บทนำ
“อื้อ…คุณใหญ่”
เสียงหอบครางกระเส่าดังเล็ดลอดออกจากริมฝีปากอิ่ม ร่างบอบบางบิดเร่าไปมาอย่างรัญจวนเพราะกำลังถูกเล่นงานด้วยพิษสวาทของชายที่ชื่อ ใหญ่ อาชา เจ้าของบริษัทไวน์ชั้นนำของประเทศ ชายที่สาวๆ ต่างใฝ่ฝันอยากจะได้มาเป็นคู่ชีวิต
แต่สำหรับเธอกลับไม่ได้รู้สึกปลาบปลื้มที่กำลังจะได้เป็นเจ้าสาวของเขาในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า นัยน์ตามีแต่ความปวดแปลบ เจ็บลึกไปทั่วอก ไม่มีความดีใจแล่นผ่านเข้ามาเลย เนื่องด้วยรู้สถานะของตนเองว่าเป็นได้แค่ไหน หล่อนก็แค่ภรรยาบำเรอเท่านั้น
วิวาห์ร้าวซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นจะถูกจัดอย่างใหญ่โตสมฐานะของฝ่ายชาย เป็นไปตามความต้องการของอารัญ บิดาของอาชา ผู้มีพระคุณของเธอนั่นเอง
“คุณใหญ่” น้ำเสียงสั่นพร่าครางเบาๆ หลังเกมสวาทสิ้นสุดลง แผ่นหลังกว้างพลิกตัวหันหลังให้ทันที ความเฉยเมยนี้ราวมีคนนำมีดมากรีดใจ ทว่าหล่อนกลับไม่ได้นึกโกรธแม้แต่น้อย อึดใจต่อมาน้ำตาใสๆ เริ่มเอ่อท้น ใช่ว่าเจ็บจนทนไม่ไหว เพราะความสงสารต่างหากเป็นตัวผลักดัน
เสี้ยวหน้าขาวผ่องโน้มตัวมาใกล้กับหลังกว้าง สองมือนุ่มๆ แตะเบาๆ ก่อนน้ำตาหนึ่งหยดจะรินไหล
“อย่าร้องไห้ข้าวหอม ฉันไม่อยากได้ความเห็นใจจากเธอ ขยับตัวออกไปซะ” เสียงทุ้มดุดันตวาดกร้าวยามได้ยินเสียงสะอื้นเล็กๆ จากภรรยาทางพฤตินัย
ทว่าหญิงสาวไม่สามารถกั้นน้ำตาหรือเสียงร้องไห้ แถมยังทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับคำสั่ง เจ้าหล่อนโน้มใบหน้าลงประทับจูบเบาๆ บนแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยร่องรอยจากการถูกทำร้าย รอยเฆี่ยนตีที่เป็นแผลเป็นเต็มแผ่นหลัง ทำให้ทุกครั้งเมื่อเห็นมันข้าวหอมต้องน้ำตาตก
‘ทำไมกันนะ ทำไมผู้หญิงคนนั้นต้องใจร้ายกับเขาขนาดนี้’
ตอนที่ 1 วิวาห์ร้าว
“ยิ้มหน่อยสิใหญ่”
เสียงทุ้มสั่นดังออกจากปากชายวัยหกสิบเจ็ดปีอย่างอารัญ ถึงแม้ในวันนี้จะเป็นวันดี ลูกชายของเขากลับเอาแต่ยืนนิ่งเป็นท่อนไม้พร้อมวางหน้าเรียบ นัยน์ตาพบความเย็นชาบรรจุอยู่ สมฉายาบุคคลไร้หัวใจเสียจริงๆ และเพราะสาเหตุนี้ทำให้ต้องจัดงานวิวาห์ขึ้น
นึกห่วงถ้าขาดตนไปแล้วลูกชายจะไม่เหลือใคร ในเมื่อชีวิตของใหญ่ อาชาเผชิญแต่ความเจ็บปวด จนทำให้กลายไปเป็นคนแข็งกระด้าง ไม่เชื่อใจใครทั้งสิ้นโดยเฉพาะผู้หญิง
สองครั้งสองครามาแล้วในความปวดแปลบซึ่งอาชาต้องพบเจอ ไม่รู้ว่าเป็นเวรเป็นกรรมมาแต่ชาติปางไหน พลางหันไปมองหน้าคนซึ่งเขาไว้ใจ
“เหนื่อยไหมหนูข้าว”
“ไม่เหนื่อยค่ะคุณท่าน” ข้าวหอมยกยิ้มลวงๆ ทำไมจะไม่เหนื่อย เพียงแต่หล่อนนั้นเหนื่อยทางใจมากกว่าเพราะต้องมาอยู่เคียงข้างผู้ชายที่ไม่มีหัวใจ
“หนูข้าวต้องเรียกฉันว่าคุณพ่อแล้วนะ” อารัญทักท้วง
“ค่ะคุณพ่อ” สาวเจ้าระบายยิ้มรับ มองอารัญด้วยสายตารักและเคารพ ถือว่าบุคคลตรงหน้าเป็นเสมือนบิดาซึ่งหยิบยื่นโอกาสมาให้ ช่วยให้ลูกนกตัวน้อยๆ ไม่ต้องทนตากแดดตากลมและเผชิญกับเม็ดฝน ฉะนั้นแล้วเลยไม่อาจปฏิเสธคำขอร้องในครั้งนี้
‘ช่วยดูแลใหญ่แทนฉันด้วยนะหนูข้าว’
เธอเข้าใจความหมายนั้นดี แต่ใครจะไปรู้ว่างานวิวาห์ในครั้งนี้อาจจะกลายเป็นวิวาห์ช้ำร้าวก็เป็นได้ ในเมื่อมีบางคนอยากจะทวงคนรักคืน
“คุณมาทำไม” ไม่นานเท่าไรเสียงกัมปนาทของอารัญแผดกร้าวขึ้น นัยน์ตามีเปลวไฟลูกโตเต้นระริก
“ฉันก็มายินดีกับลูกชายของเรานะสิ”
ส่วนในด้านแขกไม่ได้รับเชิญอย่างอารดาเชิดหน้าขึ้นอย่างถือดีและหยิ่งผยอง พลางตวัดสายตามองอดีตสามีอย่างไม่นึกชอบใจ ก่อนหันมองลูกชายซึ่งยืนนิ่งอยู่ เท้าขยับหมายจะเดินเข้าไปใกล้ ทว่าอารัญกลับเดินเข้ามาขวางพร้อมลูกน้องอีกสองคน
“แต่ผมไม่ต้อนรับคุณ”
คนฟังนั้นไม่ยินดีหรือยินร้าย ไม่เกรงกลัวเลยสักนิด เนื่องด้วยนางมีลูกน้องมาเช่นกัน
“ใหญ่แม่จะมาแสดงความยินดี”
แววตาพบความอบอุ่นแต่กลับแฝงด้วยความเย็นยะเยือก เป็นสายตาที่อาชาแสนจะกลัว มันทำให้ความทรงจำในอดีตหวนกลับมาเล่นงานเจ้าบ่าวให้มือสั่น ถึงพยายามจะนิ่งเท่าไรยังมีผลกระทบต่อจิตใจ
“ผมไม่มีแม่อย่างคุณ” น้ำเสียงกร้าวและเหี้ยมอย่างน่ากลัว โดยพยายามปกปิดร่องรอยความช้ำภายในและผู้หญิงคนนี้คือผู้สร้างรอยแผลบนแผ่นหลังกว้าง เป็นตราบาปที่ไม่มีวันลบออก เป็นฝันร้ายที่ชายหนุ่มต้องเผชิญมาตลอดระยะเวลาสามสิบปี
ด้านข้าวหอมตาโตไม่คิดว่าจะมาเจอกับอารดา ผู้หญิงคนนี้เองที่ทำร้ายอาชา ต่อมาได้ทำในบางสิ่ง คว้ามือกระด้างไปกุมแล้วบีบแน่นๆ ถ้าเธออยู่ตรงนี้จะไม่ยอมให้ผู้หญิงใจยักษ์มาทำร้ายสามีได้อีกแน่ แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายมีอำนาจที่เหนือกว่า
คนซึ่งไม่ถูกต้อนรับตวัดตาค้อน สองมือกำแน่นอยากจะอาระวาด แต่ต้องยับยั้งชั่งใจพลันสะบัดตัวเดินเข้าไปในงาน
อาชานั้นต้องหันมองเจ้าสาวซึ่งไม่ได้รักและไม่คิดจะรักแม้แต่น้อย ไม่คิดว่าเจ้าหล่อนอาจหาญจะต่อกรกับอารดา ปีศาจร้ายที่อยู่ในคราบแม่ผู้แสนดีซึ่งอยากกลับเข้ามาในชีวิตของตนเอง ก่อนสะบัดมือนุ่มทิ้งแล้วยืนตีหน้าเรียบไม่ต่างจากเดิม
“ขอบใจมากนะหนูข้าว” อารัญคิดว่าเลือกคนไม่ผิด ข้าวหอมมีมุมที่เข้มแข็ง แต่บางมุมก็อ่อนแอเพราะชีวิตต้องผ่านอะไรมามาก
หญิงสาวยกยิ้มอีกรอบ ใจนั้นกลัวพอสมควร ดูจากแววตาของอารดาแล้วเหมือนจะไม่ชอบหน้าเธออยู่สักเท่าไรและจากคำบอกเล่าของอารัญทำให้รู้ว่าสมควรจะอยู่ให้ห่างจากผู้หญิงคนนี้มากที่สุด กระทั่งมีใครอีกคนเดินยิ้มเข้ามา
“ยินดีด้วยนะไอ้ใหญ่ มีความสุขมากๆ นะแก” คงจะพลาดไม่ได้กับงานแต่งของเพื่อนรัก จึงทำให้สงครามต้องยอมออกจากเหมืองมาร่วมงาน
“ขอบใจ” น้ำเสียงไม่ได้บ่งบอกถึงความดีใจเลยสักนิด แต่ไม่ได้ทำให้เพื่อนรักขัดเคือง
“ฝากเพื่อนผมด้วยนะครับคุณข้าวหอม และอย่าไปกลัวมัน เห็นท่าทางนิ่งๆ แบบนี้ก็เป็นคนใจดีนะครับ” เคยพบเจอกับเจ้าสาวของเพื่อนมาแล้วสองถึงสามครั้งเลยรู้ว่าคนตรงหน้าจะสามารถดูแลผู้ชายหัวใจตายด้านให้ฟื้นตัวกลับมาได้
“ขอบคุณมากค่ะคุณคราม” สาวเจ้าถึงกับอมยิ้มกับถ้อยคำของสงคราม ชายที่ไว้หมวดไวเคราราวกับโจรป่า บวกกับบุคลิกนิ่งเงียบทำให้ดูน่ากลัว แต่ถ้าได้รู้จักจะรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นก็เป็นคนอารมณ์ดีไม่เบา จากนั้นสีหน้าต้องเจื่อนลงกับถ้อยคำห้วนๆ จากปากหยัก
“ไม่ต้องมายิ้ม”
รอยยิ้มได้จางหายในบัดดล
“และจำไว้นะว่าทั้งชีวิตของฉันจะไม่มีวันรักผู้หญิงคนไหนอีกแล้วเพราะความรักมันไม่มีจริง และฉันจะคอยดูซิว่า เธอจะทนอยู่กับฉันไปได้สักกี่วัน ขี้คร้านไม่นานก็จะมีใหม่” วาจานั้นเผ็ดร้อนเล่นงานคนฟังได้ไม่น้อย และรอยแผลเก่าซึ่งฝังใจทำให้อาชาไม่คิดจะไว้ใจผู้หญิงคนไหนอีก แต่ก็มีหนึ่งคนที่เขารักมากไม่แพ้บิดา