ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...
“ขออนุญาตทำความสะอาดค่ะ” หญิงสาวตะโกนบอก
“เข้ามา”
เมื่อได้ยินเสียงอนุญาต เธอจึงหมุนลูกบิดประตูเข้าไปด้านในแต่ไม่เห็นว่าเจ้าของห้องจะอยู่ในบริเวณนี้ คิดว่าเขาน่าจะอยู่ในห้องแต่งตัวด้านหลัง เธอจึงได้เริ่มเก็บที่นอนของเขาเป็นอันดับแรกตามที่ป้าสอนมาโดยเริ่มจากการดึงปลอกหมอนทุกใบออกแล้วตามด้วยผ้าปูที่นอน จากนั้นก็นำเครื่องนอนชุดใหม่มาปูแทน ไม่นานกุลวุฒิก็ก้าวออกมาจากห้องแต่งตัวด้านหลัง เธอจึงได้รีบขยับตัวยืนตรงแล้วก้มศีรษะให้กับเขา
“สวัสดีค่ะคุณกุล”
“อ้าว เธอเองเหรอ”
“ค่ะ ป้าสายให้หนูมาทำความสะอาดห้องของคุณค่ะ”
“อืม แล้วมือนั่น...เป็นไงบ้างล่ะ ยังเจ็บอยู่มั้ย” เขาถามขณะที่สายตาเลื่อนไปมองที่มือเล็กซึ่งยังมีผ้าพันแผลเหมือนเมื่อคืน
“ก็เจ็บอยู่บ้างแต่ยังทำงานได้ค่ะ”
“ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืนล่ะ ให้คนอื่นมาทำแทน”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูทำไหว”
“งั้นก็ตามใจ” เขากำลังจะก้าวออกจากห้องแต่เหมือนจะเพิ่งนึกอะไรบางอย่างออกเขาจึงได้หันกลับมามองเธออีกครั้งและตั้งคำถามที่ค้างคาใจมาตั้งแต่เมื่อคืน
“เธอ...ชื่ออะไรนะ?”
“อ๋อ หนูชื่อปีใหม่ค่ะ”
เหมือนเธอจะนึกได้ว่ายังไม่ได้บอกชื่อเขาไปเช่นกัน
“ปีใหม่? แปลว่าเกิดวันที่หนึ่งมกราสินะ”
“เปล่าค่ะ หนูเกิดวันที่สามสิบเอ็ดธันวา แต่พ่อเค้าตั้งชื่อว่าปีใหม่เพราะหนูเกิดตอนห้าทุ่มห้าสิบเจ็ดนาทีค่ะ มันใกล้กับวันปีใหม่มากจะเรียกว่าน้องส่งท้ายหรือน้องสิ้นปีก็ยังไงๆ อยู่ เลยเรียกหนูว่าปีใหม่ค่ะ”
เธอตอบด้วยดวงตาใสซื่อ แต่กุลวุฒิแทบจะหลุดขำกับคำอธิบายของเธอทว่าเขาก็ต้องกลั้นเอาไว้แล้วพยักหน้ารับรู้แทน
“อ้อ...” เมื่อไขความข้องใจของตัวเองแล้วเขาก็ก้าวออกไปจากห้องนั้นโดยไม่ได้ถามอะไรเธออีกเลย ปณิสราจึงได้ทำงานของเธอต่อไปด้วยความขยันขันแข็ง แม้จะยังใช้มือลำบากอยู่บ้าง แต่การทำงานก็ทำให้เธอไม่ต้องฟุ้งซ่านเรื่องบิดามารดาอีก
“เช้านี้รับอะไรดีคะคุณกุล ป้ามีข้าวต้มกุ้งแล้วก็อาหารเช้าแบบอเมริกันค่ะ” สายใจเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเหมือนทุกครั้ง เธอช่วยคุณแม่ของเขาเลี้ยงเขามาตั้งแต่สิบขวบจนตอนนี้เขาสามสิบสามแล้วก็เลยรู้ใจกันเป็นอย่างดี
“ขอเป็นข้าวต้มกุ้งละกันครับ”
“ได้ค่ะ เครื่องดื่มรับเป็นกาแฟดำกับน้ำเปล่าเหมือนเดิมนะคะ”
“ครับ”
“รอสักครู่ค่ะ” สายใจเดินไปที่โต๊ะสำหรับเสิร์ฟอาหารตรงผนังห้องก่อนจะตักข้าวต้มลงในชามพร้อมกับรินกาแฟลงถ้วยและเติมน้ำเปล่าในแก้ว จากนั้นก็เป็นคนยกมาเสิร์ฟเขาด้วยตัวเอง
“ข้าวต้มค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
“เมื่อคืนป้านึกว่าคุณกุลไม่ได้กลับมาเสียอีกค่ะ กลับดึกเลยเหรอคะ เกือบสามทุ่มป้ายังไม่เห็นรถคุณกลับมาเลย” เธอถามขึ้นหลังจากวางของทุกอย่างตรงหน้าเขาเรียบร้อย
“ครับก็ดึกอยู่เหมือนกัน ตอนแรกว่าจะค้างที่ค่ายมวยแล้วล่ะ แต่เจ้าพวกนั้นมันฉลองกันเสียงดัง ผมเลยกลับมานอนบ้านดีกว่า”
“ดีแล้วค่ะ นอนที่ค่ายมวยคุณกุลคงนอนหลับไม่สนิท จริงสิคะเมื่อกี้ป้าให้หลานไปทำความสะอาดห้องคุณ เจอกันแล้วใช่มั้ยคะ เธอได้แนะนำตัวเองให้คุณรู้จักหรือยังคะ”
“ครับ เรารู้จักกันแล้ว”
“ดีค่ะ จากนี้ไปป้าก็ตั้งใจจะให้ปีใหม่เค้าคอยดูแลคุณกุลเวลาที่กลับดึกๆ นั่นแหละ แต่มาวันแรกก็ซุ่มซ่ามเลย เผลอทำแจกันแตกไปใบหนึ่ง แต่เธอบอกให้ป้าหักเงินเดือนมาซื้อแจกันให้คุณใหม่แล้วนะคะ”
“งั้นเหรอครับ”
เขายิ้มบางๆ พลางคิดไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วภาพริมฝีปากของเขาแตะกับปากของเธอมันก็ฉายชัดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้นๆ แต่เขากลับจดจำความนุ่มละมุนนั้นได้เป็นอย่างดี
“แล้วนี่คุณกุลจะไปเยี่ยมคุณท่านทั้งสองอีกเมื่อไหร่คะ ป้าจะได้ทำทับทิมกรอบไปฝาก” คำถามนั้นทำให้เขาหลุดจากภวังค์ความคิดและได้สติอีกครั้ง
“ช่วงนี้ผมยุ่งๆ น่ะครับ กว่าจะได้ไปก็คงเป็นเดือนหน้า เอาไว้ถ้าผมจะไปวันไหนจะบอกป้าอีกทีนะครับ”
“ได้ค่ะ”
บิดาและมารดาของเขาเกษียณตัวเองแล้วย้ายไปอยู่ที่เขาใหญ่แบบถาวร นานๆ ทีจึงจะแวะมาหาเขาที่บ้านเพราะเบื่อความวุ่นวายในเมืองใหญ่ เขาจึงเป็นฝ่ายไปเยี่ยมพวกท่านทุกเดือนซึ่งจะค้างอยู่ประมาณสองหรือสามวันก็จะกลับมาทำงานต่อ
กิจการค่ายมวยและยิมออกกำลังกายหลายสาขาทั่วประเทศ เป็นกิจการที่บิดาของเขาบุกเบิกมา เมื่อท่านเกษียณตัวลงเขาจึงได้เข้ามารับช่วงต่อ และได้ปรับปรุงให้ทันสมัยเพื่อตอบรับความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่รักสุขภาพมากขึ้น
“อ้อ คืนนี้ผมอาจจะกลับดึกหน่อย มีนัดสังสรรค์กับเพื่อนน่ะครับ”
“ยังไงก็อย่าดื่มเยอะนะคะ เดี๋ยวขับรถไม่ไหว ป้าเป็นห่วง”
“รู้แล้วครับ นี่ถ้าแม่เค้ารู้ว่าป้าทำหน้าที่แม่คนที่สองของผมได้ดีขนาดไหน ท่านคงจะเป็นปลื้มแน่ๆ” เขาแกล้งเย้าคนอาวุโสกว่า
“แหม ป้าไม่อาจเอื้อมจะเป็นแม่คนที่สองของคุณกุลหรอกค่ะ แต่ป้าเป็นห่วงคุณจริงๆ นะคะ ปีนี้คุณก็อายุสามสิบสามแล้วถ้ามัวแต่ไปสังสรรค์กับเพื่อนแบบนี้ เมื่อไหร่คุณท่านทั้งสองจะได้เห็นหน้าลูกสะใภ้ล่ะคะ”
“ก็ผมยังไม่ถูกใจใครนี่ครับ”
“แต่ป้าเห็นคุณมีข่าวกับพวกนางแบบหลายคน นึกว่าคุณมีคนที่ถูกใจบ้างแล้วเสียอีกค่ะ”
“ยังหรอกครับ ผมยังหวงความโสด ไม่คิดจะมีบ่วงคล้องคอตอนนี้แน่นอน ป้าสายก็ไม่ต้องรอนะครับ เอาไว้ผมมีเมื่อไหร่จะพาเข้าบ้านเอง”