สายของวัน พิชชารู้สึกตัวตื่น เธอขมวดคิ้วนิดๆ งึมงำออกมาเสียงเบา ก่อนจะนวดคลึงไปที่ขมับ
แต่ทันทีที่ขยับ
“อื้อ!!~~โอ้ย!!~~”
เสียงครางหลุดลอดออกจากลำคอด้วยความเจ็บปวดกลางกาย
ร่างเปลือยเปล่าใต้ผ้าห่ม อ่อนแรงราวกับหมดแรงจะขยับ สติเริ่มค่อยๆรวมตัวขึ้นจากความว่างเปล่า ภาพเลือนรางของค่ำคืนกลับคืนมาเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เสียงคราง ความร้อนระอุ มือที่ลูบไล้ ริมฝีปากที่ไล้ต่ำลงไปตามเรือนร่าง
เธอเบิกตากว้าง
“นี่มันอะไรกัน”
ก่อนจะได้คิดอะไรต่อ เสียงเรียบนิ่งจากอีกฝั่งของเตียงก็ดังขึ้น
“ตื่นแล้วเหรอ”
เธอหันขวับอย่างแรง ร่างสะบัดผ้าห่มจนแทบหลุดจากตัว ใบหน้าสวยซีดเผือด ริมฝีปากอ้าค้างเมื่อเห็นชายหนุ่มที่นั่งพิงหัวเตียงอย่างสบายๆ มือถือไอแพดอยู่บนตัก ขายาวไขว่ห้าง สายตาเรียบเฉยแต่แฝงรอยขำเจือบนใบหน้า
เธอแทบไม่อยากเชื่อสายตา
“กรี๊ดดดดดดด!!!~~ไอ้บ้า!!! ไอ้โรคจิต!! ไอ้เลว ไอ้ทุเรศ ไอ้—!!!”
เธอระเบิดเสียงกรีดร้องแล้วด่ารัวเป็นชุด ขยำผ้าห่มแน่นกัดฟันกรอด ตัวสั่นไปทั้งตัว เมื่อเห็นว่าเป็นโจฮันที่อยู่ร่วมเตียงกับเธอ
“ผู้ชายเมื่อคืนไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นไอ้คนฉวยโอกาสแบบนายงันเหรอ !!”
โจฮันเลิกคิ้วสูง ก่อนจะวางไอแพดลงบนโต๊ะข้างเตียง ลุกขึ้นเหยียดแขนเบาๆ ราวกับเพิ่งตื่นก่อนเธอเพียงไม่นาน
“ฉวยโอกาสอะไร จะดูกล้องรึเปล่า คุณต่างหากที่ร้องขอ รึจะไปถามลูกน้องผมก็ได้นะ”
เขาพูดเสียงเรียบ ริมฝีปากขยับช้าๆเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร
เธอเบิกตากว้าง หน้าแดงเถือกไปด้วยความอับอายและโกรธ
“โกหก! ฉันเมา! ฉันจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง! หรือต่อให้ฉันเมา ฉันก็ไม่มีทางทำอะไรทุเรศๆกับนายหรอก”
“หึ!!แน่ใจเหรอ”
เขาขยับเข้ามาใกล้ ยืนมองเธอด้วยแววตากวนประสาทเต็มที
“ต้องแน่ใจอยู่แล้วสิ ต่อให้เหลือนายคนเดียวในโลก ฉันก็ไม่เอาฮึ่ย!!”
เธอหายใจฟึดฟัดอย่างควบคุมไม่ได้
“ขนาดนั้นเชียว เมื่อคืนไม่เห็นพูดแบบนี้เลย”
“นายพูดบ้าอะไร หุบปากเดี๋ยวนี้นะ”
เธอสวนกลับอย่างโมโห ดวงตากลมโตสั่นระริก
รีบกระชับผ้าห่มที่ตัว เดินไปเก็บเสื้อผ้าที่พื้นอย่างเร่งรีบ แล้ววิ่งหายไปในห้องน้ำทั้นที
ปึ้ง!!~~
ซ่า!!!!
“ไอ้บ้า! ไอ้เลว! ไอ้คนฉวยโอกาส!”
เสียงหวานแต่เดือดปุดๆ ดังลอดประตูห้องน้ำออกมา พร้อมเสียงน้ำฝักบัวที่เพิ่งหยุดไหลได้ไม่นาน
เธอออกมาในเสื้อผ้าชุดเดิมเมื่อคืน เดรสสายเดี่ยวที่ยับยู่ยี่ไปหมด ผมเปียกนิดหน่อยเพราะไม่ใช้แม้แต่หมวกคลุมผม แก้มแดงเพราะทั้งโกรธทั้งอับอาย ปลายเท้าก้าวฉับๆตรงไปที่ประตูโดยไม่แม้แต่จะมองคนที่นั่งไขว่ห้างอยู่ที่โซฟาตัวยาว
ดวงตากลมโตกวาดมองหาของตัวเองอย่างร้อนรน กระเป๋าอยู่ตรงพื้นใกล้โซฟาที่โจฮันนั่งอยู่
เธอก้าวเข้าไปเร็วเท่าที่ส้นสูงจะพาไปได้ ก้มตัวจะคว้ากระเป๋าแต่
พรึ่บ!
มือหนาคว้าไปก่อนที่มือเธอจะถึงด้วยซ้ำ แล้วยื่นหนีไปอีกฝั่งที่เธอเอื้อมไม่ถึง
“รอแป๊บเดียว เดี๋ยวผมไปส่ง” เขาพูดเรียบๆ แบบไม่ยี่หระ
“ใครจะให้คุณไปส่ง! เอากระเป๋าฉันคืนมานะ!”
เธอพยายามคว้ากระเป๋าคืน แต่มือเขาก็ยื้อไว้ ขึ้นสูงจนเธอเขย่งเท้าไปด้วยความโมโหปนร้อนใจ
“ผมบอกแล้วไงว่าจะไปส่ง พูดไม่รู้เรื่องรึไง”
“บอกแล้วไงว่าไม่!!ถ้าจะให้นั่งรถไปกับคุณอะนะ ฉันนั่งไปกับไอ้ด่างหน้าเซเว่นยังดีกว่าอีก เอามา!!”
เธอพยายามยื้อแย้งพร้อมเสียงหายใจฮึกฮัด
“โห!!เปรียบผมเป็นหมาเลยเหรอคุณ มันจะไม่แรงไปหน่อยเหรอ”
“แรงไปงั้นเหรอ น้อยไปสิไม่ว่า ”
พิ้งพยายามจะกระชากกระเป๋าคืนด้วยแรงทั้งหมด จนเกิดการยื้อแย่งกันวุ่นวายอยู่กลางห้อง
ก่อนที่มือจะเธอควานไปเจอรีโมททีวีบนโต๊ะ
“ได้!!ไม่ให้ใช่ไหม!!”
โป๊ก!!!
“โอ้ย!!!”
เสียงของแข็งกระแทกหัวเขาอย่างแรง พร้อมโจฮันที่ร้องขึ้นทันที รีโมทถูกฟาดเข้าที่ข้างหัวเขาเต็มแรงจนหัวเขาเอียงไปตามแรงฟาด! เสียงดัง โป๊ก!!ตามด้วยเลือดสีแดงสดที่ไหลซึมจากขมับ
โจฮันชะงักไปชั่วอึดใจ
“คุณทำบ้าอะไรเนี่ย”
เธอยืนนิ่งตกใจนิดหน่อย แต่ในความตกใจนั้นก็ยังมีความสะใจปนอยู่
“ช่วยไม่ได้บอกให้คืนไม่คืน อย่ามายุ่งกับฉันอีก!” เธอตวาดเสียงแหลม ก่อนคว้ากระเป๋าออกจากมือเขาอย่างรวดเร็ว แล้วหมุนตัวเดินพรวดออกจากห้อง
ประตูห้องปิดแรงจนเสียงดัง
ปัง!
โจฮันนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม มือหนึ่งยกขึ้นกดกับขมับที่มีเลือดไหลซึม รอยแดงเริ่มลามออกเป็นวง มือหนาเช็ดเลือดที่ไหลอาบข้างแก้มออกอย่างหงุดหงิด
“ผู้หญิงอะไรอารมณ์ร้ายสุดๆ ใครอยู่ข้างนอกเข้ามาหาฉันหน่อย!!”
เขาตะโกนจากด้านใน
ไม่นานเสียงประตูห้องก็เปิดออกอย่างรีบร้อน
“ครับนาย”
คาลอสกับลูกน้องอีกสองคนวิ่งกรูเข้ามา สีหน้าตกใจเมื่อเห็นเลือดที่ข้างหัวเจ้านาย
“เกิดอะไรขึ้นครับนาย!”
คาลอสถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
“เอาอุปกรณ์ห้ามเลือดมาเร็ว!” ฟาร์เลนรีบเปิดกระเป๋าปฐมพยาบาลจ้าละหวั่น
คาลอสรีบย่อตัวลงใกล้เจ้านาย พยายามซับเลือดออกด้วยสำลี แต่ก็อดเอ่ยปากเบาๆไม่ได้
“นายไปทำอิท่าไหนครับถึงเจ็บตัวได้ แล้วโดนอะไรครับเนี่ย”
เขาไม่ตอบแต่สายตามองรีโมทที่หล่นอยู่พื้น
คาลอสมองตามสายตาผู้เป็นนายไป ก็เข้าใจทันที
“หึ”
เสียงหัวเราะในลำคอยังไม่ทันจบก็ต้องเงียบกริบ เพราะสายตาคมกริบของเจ้านายตวัดขึ้นมองอย่างเย็นชา
“อยากตกงานไหม ”
คาลอสหุบยิ้มแทบไม่ทัน รวมถึงฟาร์เลนและลูกน้องอีกคนก็ด้วย
“ขอโทษครับ ผมแค่คิดไม่ถึงว่านายโจฮัน ผู้หลบคมกระสุนศัตรตรูมาได้จนนับครั้งไม่ถ้วน จะมาโดนคุณพิ้งใช้รีโมทตีหัว ”
คาลอสก้มหน้าลงกลั้นขำ
“ถ้ายังไม่หยุดพล่าม นายจะได้กินลูกปืนแทน
ไปตามหมอมา”
“ครับๆ ”
ลูกน้องกุลีกุจอวิ่งออกจากห้องไปทันที ตามหมอมาทำแผลให้เจ้านาย