“งั้นให้หนูต้มมาม่าให้คุณกินดีมั้ยคะ”
“มาม่า? บ้านฉันมีของแบบนั้นด้วยเหรอ”
“จริงๆ ก็ไม่มีค่ะ แต่ตอนที่ออกไปซื้อของกับป้าหนูแวะเซเว่นแล้วซื้อมาม่ามาตุนไว้ก็เลยมีค่ะ”
“ทำไมจะต้องตุนมาม่า คิดว่าบ้านฉันไม่มีอะไรให้เธอกินหรือไง”
“เปล่าค่ะ หนูรู้ว่าบ้านคุณมีแต่ของดีๆ แต่หนูเกรงใจค่ะ แค่มาอยู่ที่นี่ก็เป็นภาระของคุณกับป้าสายมากพอแล้ว หนูก็เลยไม่อยากเบียดเบียนของกินของคุณอีกก็เลยซื้อมาม่ากับโจ๊กมาตุนไว้ค่ะ”
กุลวุฒิกะพริบตาปริบๆ เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอบอก ก่อนที่เขาจะหลุดขำออกมา
“เด็กโง่ ป้าสายไม่ได้บอกหรือไงว่าที่นี่มีข้าวให้ทุกคนกินสามมื้อและเธอก็จะได้รับสวัสดิการเหมือนคนอื่นๆ ไม่ได้เบียดเบียนอะไรฉันสักหน่อย คิดมากไปได้” เขาบอกอย่างเหนื่อยใจ
“ก็หนู...กลัวคุณอึดอัดใจที่หนูมาอยู่ด้วยนี่คะ”
“เฮ้อ...เธอเนี่ยนะ บอกแล้วไงว่าอย่าคิดมาก ถ้าฉันอึดอัดคงไม่ให้เธอมาอยู่ด้วยหรอก ส่วนเรื่องต้มมาม่าก็ไม่ต้องทำหรอก มือเธอเจ็บอยู่ อีกอย่างฉันก็ไม่หิวแล้วด้วย เดี๋ยวจะขึ้นนอนแล้วล่ะ นี่ยา กินแล้วไปนอนซะ”
“ขอบคุณค่ะ” เธอยกมือไหว้เขาก่อนจะรับยามาถือไว้
“บอกให้กินไง ถือไว้อย่างนั้นทำไม”
“คือแถวนี้ไม่มีน้ำค่ะ เดี๋ยวหนูเอาไปกินในห้องครัวดีกว่า”
“จริงสิ จะว่าไปฉันยังไม่ได้ถามเธอเลยว่าเธอไปทำอะไรในครัวดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้”
“คือหนู...จะไปหาน้ำเพื่อกินยาค่ะ”
“อ้าว เธอไม่สบายเหรอ”
“เปล่าค่ะ แต่หนูต้องกินยานอนหลับถึงจะหลับได้ค่ะ”
“ทำไมต้องกินยานอนหลับ เธอเป็นคนหลับยากเหรอ แล้วไปเอายาที่ไหนมา ยานอนหลับต้องเป็นหมอจัดให้นะ”
“ใช่ค่ะ หนูขอยาจากหมอ เพราะว่าหนูนอนไม่หลับเลยตั้งแต่เกิดเรื่อง ทุกครั้งที่หลับตาก็จะเห็นแต่ภาพพ่อกับแม่...” เธอพูดอะไรไม่ออกอีก เพราะมันรู้สึกจุกอกไปหมด เขาจึงได้ถอนหายใจออกมาอีกครั้งและเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเธอจะต้องใช้ยา
“เอาเถอะ ไม่ต้องพูดหรอก ฉันรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ จะไปกินในห้องครัวก็ไป เดี๋ยวฉันจะนั่งทำงานต่ออีกหน่อย”
“ไหนคุณว่าจะไปนอนแล้วไงคะ”
“เพิ่งนึกได้ว่ามีงานต้องทำน่ะ”
บอกแค่นั้นเขาก็ไปนั่งที่โต๊ะทำงานแล้วเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมา เธอจึงได้ก้าวออกไปจากห้องนั้นแต่ก่อนไปก็ยังแอบได้ยินเสียงท้องเขาร้องดังมาแผ่วๆ แต่เธอก็ไม่กล้าหันกลับไปมอง
สิบห้านาทีต่อมา...หญิงสาวเดินกลับมาที่ห้องทำงานของเขาอีกครั้ง พร้อมกับของบางอย่างในมือ
“ฉันบอกให้ไปนอน ทำไมยังอยู่อีก” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อมองคนดื้อที่ไม่ยอมไปนอนเสียที
“หนูคิดว่าคุณน่าจะยังหิวอยู่ก็เลยต้มมาม่าใส่หมูสับกับกุ้งมาให้ค่ะมีไข่ลวกอีกฟองลอยด้านบนด้วย”
เธอบอกพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะวางถาดที่มีชามบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั้งห้องรวมถึงน้ำเปล่าอีกหนึ่งแก้วลงบนโต๊ะให้กับเขา
“กินให้อร่อยนะคะ และขอบคุณอีกครั้งที่กรุณาให้หนูมาอยู่ด้วย หนูจะตั้งใจทำงานจะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอนค่ะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะคุณกุล”
คนสวยส่งยิ้มหวานก่อนจะเดินกลับออกไปอย่างรวดเร็ว
กุลวุฒิละสายตาจากสมาชิกใหม่ของบ้านมามองอาหารบนโต๊ะก่อนที่เขาจะส่ายหน้าน้อยๆ แล้วยิ้มออกมา
มือใหญ่เอื้อมไปยกชามบะหมี่ออกมาจากถาดแล้วเริ่มตักกินทีละคำอย่างเอร็ดอร่อย ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยกิน แต่เขาแค่รู้สึกว่าบะหมี่ชามนี้มันอร่อยกว่าที่เคยกินมาต่างหากล่ะ
ดูเหมือนว่าเขาจะคิดไม่ผิดสินะที่ให้เธอมาอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วยกัน
ว่าแต่...เด็กนั่นชื่ออะไรนะ?
เฮ้อ...ลืมถามจนได้สิน่า
“เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยถามอีกทีละกัน” เขาพึมพำพูดกับตัวเองแล้วนั่งกินต่อไปจนหมดชาม จากนั้นก็นั่งทำงานต่ออีกครู่หนึ่งก่อนจะนำชามไปเก็บในครัวแล้วขึ้นไปพักบนห้องเพราะรู้สึกง่วงเต็มที
สงสัยว่าบะหมี่ของเธอจะเริ่มบานจนเต็มท้องเขาแล้วสินะ...
เช้าวันต่อมา
“นั่นมือไปโดนอะไรมาน่ะปีใหม่” สายใจเอ่ยถามหลานสาวขณะที่ช่วยกันอยู่ในครัวเพื่อเตรียมมื้อเช้าให้เจ้านายของพวกเธอ
“เอ่อ...หนู...ทำแจกันตกแตกเมื่อคืนมันก็เลยบาดมือน่ะจ้ะ”
“ทำอะไรไม่ระวังเลยนะเรา ใช่แจกันที่อยู่หน้าห้องครัวรึเปล่าได้ยินพวกเด็กๆ มันถามกันว่าแจกันหายไปไหน”
“ใช่จ้ะป้า หนูขอโทษนะจ๊ะที่ซุ่มซ่ามไปหน่อย ต่อไปจะระวังให้มากกว่านี้จ้ะ”
“เอาเถอะ ไม่ได้เจ็บมากก็ดีแล้ว เอาไว้ป้าจะซื้อแจกันใบใหม่มาใช้คืนคุณกุลเค้าเอง”
“หนูเป็นคนทำแตก ป้าหักเงินเดือนหนูไปซื้อดีกว่านะจ๊ะ ไม่งั้นหนูคงรู้สึกผิดมากกว่านี้”
“งั้นก็ตามใจ แล้วนี่ใครทำแผลให้ล่ะ แน่นหนาดีเชียว”
“ก็...ก็พวกพี่ๆ เค้าแหละจ้ะ”
“อืม งั้นเราก็ไม่ต้องช่วยล้างผักนะเดี๋ยวแผลเปียก ตอนนี้คุณกุลน่าจะตื่นแล้วอีกเดี๋ยวคงลงมา เราไปทำความสะอาดห้องท่านละกัน จำได้มั้ยว่าต้องทำความสะอาดยังไงบ้าง”
“จำได้จ้ะ”
“ดี งั้นก็ไปเถอะ แต่ไม่ต้องทำในห้องน้ำนะ เดี๋ยวป้าให้คนอื่นไปทำน้ำจะได้ไม่เข้าแผล ถ้าเจอคุณกุลก็ยกมือไหว้แล้วแนะนำตัวเองให้ท่านรู้จักด้วยล่ะ เรายังไม่เคยเจอท่านสิท่า”
“เอ่อ...จ้ะป้า”
ปณิสราเดินแยกออกไปจากห้องครัวก่อนจะไปหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดแล้วก้าวขึ้นไปชั้นบน