EP.5

2091 Words
"บลูมึงโอเคไหม?" พอลืมตาตื่นเสียงแรกเลยที่ได้ยินคือเสียงของเต๋อที่กำลังลุกยืนถามอาการฉันนั้นทำให้ฉันเห็นเพดานสีขาวพร้อมกับสายน้ำเกลือที่กำลังห้อยอยู่ "โรงบาลหรอ?" "คิดว่าสวนสนุกรึไง?" ฉันหันตามอีกเสียงที่ดังแทรกมาทางด้านซ้ายมือของตัวเองและคนที่ยืนกอดอกมองอยู่คือกุนซือ...เขายังอยู่? "มึงเลือกกำเดาไหลจนสลบ" "ระหรอ" ฉันหันมองเต๋อขณะที่มันก็มองฉันด้วยความเป็นห่วง "หมอบอกมึงพักผ่อนน้อยและดีที่กุนซือช่วยมึงไว้" ไม่รู้หรอกนะว่ากุนซือกับเต๋อไปรู้จักกันตอนไหนแต่กุนซือเขาช่วยฉันไว้...อีกแล้ว ฉันกลืนน้ำลายลงคอพร้อมหันมองกุนซือที่ยังนิ่งอยู่ "ขอบคุณนะที่ช่วยอีกแล้ว" "อืม จริงๆมีอะไรจะถามมากกว่านี้อีกแต่พอเห็นสภาพเธอตอนนี้แล้วสงสาร" กุนซือว่าด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบพร้อมกับจ้องมองมาที่ฉันนานนับนาที ดวงตาดำขลับมองไล้ไปทั่วนั้นทำให้ฉันต้องกำมือแน่นเพราะเกร็ง "กุนซือมองอะไร?" "มองก็ไม่ได้?" ฉันกลืนน้ำลายอีกครั้งเมื่อสบเข้ากับแววตาที่ฉายแววหงุดหงิด "กลัวอะไรนักหนา" "มะไม่ๆ ขอโทษเราไม่ได้คิดแบบนั้น" "ช่างเถอะ ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว" ฉันพยักหน้าและมองกุนซืออีกครั้ง "ขอบคุณอีกครั้งนะ จากใจเลย" "อย่าวิ่งไปตัดหน้าใครเขาอีกขอแค่นี้" กุนซือบอกพร้อมกับมองฉันด้วยสายตาที่อ่อนลง "ส่วนเรื่องที่จะถามรอเธอดีขึ้นกว่านี้ก่อนล่ะกัน เดี๋ยวจะโทรหาอีกที" "เอ่อ.." "แล้วก็ห้ามหนีอีก" กุนซือที่กำลังจะเดินออกไปหันกลับมาเตือนฉันเสียงเข้ม "ยิ่งหนียิ่งเจอเธอควรจะเรียนรู้เรื่องนี้ด้วย" ฟึ้บ พูดจบเขาก็เดินออกไปจากเตียงภายในห้องรวมที่ฉันกำลังนอนอยู่ทันที ฉันเม้มปากกำมือแน่นเพราะหัวใจดันเต้นแรงเพราะคำพูดของเขา "ดุจัด" เต๋อว่าเสียงเบาพร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้พลางมองฉันอย่างห่วงๆ "แล้วมึงไปทำไงให้เป็นลมเป็นแล้งขนาดนั้น?" "ก็นอนน้อยแหละ ว่าแต่มึงมาไงรู้ได้ไงว่ากูอยู่นี่?" ฉันเบี่ยงประเด็นแทนที่จะตอบคำถามของเต๋อซึ่งนั้นทำให้เต๋าเล่าว่ากุนซือเป็นคนโทรตามเอง กุนซือสแกนเข้าไอโฟนฉันและโทรหาเต๋อเพราะเต็อคือคนที่ฉันโทรหาล่าสุด..ก็ดีอยู่เพราะอย่างน้อยฉันก็ไม่เหงาและไม่ต้องสนใจวิญญานที่กำลังเดินไปมาไรจุดหมายแบบนี้ เพราะที่นี่เป็นโรงบาลวิญญานจึงเยอะกว่าทุกที่และทันทีที่กุนซือไปวิญญานก็ออกมาเดินกันเต็มไปหมด..วิญญานหรอ? แล้วทำไมตอนกุนซืออยู่ทำไมฉันถึงไม่เห็นเลยล่ะ? 19.33 pm. "มึงแน่ใจใช่ไหมว่าอยู่ได้?" ฉันหันมองเต๋อที่กำลังยืนมองอยู่ตรงหน้าทางบันไดขึ้นหอ และมันคงเป็นห่วงฉันมากแหละเพราะดูจากสภาพฉันตอนนี้คงเหมือนช่วยไรตัวเองไม่ได้แล้ว มันเหนื่อยมันล้าไปหมด "อยู่ได้แหละ ขึ้นไปกูกะจะนอนเลย" "เอาจริงมีไรโทรหากูได้ตลอดนะ" ฉันพยักหน้าและหันหลังแต่เต๋อกลับคว้างมือฉันไว้อีกครั้ง "กูจริงจังนะถ้าคิดว่าไม่ไหวจริงรีบโทรหากูเลย" "ได้ ถ้ากูไม่ไหวจริงกูโทรหามึงแน่เต๋อ" ฉันสบตากับเต๋อนิ่งขณะที่เต๋อก็จ้องมองด้วยความเป็นห่วง ซึ่งฉันรู้ว่ามันเป็นห่วงจริง..ฉันแตะมือลงที่หลังมือมันเบาๆ "ขอบใจมากที่ไปเฝ้า" "งั้นกูกลับล่ะ" ฉันพยักหน้าและยืนมองเต๋อจนเขาขับรถออกไปสุดสายตาไม่ได้ใส่ใจวิญญานที่กำลังมองมาที่ฉันเลยเพราะมันเหนื่อยเกินไป และถึงพวกเขาจะมองกันขนาดไหนพวกเขาก็เข้ามาข้างในนี้ไม่ได้หรอก ...เพราะที่นี่มีศาลพระภูมิไงล่ะ มันแน่อยู่แล้วที่พวกผีจะไม่กล้าเข้ามาเพราะที่ไหนที่มีศาลก็แปลว่าที่นั้นมีเจ้าที่ และวันนี้ฉันก็เหนื่อยเกินกว่าจะไปต่อล้อกับวิญญานที่ไหนอีกแล้ว "ไม่สิ" ระหว่างที่จะเดินเข้าห้องฉันก็ต้องชะงักอีกครั้งเพราะดันคิดถึงวิญญานอีกตนที่ไม่ได้เข้าหาเหมือนกับพวกอื่นๆที่เข้าหาอย่างปกติ คิดได้ฉันก็รีบกดโทรหายายทันทีซึ่งไม่นานเธอก็รับ (ฮัลโหลบลู ยายคิดว่าเราจะโทรหายายพรุ่งนี้ซะอีก) "คือจริงๆบลูก็ควรจะโทรหายายพรุ่งนี้แหละแต่พอดีว่าหนูมีเรื่องจะถามยาย" (ว่าไงลูก) "ปกติเรื่องเล่าต่างๆที่ยายฟังมาเกี่ยวกับพวกวิญญานปกติพวกเขาจะเข้ามาขอส่วนบุญไม่ก็ขอให้ช่วยใช่ไหมคะ" (ใช่ ส่วนมากเลยล่ะ) ฉันเม้มปากแน่นพร้อมกับคิดถึงสิ่งที่ตามตัวเองมาตลอดหลายวันมานี้ ทั้งเงามืดทั้งความฝันบ้าๆนั้น (ทำไมถึงถามเรื่องนี้ล่ะ ปกติเราไม่ค่อยสนใจไม่ใช่หรอ?) "แล้วมันแปลกไหมยายถ้าเกิดจู่ๆมีวิญญานตามเรามาแต่ไม่ได้ขอส่วนบุญหรืออะไรเลยนอกจากทำให้กลัว?" (มันไม่แปลกลูกแต่มันน่ากลัวเพราะถ้าเขามาตามแบบนี้จุดหมายของเขาคือจะเอาเราไปอยู่ด้วย) ริมฝีปากของฉันเม้มเข้าหากันด้วยความหนักใจในทันทีที่ยายบอกมาแบบนี้ เอาไปอยู่ด้วยหรอ? (บลูพูดให้ยายฟังๆด้นะเผื่อฉันจะพอช่วยอะไรได้บ้าง) "จริงๆบลูฝันถึงค่ะ ฝันมาหลายวันติดแล้วแล้วพอตื่นมันทั้งเหนื่อยและล้า" (ทำไมถึงมาทำกับบลูแบบนี้กัน) "นั้นสิ บลูก็อยากรู้" (เดี๋ยวยายหาบทสวดให้) "เขาไม่กลัวค่ะยาย บลูลองแล้วสวดมันทุกคาถาก่อนจะนอนแต่สุดท้ายก็ฝันอีก" (งั้นบลูกลับบ้านก่อนไหมลูก) "อีกสองวันก็วันศุกร์แล้วค่ะยายเดี๋ยวบลูกลับวันนั้นเลย" (แล้วหนูจะไหลหรอลูก) "คงไหวค่ะแล้วบลูกก็มีเรื่องคาใจที่ต้องสะสางก่อนด้วย" (ได้ๆ งั้นยายจะเตรียมของไว้ให้แล้วกันนะ) "ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ" ฉันคุยกับยายต่ออีกหน่อยก่อนจะวางสายฉันจึงอาบน้ำและเตรียมตัวจะนอนแต่ดันลืมว่ามีสิ่งที่จะต้องทำอยู่ ตอนนี้สามทุ่มครึ่งได้แล้วฉันหยิบโทรศัพท์มาเปิดเน็ตพร้อมกับแชทที่เด้งและหนึ่งในนั้นคือกุนซือ เขาอยากเคลียร์กับฉันและฉันก็มีสิ่งที่อยากจะรู้เช่นกันเราจึงนัดคุยกันในวันพรุ่งนี้ตอนเที่ยง.. กุนซือ : อย่าลืมนัดล่ะ กุนซือเตือนอีกครั้งและฉันก็ตอบตกลงกลับก่อนจะหันมามองเตียงนอนของตัวเองอีกครั้ง..คืนนี้ฉันคงจะนอนไม่ได้และคงจะไม่นอนเพราะไม่งั้นฉันได้ฝันอีกแน่ 12.10 PM. "โทษทีรถติด" ฉันเงยหน้าจากหนังสือเครื่องรางที่กำลังอ่านก่อนจะปิดมันลงเมื่อเจอสายตาแปลกๆของกุนซือที่มองลงมา เขาขมวดคิ้วและมองฉันที่กำลังเก็บหนังสือเข้ากระเป๋า "มานานแล้วหรอ?" "สักพักแล้ว" "แล้วทำไมไม่บอก" "พอดีมีเรียนน่ะ เลิกก่อนเวลา" กุนซือพยักหน้าและมองแก้วลาเต้ของฉันก่อนเขาจะเดินไปสั่งบ้าง "ไม่บอกว่าจะกินด้วยจะได้สั่งไว้ให้" "เห็นแล้วมันอยากกินน่ะ" เขาว่าพร้อมนั่งลงตรงข้ามพร้อมใช้สายตาดำขลับไล้มองฉันอย่างสังเกต "โอเคขึ้นยัง?" "อืม โอเคขึ้นอยู่" "แต่หน้ามึงเหมือนคนยังไม่ได้นอน" กุนซือชะงักพร้อมโบกมือไปมาช้าๆ "โทษทีที่หยาบคาย" "เฮ้ยไม่เป็นไรเลยจะพูดยังไงก็พูดเถอะ" "เออ โอเค" เขานี่เข้าใจอะไรง่ายดีนะ ฉันยิ้มออกมาบางๆและสบตากับกุนซือก่อนจะหลบสายตาอีกครั้ง..เมื่อคืนนี้ดีหน่อยที่ฉันไม่ได้หลับไม่งั้นฉันได้กระดากอายอีกแน่ "คือ/เรื่องเมื่อวาน" เราทั้งสองชะงักอีกครั้งเพราะเราดันพูดขึ้นมาพร้อมกัน กุนซือขมวดคิ้วและพยักหน้าให้ฉันพูดก่อน "กุนซือก่อนเถอะ" "นั้นแหละ ที่กูจะถามก็เรื่องเมื่อวาน" "เราฝันร้ายน่ะ" "แล้วฝันร้ายมันเกี่ยวกับกูหรอทำไมมึงถึงวิ่งหนีกูแบบนั้น?" กุนซือถามอย่างตรงไปตรงมาพร้อมกับพนักงานที่เดินเอาลาเต้มาเสริฟฉันจึงยิ้มให้พนักงานและรอให้เธอเดินออกไปก่อนจะสบตากับกุนซืออีกครั้ง "ถ้าเราพูดให้ฟังกุนซือจะเชื่อไหม" "ก็พูดมาก่อน เชื่อไม่เชื่อก็อีกเรื่อง" พูดแบบนี้เป็นคนที่ไม่เชื่ออะไรเลยแน่ๆ ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆและสบตากับกุนซืออีกครั้งพร้อมรวบรวมความกล้า "เราหนีกุนซือสองครั้งแล้วใช่ไหม" "ใช่ หงุดหงิดแล้วเนี้ย" "เหตุผลที่เราเอาแต่หนีเพราะเราเห็นผี" กึ่ก.. กุนซือวางแก้วลงที่จานรองเสียงดังพร้อมกับดวงตาคมที่เหลือบมองฉันอย่างไม่เชื่อสายตา "จะว่าเรามีเซ้นก็ได้แต่มันมีวิญญานอีกตนที่ตามเราอยู่" ฉันกลืนน้ำลายและมองกุนซือ "แล้วเขาหน้าเหมือนกุน เหมือนมากจนเรากลัว" กุนซือนิ่งไปนานหลายนาทีซึ่งนั้นมันทำให้ฉันใจชื้นขึ้นมานิดเพราะคิดว่าเขาคงจะเชื่อ อย่างน้อยเขาน่าจะอยากฟังต่อบ้างน่ะนะ "มึงพี้ยามาหรอ?" "ห๊ะ?" "รึเป็นประสาท?" "มะไม่ใช่ เราพูดความจริงจะให้เราพิสูจน์ยังไงก็ได้!" "ประสาทหรอ?" ฉันลุกตามกุนซือทันทีเพราะเขาที่ขยับลุกและถอยออกห่างจากฉัน "เอาจริงๆมึงจะบอกว่าไม่ชอบขี้หน้าหรืออะไรกูก็ได้นะที่หนีไปไม่ต้องสร้างเรื่องก็ได้ไหมว่าเห็นผี" "มันไม่ใช่แบบนั้นไงกุน เราเห็นผีจริงๆ" "โอเคเห็นก็เรื่องของมึงเถอะว่ะ" ร่างสูงยกมือโบกไปมาพร้อมส่ายหัว "แต่ขอเลยอย่ามายุ่งกับกูอีก" "แต่.." "ถึงจะมีผีที่หน้าเหมือนกูตามแต่มันก็ไม่ใช่ว่ากูจะเป็นผีไหมล่ะ รึอยากให้กูเป็น?" "ไม่ใช่นะเราไม่ได้หมายความแบบนั้น" "ครับ กูเข้าใจไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว" กุนพยักหน้าและถอนหายใจ "ถือว่ากูไม่เคยได้ยินเรื่องนี้แล้วกันนะ" "แต่กุน เราจำเป็นจริงๆที่จะต้องสืบเรื่องนี้เขาไม่สิ..วิญญานที่ตามเราเหมือนกับกุนมาก" "ถ้ายังไม่หยุดพล่ามกูจะคิดว่ามึงบ้าจริงล่ะนะ" "..." ฉันกัดปากตัวเองแน่นจนมันเจ็บขณะที่กุนก็หรี่ตาลงและหันไปหยิบกระเป๋ามาสะพายแทน "ถ้ากุนไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร ยังไงก็ขอบคุณที่ช่วยนะ" "..ขอโทษที่หยาบคายใส่แต่เรื่องที่เธอพูดมันเกินจะรับจริงๆ" กุนซือมองฉันเหมือนรู้สึกผิดจริงก่อนเขาจะเดินออกจากร้านไปก่อนทิ้งให้ฉันยืนอยู่ภายในร้านที่เดิมคนเดียว ฉันค่อยๆนั่งลงพร้อมกับเหล่าวิญญานที่พุดร่างคล้ายกับกลุ่มหมอกออกมาออกันเต็มรอบโต๊ะของฉัน ..พวกวิญญานออกมาทันทีที่กุนซือเดินออกไปซึ่งมันทำให้ฉันแน่ใจแล้วว่าเวลาที่ฉันอยู่กับกุนซือหรืออยู่ใกล้เขาฉันจะไม่เห็นวิญญานจริงๆ '..ยังไงมันก็ไม่ช่วยอยู่ดี' วิญญานรอบตัวฉันหายวับไปกับตาพร้อมกับเสียงเย็นคุ้นหูที่พุ่งเข้ามาแทนที่ ฉันเงยหน้าขึ้นด้วยความเกร็งเพราะเสียงเมื่อกี้ที่กระซิบข้างหู 'มันไม่เชื่อหรอก' เสียงหัวเราะทุ้มๆดังวนภายในหัวฉันและนั้นทำเอาฉันน้ำตาไหล...ถึงตอนนี้จะไม่ได้กลัวเท่าครั้งก่อนๆแต่มันเหนื่อย ฉันเหนื่อยเกินจะรับมือกับวิญญานตนนี้แล้วนะ "ต้องการอะไรจากฉัน?" ฉันถามเสียงเบาหวิวพร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักที่ดังก้องหู 'เธอไงบลู'
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD