“อ๋อครับ งั้นตักข้าวเลยครับ อิ่มแล้วผมจะได้ไปนอนพัก”
“ได้ค่ะ” แล้วสายใจก็หันไปหยิบโถข้าวและตักลงในจานให้กับนายน้อยของเธอ
“แล้วนี่...ปีใหม่เค้าไปไหนล่ะครับ”
“ป้าให้ช่วยพวกเด็กๆ เค้าทำความสะอาดครัวค่ะ คุณกุลจะใช้ให้ทำอะไรรึเปล่าคะ เดี๋ยวป้าให้คนไปตาม”
“ไม่เป็นไรครับ รอให้ผมอิ่มก่อนแล้วค่อยบอกให้เธอเอายาขึ้นไปให้ผมบนห้องละกันนะครับ”
“ได้ค่ะ งั้นป้าจะให้ปีใหม่ไปนอนเฝ้าคุณที่หน้าห้องดีมั้ยคะ เผื่อดึกๆ มีไข้จะได้ดูแลทัน คุณจะได้เรียกเธอสะดวกด้วย”
“อย่าให้ถึงขนาดนั้นเลยครับ ผมไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะจะได้ต้องมีคนนอนเฝ้าน่ะ แล้วผมก็ไม่ได้ป่วยหนักด้วย ป้าสายห่วงผมเกินไปแล้วครับ”
“ก็คุณท่านทั้งสองบอกให้ป้าดูแลคุณกุลให้ดีที่สุดนี่คะ ถ้าเกิดคุณกุลเป็นอะไรไป ป้าจะตอบพวกท่านยังไง”
“โธ่ ป้าก็พูดซะผมรู้สึกผิดเลยเนี่ย”
“ป้าไม่ได้ตั้งใจแบบนั้นนะคะ แต่ป้าห่วงคุณจริงๆ”
“ผมรู้ครับว่าป้าเป็นห่วง แต่ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก เอาไว้ถ้าผมรู้สึกไม่ไหวแล้วผมจะโทรมาตามปีใหม่เค้าเองนะครับ อย่าให้เค้าต้องลำบากมานอนเฝ้าหน้าห้องเลยยังไงเค้าก็เป็นผู้หญิงนะครับ ถ้าเป็นผู้ชายด้วยกันก็ว่าไปอย่าง”
“งั้นก็ตามใจค่ะ แต่ถ้าคุณอาการไม่ดีต้องรีบโทรเรียกปีใหม่เค้าเลยนะคะ”
“รับทราบครับคนสวย” เขาส่งยิ้มเย้าคนสูงวัยกว่าเลยโดนมองค้อนเข้าให้
“เนี่ยๆ คุณกุลก็เป็นซะแบบนี้แหละ”
“หมายถึงน่ารักแบบนี้ใช่มั้ยครับ”
“หมายถึงกะล่อนต่างหากล่ะคะ เฮ้อ...ป้าล่ะเหนื่อยใจแทนคุณท่านทั้งสองจริงๆ เลย ลื่นเป็นปลาไหลแบบนี้สิคะถึงได้หาแฟนยาก คนอื่นเค้าจะคิดว่าคุณไม่จริงจังรู้มั้ยคะ”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกครับป้าสาย สำหรับคนที่ผมคิดจะคบจริงจังแล้วน่ะ ผมไม่ลื่นแบบนี้หรอก รับรองว่าจะแสดงทั้งความจริงจังและจริงใจจนเธอประทับใจเลยล่ะ”
“ก็ขอให้เป็นแบบนั้นเถอะค่ะ จริงสิคะ เมื่อตอนบ่ายคุณผู้หญิงโทรมา บอกว่าอีกสองอาทิตย์จะเข้ากรุงเทพฯ นะคะ”
“อ้าวเหรอครับ ไหงโทรหาป้าไม่โทรหาผมเลยล่ะ”
“คงกลัวคุณจะยุ่งล่ะมั้งคะ งั้นก็รีบกินข้าวเถอะค่ะ อิ่มแล้วจะได้ขึ้นไปนอนพัก”
“ครับ”
เขาพยักหน้ารับก่อนจะเริ่มจัดการอาหารเย็นตรงหน้าจนกระทั่งอิ่มก็ขอตัวขึ้นไปนอนพักบนห้อง
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...
“คุณกุลคะ หนูเอายามาให้ค่ะ”
เสียงของปณิสราดังอยู่หน้าห้อง กุลวุฒิจึงได้เดินไปเปิดประตู
“ขอบใจ” เขายื่นมือไปรับยาและน้ำที่เธอนำมาให้
“คุณเป็นอะไรมากรึเปล่าคะ”
“ไม่เป็นอะไรมากหรอก แค่ปวดหัวน่ะแล้วก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวนิดหน่อยอาจจะเป็นไข้หวัดมั้ง”
“แล้วเจ็บคอด้วยมั้ยคะ”
“อืม...ก็เหมือนจะระคายคอนิดๆ เหมือนกัน”
“งั้นหนูไปทำน้ำผึ้งผสมมะนาวอุ่นๆ มาให้จิบดีมั้ย”
“ก็ดี ขอบใจนะ”
“ค่ะ เดี๋ยวหนูจะรีบมานะคะ”
บอกแล้วเธอก็รีบเดินกลับลงไปด้านล่าง เขาจึงได้แง้มประตูไว้แล้วกลับไปนอนบนเตียงหลังจากกินยาเรียบร้อย
ปณิสรากลับขึ้นมาบนห้องของเขาอีกครั้งหลังจากผ่านไปราวสิบห้านาที เมื่อเห็นว่าประตูห้องไม่ได้ปิดสนิท เธอก็เข้าใจได้ว่าเขาคงขี้เกียจลุกมาเปิดประตูบ่อยๆ เธอจึงเอื้อมมือไปเคาะประตูเพื่อให้เขารู้ว่าเธอมาถึงแล้ว ก่อนจะผลักเข้าไปอย่างช้าๆ
บนเตียงใหญ่ คนตัวโตนอนหลับตานิ่งในท่านอนตะแคงหันมาทางประตู หญิงสาวจึงได้เดินเข้าไปหาแล้วเรียกเขาเบาๆ
“คุณกุลคะ ดื่มน้ำผึ้งผสมมะนาวหน่อยนะคะ”
เสียงหวานเรียกให้เขาปรือตาขึ้นมามอง
“มาแล้วเหรอ”
“ค่ะ ดื่มหน่อยนะคะจะได้ชุ่มคอ แล้วค่อยนอนต่อนะคะ”
“อืม” เขาหยัดตัวลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงก่อนจะยื่นมือไปรับเครื่องดื่มแล้วยกขึ้นจิบทีละนิด
“อร่อยมั้ยคะ”
“ก็อร่อยดี”
“แล้วปวดหัวมากมั้ยคะ”
“อืม ปวดมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วล่ะ เฮ้อ...ฉันเบื่อเวลาที่ตัวเองป่วยชะมัด จำได้ว่าป่วยครั้งล่าสุดตอนอายุยี่สิบห้ามั้ง ป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลเลยล่ะ เป็นไข้เลือดออกน่ะ เพราะตอนนั้นพาพวกนักมวยไปเข้าค่ายละลายพฤติกรรมในป่า ยุงลายเพียบเลย” เขาบอกยิ้มๆ
“แล้วทำไมวันนี้ป่วยได้ล่ะคะ ตอนที่อยู่ค่ายมวยก็ดูคุณปกติดีนี่นา”
“ไม่รู้สิ สงสัยเมื่อคืนไม่ได้นอนด้วยมั้ง ช่วงนี้งานยุ่งเลยพักผ่อนน้อยน่ะ ร่างกายเลยประท้วงเอา”
“มิน่าล่ะ ช่วงนี้คุณกุลถึงไม่ค่อยกลับบ้านเลย”
“ทำไม? คิดถึงฉันเหรอ” เขาถามยิ้มๆ แค่พูดเล่นไปเท่านั้น แต่ไม่คิดว่าจะได้ยินคำตอบที่ทำเอาใจฟู
“เอ่อ...ก็...ค่ะ” ตอบเขาไปโดยที่ไม่กล้ามองสบตาเลยต้องก้มหน้างุดแล้วมองมือตัวเองแทน
มือใหญ่เอื้อมมือไปแตะที่ศีรษะเล็กอย่างเอ็นดู ก่อนจะโคลงเล่นเบาๆ
“พูดกับฉันก็มองตาฉันสิ ฉันจะได้รู้ว่าเธอพูดเล่นหรือพูดจริง”
เธอค่อยๆ เงยหน้ามองสบตาเขา และเมื่อเห็นเขามองเธอนิ่ง ร่างกายนั้นก็คล้ายดังต้องมนต์สะกด ต้องยอมรับเลยว่าแม้ใบหน้าเขาจะดูซีดเซียวแต่ก็ยังคงความมีเสน่ห์และหล่อเหลาได้อย่างเหลือเชื่อ
แต่เหนือรูปลักษณ์ภายนอกเหล่านี้ก็คือความใจดีของเขาที่ทำให้หัวใจดวงน้อยหวั่นไหวได้อย่างง่ายดาย