ตอนที่ 1
เสียงนาฬิกาปลุกยังคงส่งเสียงเจื้อยแจ้วไม่หยุด หยอกล้อกับความเงียบงันที่ยังคงอบอวลอยู่ในห้องนอน พลอยทำให้หญิงสาวร่างบอบบางใต้ผ้าห่มผืนหนาขยับตัวด้วยความขัดใจอีกครั้ง ก่อนที่มือเรียวบางจะควานไปกดปุ่มปิดของนาฬิกาปลุกอย่างทุลักทุเล
ภายในห้องนอนขนาดกะทัดรัดที่แต่งแต้มด้วยโทนสีพาสเทลหวานละมุนละไม ของกระจุกกระจิกน่ารักและตุ๊กตาตัวโปรดวางเรียงรายอยู่ทุกมุมห้อง บ่งบอกถึงรสนิยมอันอ่อนโยนและสดใสของเจ้าของห้องได้เป็นอย่างดี
“แย่แล้ว...สายจนได้!!!” เสียงพึมพำอย่างหงุดหงิดหลุดลอดออกมาจากใต้ผ้าห่มผืนหนา โรสจรินทร์ หญิงสาวในชุดนอนลายการ์ตูนน่ารักรีบเด้งตัวราวกับมีสปริง ทันทีที่สติสัมปชัญญะกลับคืนมา หญิงสาวก็ผุดลุกขึ้นจากเตียงด้วยความเร่งรีบ ร่างเล็กๆ วิ่งไปยังห้องน้ำอย่างกระฉับกระเฉง ก่อนจะปรี่แปรงฟันล้างหน้าเพื่อเริ่มต้นวันใหม่ที่แสนวุ่นวาย
เมื่อแต่งตัวด้วยชุดทำงานที่ดูเรียบร้อย เธอก็ไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าสะพายคู่ใจและเสื้อคลุมตัวโปรด พร้อมกับเดินหอบแฟ้มผลงานออกจากห้องพักไปด้วยความเร่งรีบ
ในเช้าที่การจราจรคับคั่งติดขัด โรสจรินทร์ลงจากรถแท็กซี่ที่หน้าบริษัทพีอาร์พลัส บริษัทเอเยนซีโฆษณาชื่อดังที่เธอรับทำโปรเจกต์โฆษณาให้ หญิงสาวรีบก้าวเท้าเข้าไปในอาคารอย่างรวดเร็ว
ตุ้บ!
ร่างบอบบางของหญิงสาวที่กำลังเร่งรีบชนเข้าอย่างจังกับร่างสูงที่หน้าลิฟต์ แฟ้มเอกสารในมือของเธอหลุดกระเด็นลงไปกองที่พื้น พร้อมกับเสียงร้องด้วยความตกใจ
“อุ๊ย!!!...ขอโทษค่ะ” หญิงสาวอุทาน ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างเมื่อเงยหน้าขึ้นมอง แล้วดวงใจก็พลันเต้นระรัวอย่างควบคุมไม่ได้ ภาพชายหนุ่มที่เคยอยู่ในความทรงจำกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
เต!!!
เขาคือ เตชิน อัศวเมธี อดีตคนรักของเธอ ใบหน้าคมสันฉายแววแปลกใจที่เห็นเธอมาอยู่ที่นี่ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเธอยืนนิ่งราวกับโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ
โรสจรินทร์ รู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่าลงกลางใจ ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที ก่อนที่ชายหนุ่มตรงหน้าจะรีบก้มเก็บแฟ้มที่กระจายอยู่บริเวณพื้น ก่อนจะแอบเห็นรายละเอียดในแฟ้มดังกล่าวแบบไม่ได้ตั้งใจ ความตื่นตระหนกแล่นพล่านไปทั่วร่าง สิ่งเดียวที่เธอภาวนาคือขอให้เขาจำเธอไม่ได้ แต่แล้วมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด
“ไม่ได้เจอกันนาน...สบายดีเหรอ!!!” เตชินเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ก่อนจะยื่นแฟ้มที่เก็บเรียบร้อยส่งคืนให้ ดวงตาคู่คมยังคงจับจ้องมองหญิงสาวที่ยืนตะลึงอยู่ตรงหน้า เหมือนกำลังพิจารณาอะไรบางอย่าง ก่อนที่เธอจะได้สติและรีบรับแฟ้มจากในมือของเขาด้วยท่าทางลนลาน ปลายนิ้วของเขาสัมผัสกับปลายนิ้วของเธออย่างแผ่วเบา ยิ่งทำให้เธอใจเต้นแรงเข้าไปอีกเป็นกอง
“สบายดี” เธอตอบเสียงเบาหวิว พยายามบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่น
เตชินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขามองแฟ้มในมือของเธอสลับกับใบหน้าสวยหวาน รอยยิ้มบางๆ ที่มุมปากของเขาปรากฏขึ้นอีกครั้ง รอยยิ้มที่ในอดีตทำให้หัวใจของเธอหลงใหลมาแล้ว
“ทำงานอยู่ที่นี่เหรอ” เตชินหันมาถามหลังจากทั้งสองก้าวเข้ามาในลิฟต์พร้อมๆ กัน ดวงตาคู่คมจ้องมองเธอไม่วางตา
“........” หญิงสาวเอาหูทวนลม และไม่ตอบคำถามของเขา
“ชั้นไหน!!!”
“ชั้น 14 ค่ะ” หญิงสาวตอบตะกุกตะกัก
“ชั้นเดียวกันเลยนี่!!!..” เตชินเอ่ยขึ้น ก่อนจะยืนสำรวจเรือนร่างของเธอ อย่างถือวิสาสะ
“ท่าท่างคุณรีบ ๆ นะ มีอะไรหรือเปล่า” เตชินพยายามชวนคุยปกติ ทุกอย่างดูเหมือนจะคุ้นเคย แต่บรรยากาศภายในลิฟต์แคบๆ กลายเป็นความประหม่าของหญิงสาวที่เจออดีตคนรักโดยไม่ทันตั้งตัว และวันนี้เธอก็เร่งรีบจนไม่มีเวลาแต่งหน้า โรสจรินทร์รู้สึกได้ถึงสายตาของเตชินที่จับจ้องมาที่เธอเป็นระยะๆ ทำให้หญิงสาวรู้สึกประหม่าจนทำตัวไม่ถูก
เช้านี้ช่างเป็นเช้าที่วุ่นวาย...และน่าตื่นเต้นที่สุดในชีวิตของเธอเลยจริงๆ เสียงของลิฟต์ดังขึ้นเพื่อเรียกสติของเธอ
“ไปก่อนนะ” เธอเอ่ยสั้น ๆ เมื่อลิฟต์เปิดออกที่ชั้น 14 ร่างบางที่หอบแฟ้มในมือมั่นพร้อมกระเป๋าสะพายกำลังเตรียมจะเดินจากไป แต่เสียงของเตชินก็รั้งเธอเอาไว้
“เดี๋ยวก่อนสิ!!!...” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“คะ” โรสจรินทร์หันกลับมาอย่างเสียไม่ได้ พลางมองมือหนาที่รั้งแขนเธอเอาไว้
“คุณไม่คิดจะทิ้งเบอร์โทรเอาไว้ให้ผมบ้างเหรอ”
“ฉันต้องรีบไปทำงานค่ะ” โรสจรินทร์พยายามสะบัดแขนที่ถูกเขาจับไว้ แต่เตชินกลับจับแน่นขึ้น ราวกับว่าเธอเป็นสมบัติของเขา
“คุณมาทำงานอยู่ที่นี่เหรอ” เสียงของเขาแฝงความหมายบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกหนาวเยือกไปถึงกระดูก
“ปล่อยค่ะ ฉันจะรีบไปทำงาน” โรสจรินทร์พยายามดึงแขนออกอีกครั้ง ใบหน้าเริ่มขึ้นสีด้วยความหงุดหงิด
“ผมถามดีๆ” เตชินเอ่ยเสียงเรียบ แต่แววตาคมกริบจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของเธอ ราวกับจะค้นหาคำตอบในอดีตที่ยังค้างคาใจ
“ใช่ค่ะ” เธอตอบเสียงเบา พยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้แสดงออกมากไปกว่านี้
“ทำไมแค่พูดกับผม คำสองคำ กลัวดอกพิกุลจะร่วงหรือยังไง” เขาปล่อยแขนเธอออกช้าๆ แต่สายตายังคงจับจ้องไม่วาง เตชินยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย
“ฉันตอบคำถามคุณไปแล้ว ฉันกรุณาปล่อยฉันด้วยค่ะ คุณเตชิน”
“นึกว่าคุณจะจำชื่อผมไม่ได้เสียอีก”
“บังเอิญว่าผมมาติดต่อเรื่องแคมเปญโฆษณาของบริษัท และมันก็อยู่ชั้นเดียวกับคุณพอดี” เขาพูดเหมือนกับรู้ว่าจะต้องเจอกันอีก
“ผลงานในแฟ้มของคุณน่าสนใจไม่น้อยเลยนะ แต่ถ้าอยากให้ราบรื่นละก็ คุณควรจะคุยกับผมดี ๆ ไม่ใช่หยิ่งสโยแบบนี้” เตชินพูดเน้นชื่อเธอชัดถ้อยชัดคำ ดวงตาคู่คมทอประกายบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกใจหาย เขาจำเธอได้แล้วจริงๆ และที่สำคัญ...เขายังรู้ผลงานในแฟ้มของเธออีกด้วย
ความทรงจำเก่าๆ พรั่งพรูเข้ามาในหัว โรสจรินทร์เคยหนีจากเตชินไปเมื่อห้าปีก่อน หลังจากเข้าใจผิดว่าเขาแอบมีความสัมพันธ์กับเพื่อนสนิทของเธอ และเมื่อความจริงปรากฏว่าเขาไม่ได้เป็นอย่างที่เธอเข้าใจ แต่เธอกลับไม่ให้โอกาสเขาได้อธิบาย ซึ่งนั่นเป็นเพราะเธอไม่กล้ากลับไปสู้หน้าเขาได้อีก ครอบครัวของเธอล้มละลายกะทันหัน จนต้องขายทรัพย์สินทุกอย่างเพื่อชดใช้หนี้
ปัจจุบันพ่อกับแม่เธอเสียชีวิตไปแล้ว เหลือแค่เธอที่ต้องต่อสู้เพียงลำพัง ชีวิตผู้หญิงที่เหลือแต่ตัว คงไม่กล้าไปเสนอหน้ากลับไปคบหากับเขาได้อีก เธอรู้สึกอย่างนั้น แต่สำหรับเตชิน เขากลับคิดว่าเธอไม่มีเหตุผลและตั้งแต่หนีไปเขาก็ได้ยินข่าวว่าเธอมีคนอื่น
ซึ่งตอนที่ครอบครัวของโรสจรินทร์ล้มละลายนั้นเธอยอมรับว่ามีเสี่ยคนหนึ่งยื่นมือเข้ามาช่วย และเสนอให้เธอนอนกับเขาเพื่อแลกกับการชดใช้หนี้สินให้ แต่สุดท้ายหลังจากพ่อกับแม่เสีย เธอก็ตัดสินใจไม่รับข้อเสนอ แล้วเตชินก็ตามหาเธอจนพบ เขาเข้าใจผิดคิดว่าเธอคบหากับเสี่ยคนนั้น ซึ่งตอนนั้นโรสจรินทร์ไม่มีทางเลือกเธอต้องยอมให้เตชินเข้าใจเธอผิด เพื่อให้เขาตัดใจจากเธอง่ายขึ้น
ก่อนที่ครอบครัวของโรสจรินทร์จะล้มละลายกลายเป็นหนี้สิน พ่อกับแม่ของเธอเคยไปกู้เงินนอกระบบมาลงทุนและบริหารผิดพลาดจนกลายเป็นหนี้เป็นสินก้อนโต เธอต้องทำงานหนักและทำเกือบทุกอย่าง แถมยังรับงานฟรีแลนซ์เพื่อช่วยปลดหนี้ให้ครอบครัว เรียกว่าอะไรที่ทำแล้วได้เงินเธอไม่เคยเกี่ยงยกเว้นการขายตัว
สามปีให้หลังโรสจรินทร์ก็ปลดล็อกตัวเองจากหนี้สินได้เกือบหมด และงานนี้ก็คือความหวังเดียวของเธอที่จะกลับมาลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง เธอไม่รู้มาก่อนเลยว่า เตชินเปิดบริษัทเครื่องสำอางและทำรายได้เป็นกอบเป็นกำจากการส่งออกและขายออนไลน์ทั่วประเทศ