“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง”
ในข้อนี้ไม่คิดจะทำเช่นนั้นอยู่แล้ว เข้าใจความรู้สึกของพวงชมพูและบุตรสาว ซึ่งที่ยังพูดคุยกับอีกฝ่ายได้เรื่อยมาเพราะเจ้าหล่อนถึงจะร้าย แต่ไม่เคยทำให้จันทร์เจ้าเจ็บช้ำเพราะรักสุดหัวใจไม่ต่างกัน ฉะนั้นเรื่องความสัมพันธ์จึงไม่เป็นปัญหา ยกเว้นเรื่องเดียว…เรื่องที่ต้องการจะกลับมาเป็นภรรยาของเขาอีกครั้ง
“คุณไม่น่าแต่งงานกับแม่ข้าวหอมนั่น ทั้งที่ชมพูอยากจะกลับมาหาคุณ” ดาราสาวตัดพ้อ น้ำเสียงไม่พึงพอใจทำให้อาชาหัวเราะในลำคอ
“อยากจะกลับมาเพื่ออะไร จะมาสวมเขาให้ผมอีกนะหรือ ผมคงไม่ยอมโง่เป็นหนที่สอง”
“แต่ชมพูยังรักคุณอยู่ ให้อภัยกันไม่ได้หรือไงคะ หรือว่าคุณหลงรักแม่นั่นเข้าเสียแล้ว” เรียวปากสวยซึ่งถูกทาทับด้วยลิปสติกสีส้มกัดเม้มแน่น สายตาของอดีตสามีช่างน่ากลัว
“ผมไม่รักใครอีกแล้ว นอกจากหนูเจ้ากับคุณพ่อ”
นัยน์ตาคมทอประกายรักยามพูดถึงบุคคลทั้งสอง หัวใจดวงโตมีพื้นที่สำหรับอารัญและจันทร์เจ้าเท่านั้น แม้กระทั่งข้าวหอม ภรรยาป้ายแดงก็ไม่มีสิทธิ์จะก้าวเท้าเข้ามาในเขตหวงห้าม แต่ใช่ว่าจะไม่มีพื้นที่ว่างเพียงแค่มันเป็นส่วนสำหรับความเกลียดชัง
เขากับพวงชมพูไม่ถึงขั้นเกลียดจนไม่อยากมองหน้า แต่ก็ไม่คิดที่จะกลับไปรักอีก อีกหนึ่งเหตุผลคือหัวใจถูกปิดตาย
“งั้นชมพูไปก่อนละกัน /แม่ไปก่อนนะคะ” ใกล้จะถึงเวลาต้องเดินทางไปกองถ่ายจึงต้องบอกแก่อาชาและลูกสาว พวงแก้มยุ้ยถูกหอมฟอดใหญ่ แต่ก็ไม่ลืมหันไปส่งยิ้มให้แก่อดีตสามี โดยฝ่ายชายไม่ได้แสดงกิริยาตอบรับ มองผ่านไปราวมันไม่มีประโยชน์
หลังจากนั้นอาชาได้พาลูกสาวกลับไปยังบริษัท ไม่รู้เลยว่าข้าวหอมได้ทำสิ่งต้องห้าม หัวใจดวงกระด้างอาจจะลุกเป็นไฟได้โดยง่ายในเมื่อทุกสิ่งที่เกี่ยวกับผู้หญิงใจร้ายเป็นตัวกระตุ้นอารมณ์ชั้นยอด
-----------------
ช่วงเวลาลุ้นระทึกได้วนเวียนมาถึง ประมาณหกโมงเย็นเท้าน้อยๆ ได้เดินเข้ามาภายในคฤหาสน์ที่มีความใหญ่โตสมฐานะเจ้าของบริษัทผลิตไวน์รายใหญ่ รอยยิ้มค่อยๆ ปรากฏขึ้นเนื่องด้วยเห็นภาพบางอย่างจากสนามหญ้าด้านหน้า ถึงภายในอกจะร้อนฉ่าแทบไหม้
แอบอิจฉาความสุขจนล้นใจ เธออยากได้รับมันบ้างที่ผ่านมาต้องทนกอดตัวเองมาโดยตลอด กระนั้นข้าวหอมไม่เคยคิดร้องขอ กลับหยัดยืนด้วยเท้าของตนเองได้เรื่อยมา
เสียงหัวเราะหยอกเย้าถ้ามีหล่อนเข้าไปร่วมวงด้วยคงจะดีไม่น้อย แต่รับรู้ว่าไม่เป็นที่ต้อนรับจากบุรุษร่างโต อีกฝ่ายพยายามกีดกันหัวใจของเธอให้ออกห่างพร้อมก้าวเดินผ่านความสุขเข้าไปในตัวบ้าน ซึ่งมีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งอย่างลงตัว
“สวัสดีค่ะคุณข้าว”
ไม่ถึงนาทีมีเสียงทักทายดังขึ้นจากคนเก่าคนแก่ของบ้าน แถมยังเป็นคนดูแลทุกอย่าง
“สวัสดีค่ะป้าสายใจ” ยิ้มถูกระบายออกโดยง่าย ไม่เคยถือตัวว่าบัดนี้เป็นถึงภรรยาเจ้าของคฤหาสน์ ยังทำตัวเป็นข้าวหอมคนเดิม เพราะสิ่งที่ได้มาอาจจะไม่ยั่งยืนเท่ากับมิตรภาพที่ดี
“ทานอะไรมาหรือยังคะ เดี๋ยวป้าจะไปทำมาให้ วันนี้คุณใหญ่ทานไปเรียบร้อยแล้วเพราะคุณหนูเจ้าร้องหิวเลยต้องตั้งโต๊ะก่อน” สายใจอธิบายพร้อมหันมองไปยังบริเวณหน้าบ้าน คุณชายของหล่อนจะมีรอยยิ้มและความอบอุ่นให้กับจันทร์เจ้าคนเดียวเท่านั้น พลอยนึกสงสารหญิงสาวตรงหน้าจับใจ
“ข้าวทานมาจากที่ร้านแล้วค่ะ” กว่าจะปิดร้านในแต่ละวันเวลาไม่ตรงกันจึงหาของใส่ท้องมาเรียบร้อยแล้ว ก่อนเดินขึ้นห้องนอนซึ่งอยู่ด้านบน ในกระเป๋ามีของที่ต้องนำไปมอบให้แก่สามีทางนิตินัย คิดแล้วหนักใจมีหวังระเบิดลงกลางบ้านเป็นแน่
ม่านตาสีดำไหวระริก เมื่อทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงภายในห้องของตนเองซึ่งไม่ใช่ห้องของอาชา เขาแสดงเจตจำนงไม่ต้องการให้ภรรยาที่ไม่ได้มาด้วยความเต็มใจไปวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัว กระทั่งในช่วงพระจันทร์ทอแสงเจิดจรัสได้มาถึงร่างระหงจึงรวบรวมความกล้าไปเผชิญหน้ากับสามี
ก๊อก ก๊อก
มือเรียวเล็กยกขึ้นเคาะประตูห้องบานใหญ่ พลางกัดเม้มเรียวปากกลัวจะโดนดุกลับมา
“มีอะไร” ยามประตูเปิดออกคำถามแข็งกระด้างก็ตามมาทำให้หญิงสาวหน้าชา ดึงสายตามองลึกในตาคมคู่นั้น ไยถึงไม่มีความอ่อนโยนมอบให้กันบ้าง ความเจ็บในครั้งอดีตเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่อยากให้เหมารวม ทว่าจะทำอย่างไรได้เมื่อเขาปิดตายหัวใจ
อาชาวางหน้าเรียบเฉย ดวงตาสีเข้มคงความเย็นชา ก่อนหัวคิ้วยกสูงกับถ้อยคำซึ่งได้ฟัง
“คุณแม่...ของคุณใหญ่ฝากมาให้ค่ะ” พูดออกไปด้วยท่าทางกล้าๆ กลัวๆ แล้วใจหายวาบยามพบว่าโครงหน้าหล่อเหลาเปลี่ยนสี ริ้วรอยความไม่พอใจปรากฏเด่นชัด
อาชากระตุกยิ้มมุมปากพลางยื่นมือไปรับของจากหญิงสาว พิจารณาดูไม่ถึงเสี้ยวนาทีก็โยนมันลงถังขยะอย่างไม่ไยดี ต่อมาปรายตามองดอกไม้ช่อเล็กๆ ในมือนุ่ม เข้าใจดีว่าผู้หญิงใจร้ายคนนั้นคงสั่งให้สาวเจ้านำมามอบให้
“ดอกไม้ร้านเธอหรอ”
ประโยคคำถามช่างดูเย้ยหยันถึงขั้นข้าวหอมกลืนน้ำลายไม่ลงคอ วูบไหวกับสายตาเหยียดแคลนพร้อมยื่นช่อดอกไม้ไปมอบให้ ถือว่าทำหน้าที่ตามลูกค้าได้สั่งไว้ อึดใจถัดมาต้องเสียดลึกในอกเฝ้ามองการกระทำของชายร่างโต ไม่นานรู้สึกเหมือนโดนตบหน้าฉาดใหญ่
อาชาไม่ได้เห็นความสำคัญหรือตีค่าความหมายของดอกไม้ช่อนั้น ถึงจะเป็นตัวส่งสาส์นจากอารดาว่าอยากเดินกลับเข้ามาในชีวิต ทั้งที่ทิ้งไปหลายสิบปี แถมยังทิ้งรอยแผลที่ไม่มีวันลบออกไว้ให้ จากนั้นปรายตามองคนตรงหน้าซึ่งลงมือจัดดอกไม้อย่างไร้หัวใจพร้อมทั้งทำบางอย่าง
ไม่ว่าจะมีดอกไม้หรือของอีกกี่อย่างล้วนแต่ไม่มีความสำคัญ ฉะนั้นถังขยะจึงเป็นที่ที่เหมาะสม จึงโยนมันตาม
กล่องของขวัญไป
“ทีหลังอย่ารับอะไรจากผู้หญิงคนนั้นมาอีก ที่สำคัญอย่าเรียกว่าแม่ให้ฉันได้ยินอีก ชีวิตของฉันไม่ต้องการข้องเกี่ยวอะไรกันอีกทั้งสิ้น” นัยน์ตาวาวโรจน์แฝงความน่ากลัว น้ำเสียงเย็นยะเยียบบอกอย่างเฉียบขาด
ข้าวหอมลอบผ่อนลมหายใจช้าๆ ช้อนตามองชายหนุ่มแล้วเหนื่อยหน่ายหัวใจพร้อมมองไปยังร่างน้อยบนเตียงกว้าง
“หมดธุระแล้วใช่ไหมฉันจะไปนอน”
สาวเจ้าพยักหน้าหลังได้ยินคำถามด้วยน้ำเสียงกรุ่นโกรธ พลางหมุนตัวเดินกลับห้องของตนเอง กระนั้นต้องชะงักเท้าเมื่อได้ยินประโยคทิ้งท้าย
“อาทิตย์นี้ไม่ต้องเข้ามาหาฉันที่นี่เพราะหนูเจ้าจะมาอยู่ด้วย”