แคลรู้สึกผิดไปใหญ่ ใครจะอยากทำของกินหล่นกันเล่า แค่กินข้าวสายเธอก็หิวจะแย่อยู่แล้ว คนตัวเล็กบ่นอุบในใจ ก่อนจะก้มลงไปหยิบแซนด์วิชเก็บเข้ากล่องตามเดิม วันนี้คงต้องอดอาหารเช้าแล้วละ “วันนี้เลิกเรียนกี่โมง” “บ่ายสามค่ะ แต่แคลกลับเองได้” “เดี๋ยวมารับ” เหมือนว่าไทเกอร์จะไม่เข้าใจที่แคลต้องการจะสื่อ หรือไม่ก็กำลังตีมึนอยู่ “วันนี้กลับไวเหรอคะ ไม่ต้องไปกินข้าวเย็นกับหุ้นส่วนอีกเหรอ” เธอถามกึ่งเหน็บแนม ก่อนที่ไทเกอร์จะปรายตากลับมามองที่เธอเล็กน้อยด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา “ไม่อยากให้ไปเหรอ?” เขาไม่ตอบกลับในทันที แต่เลือกที่จะถามเธอกลับ “ก็แล้วแต่พี่สิคะ พี่จะทำอะไรไม่ได้เกี่ยวกับแคลสักหน่อย” “แล้วที่ไปผับเมื่อคืน ไม่ได้ตั้งใจจะทำประชดฉันหรอกเหรอ” คราวนี้แคลเสียอาการในทันที เพราะถูกจับทางได้โดยตรง “พี่ไทเกอร์นี่สำคัญตัวเองดีจังเลยนะคะ” “เธอก็ปากแจ๋วดีจังเลยนะ สงสัยต้องโดนจูบทำโทษบ่อย ๆ ซะแล้วมั้ง” “นี่!” คนตัวเล็กโวย รีบหันไปถลึงตาใส่คนหน้าพวงมาลัย แต่กลับทำให้อีกฝ่ายยิ้มออกมาได้อย่างพึงพอใจ “พี่ไม่มีสิทธิ์มารุ่มร่ามกับร่างกายแคลนะ” “หึ ให้โอกาสพูดใหม่อีกที” ไทเกอร์ถามกลับด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ เพราะรู้ว่าตัวเองกำลังถือไพ่เหนือกว่า ส่วนแคลนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย เพราะเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดดี เนื่องจากตอนนี้ทั้งคู่เป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย อย่าว่าแต่จูบเลย หากไทเกอร์ต้องการมากกว่านั้นก็ย่อมได้อยู่แล้ว “พี่ไม่เหมือนพี่เสือที่แคลรู้จักเลย” พอเถียงสู้ไม่ได้ เธอก็ฟึดฟัดอย่างเสียอารมณ์ ก่อนจะหันกลับมากอดอกทำหน้าบึ้งตึงอย่างเอาแต่ใจ “แล้วพี่เสือที่เธอรู้จักมันเป็นยังไง” “ไม่ต้องพูดแล้วค่ะ รีบขับรถไปเถอะ แคลจะเข้าเรียนไม่ทันแล้ว” เธอตัดบทไปเสียดื้อ ๆ พลันยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา พบว่าตอนนี้สิบโมงตรงแล้ว “ฉันถามว่าไอ้เสือที่เธอรู้จักมันเป็นยังไง” ไทเกอร์ไม่เพียงเค้นถามน้ำเสียงชัดเจน แต่เขายังผ่อนรถเพื่อปั่นประสาท นั่นยิ่งทำให้แคลหมดทางเลือก “เป็นคนดีค่ะ ชอบซื้อขนมมาแบ่งแคล” “หึ แค่ฉันซื้อขนมมาให้ เธอถึงกับคิดว่าฉันเป็นคนดีเลยเหรอ เห็นแก่กินเหมือนกันนะเรา” เขากลั้วขำออกมาทันที โดยไม่รู้ว่าการทำแบบนี้ยิ่งทำให้แคลน้อยใจเข้าไปใหญ่ เขาคงลืมไปแล้วจริง ๆ ว่าเมื่อก่อนตัวเองทำดีกับแคลมากแค่ไหน ตัดภาพมาตอนนี้สิ ทั้งดุ ทั้งเข้มงวด แถมยังทำตัวเป็นเจ้าชีวิต เธอไม่ชอบเลยจริง ๆ แคลไม่พูดอะไรอีก เอาแต่เบนหน้ามองไปนอกกระจกอยู่เงียบ ๆ แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อจู่ ๆ รถก็เริ่มเซเสียหลัก จนไทเกอร์ต้องคลายเท้าจากคันเร่งแล้วปล่อยรถไหลมาชิดขอบทาง “รถเป็นอะไรคะ” เธอถามเสียงตื่น เพราะตอนนี้สายมากแล้ว หากไปช้ากว่านี้ เธออาจจะโดนเช็กขาด “ไม่รู้” ไทเกอร์ตอบกลับสั้น ๆ ก่อนจะเดินลงจากรถ และเห็นเข้ากับล้อด้านหน้าที่แบนแฟบและตะปูดอกใหญ่หลายดอกฝังอยู่ “ใครทำถุงตะปูหล่นใส่ถนนวะเนี่ย” คนร่างใหญ่ชักสีหน้าอย่างหัวเสีย ก่อนที่แคลจะเห็นสีหน้าไม่สู้ดีจึงรีบลงรถไปดูด้วยอีกคน “รถเป็นอะไรเหรอคะ” ยังไม่ทันได้คำตอบ เธอก็ค้นพบเพราะมองตามสายตาของไทเกอร์ที่กำลังเพ่งมองล้อหน้าด้านขวาอยู่ “โห! ไม่ทันแน่เลย งั้นแคลเรียกแท็กซี่ไปนะ” เธอไม่รีรอ รีบขยับเดินออกมาเรียกรถ ทว่าจู่ ๆ กลับมีรถเก๋งสีดำคันหรูวิ่งมาจอดอยู่ด้านหน้า คาดเดาว่าอาจจะเป็นพลเมืองดี แต่พอเจ้าของรถเดินออกมา แคลก็ยิ้มร่าออกมาด้วยความโล่งอกทันที “แคล รถเป็นอะไรเหรอ” ชายร่างสูงผิวขาวหน้าตี๋เดินเข้ามาทักทาย เขาคือเพื่อนร่วมสาขาของแคลเอง ขอบคุณโชคชะตาที่ยังผลักความโชคดีมาให้เธอ “เหยียบตะปูน่ะ เต็งหนึ่งจะไปมอใช่ไหม เราติดรถไปด้วยสิ” “อ๋อ ได้สิ” เต็งหนึ่งยิ้มรับทันที ก่อนจะหันไปมองคนร่างสูงโปร่งที่ตอนนี้กำลังยืนจ้องมองมาที่เขาเขม็ง “พี่ก็หาทางกลับเองแล้วกันนะ” แคลเอ่ยบอกลวก ๆ ก่อนจะวิ่งกลับมาเอากระเป๋าบนรถ แต่ยังไม่ทันจะเดินผ่านหน้าไทเกอร์ไปก็ถูกคว้าแขนไว้ก่อน “หมอนี่ใคร ไว้ใจได้เหรอ?” คำถามตรง ๆ ที่ไม่ไว้หน้า ไม่เพียงทำให้เต็งหนึ่งหน้าเสีย แต่แคลก็อ้ำอึ้งหน้าถอดสีไปด้วย “ได้สิ นี่เพื่อนร่วมสาขาแคลเอง ชื่อเต็งหนึ่ง เอ้อนี่! เต็งหนึ่ง เขาชื่อพี่ไทเกอร์นะ เป็น...” “ผัว” “...” ไทเกอร์ชิงแนะนำตัวเองก่อน คล้ายประกาศสถานะให้อีกฝ่ายได้รับรู้ ซึ่งเต็งหนึ่งก็ทราบมาก่อนหน้าแล้ว เนื่องจากแบล็กคิงส์เป็นผู้มีอิทธิพลรายใหญ่ ไม่มีใครไม่รู้ถึงการแต่งงานของพวกเขา “ปะ ไปกันเถอะเต็งหนึ่ง สายมากแล้ว” แคลโพล่งขึ้นท่ามกลางความเงียบที่แล่นผ่าน รีบดึงแขนผู้ชายคนใหม่วิ่งขึ้นรถต่อหน้าต่อตาไทเกอร์ ก่อนจะบึ่งตรงออกไป ทิ้งให้ไทเกอร์ยืนกอดอกหน้ายุ่งอย่างหัวเสียเพียงลำพัง คอยดูเถอะแคล คืนนี้ได้คุยกันยาวแน่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD