หลังจากที่นั่งชงเหล้าให้กับลูกค้ามาได้สักพัก ฉันก็ถูกตามตัวให้มาช่วยงานในห้องครัว จนตอนนี้ฉันทำงานทุกอย่างจนเสร็จหมดแล้ว
“กลับกันเลยไหม?”
ทันทีที่เดินมาหายัยคริสตัลที่ยังคงนั่งดื่มรอฉันตรงเคาน์เตอร์บาร์ ฉันก็เอ่ยถามมันออกไป ก่อนที่มันจะถามฉันกลับเช่นกัน
“ทำงานเสร็จแล้วเหรอ?”
“อ่า พี่แกบอกให้ทำถึงแค่ตีหนึ่ง” ซึ่งตอนนี้มันก็เลยตีหนึ่งมาเกือบสิบนาทีแล้วด้วย
“เดี๋ยวขอโทรหาเฮียแป๊บ ฉันขับรถกลับไม่ไหวแล้ว” ว่าจบมันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออกหาพี่ชายมันตามที่บอก และ….
“เฮียขาาาา ไปส่งกลับบ้านที”
“เมาอ่า ขับไม่ไหวค่ะ นะนะ ไปส่งหนูหน่อย”
“งั้นเดี๋ยวหนูกับยัยจัสไปรอเฮียที่รถนะคะ รีบๆ ลงมานะ” พูดจบมันก็กดตัดสายพี่ชายของมันทิ้งไป ก่อนจะหันมาพูดกับฉัน
“เราไปรอเฮียไคที่รถกันเถอะ พยุงหน่อยสิ โลกหมุนอ่า” ดีนะที่ยัยคริสตัลมันตัวเล็กกว่าฉันน่ะ ไม่งั้นฉันรับน้ำหนักมันไม่ไหวแน่ๆ
@ในรถ
“ทำงานวันแรกเป็นไงบ้าง ไหวไหม?”
ทันทีที่ขึ้นมานั่งในรถ เฮียไคก็เปิดบทสนทนากับฉันก่อนเลย
“ก็ไหวนะคะ คืนนี้ลูกค้าให้ทิปมาเยอะด้วยค่ะ” รวมๆ ก็เกือบหมื่นแล้วนะ ถ้าได้แบบนี้ทุกคืนก็คงจะดี
ฉันฉีกยิ้มกว้างตอบคนที่นั่งฝั่งคนขับรถไป เพราะยัยคริสตัลมันทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาเต็มเบาะหลังจนไม่มีที่ว่างให้ฉันนั่ง ฉันจึงต้องพาตัวเองมานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถอยู่เบาะหน้าเนี่ยแหละ ไม่คุ้นเอาซะเลย
“ถ้ามีปัญหาอะไร บอกเฮียได้เลยนะ”
“ขอบคุณมากๆ นะคะ ที่รับจัสเข้าทำงาน” เพราะถ้าเฮียไคไม่รับ ฉันก็ไม่รู้ว่าจะไปทำงานที่ไหนดี แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าจะหาเงินจากที่ไหนมาใช้หนี้แทนแม่
นี่ดีหน่อยที่แม่ไปคุยกับเจ้าของบ่อนแล้วเขายอมยืดระยะเวลาให้หนึ่งเดือน แต่สำหรับฉันเวลาแค่หนึ่งเดือนมันคงจะไม่พอ
“ดูยัยคริส จะห่วงเรามาก ปกติชวนมาไม่เคยมาเลยสักครั้ง”
จู่ๆ คนข้างๆ ก็เอ่ยขึ้น ซึ่งฉันเองก็พอจะเข้าใจว่าเฮียไคต้องการจะสื่ออะไร
“ไม่ใช่แค่ยัยคริสที่ห่วงหนูนะคะ หนูเองก็ห่วงยัยคริสไม่แพ้กัน” เพราะเราสองคนโตมาด้วยกัน นั่นจึงทำให้ฉันกับยัยคริสรักและผูกพันกันเหมือนพี่น้องเลย
มีเรื่องอะไรเราคุยกันตลอด แทบจะไม่เคยมีความลับต่อกันเลยด้วยซ้ำ
“แล้วคืนนี้จะนอนที่ไหน? บ้านเราหรือว่าบ้านเฮีย” ฉันหันไปมองคนด้านข้างในทันทีที่เขาถามคำถามเมื่อกี้ออกมา ทำไมประโยคที่เฮียไคถามถึงได้ดูสองแง่สองง่ามขนาดนี้นะ “หมายถึงจะไปนอนกับยัยคริสมั้ย?”
เฮียไคเห็นฉันไม่ตอบ เขาก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ดีหน่อย เพราะมันเป็นคำถามที่ควรจะถามตั้งแต่ครั้งแรกแล้วมั้ย
ไม่ใช่มาถามว่าจะนอนบ้านฉันหรือว่านอนบ้านเขาแบบนี้ ถ้าใครมาได้ยินเข้า เขาต้องคิดไปไกลแน่ๆ
ขนาดฉันยังคิดเลย!!
“คืนนี้จัสไปค้างกับยัยคริสค่ะ พอดีคุยกันไว้แล้ว” คุยกันตอนที่ยืนรอเฮียไคตรงลานจอดรถเมื่อกี้นี้แหละ
ใช้เวลาไม่นานเฮียไคก็พาพวกเรากลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัย ก่อนที่เขาจะอุ้มยัยคริสที่เมาหลับไปแล้วขึ้นมาส่งในห้องนอน
“บอกเพื่อนเราว่าให้ลดชาบู ปิ้งย่างบ้างนะ อุ้มจะไม่ไหวอยู่แล้ว”
“ยัยคริสหนักขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
“เหมือนอุ้มหมูยังไงยังงั้น”
ฉันแทบจะกลั้นขำเอาไว้ไม่ไหว เพราะสิ่งที่เฮียไคพูดคือเกินจริงไปมาก ยัยคริสตัวเล็กกว่าฉันอีกนะ นี่ถ้าเฮียไคได้ลองมาอุ้มฉัน รับรองเลยว่าฉันได้กลายเป็นช้างหรือไม่ก็ฮิปโปที่อยู่ในสวนสัตว์แน่ๆ
แต่มันคงไม่มีวันนั้น เพราะถึงยังไงเฮียไคคงไม่มาอุ้มฉันหรอกถ้าหากว่าฉันเมาเหมือนยัยคริสตัลในตอนนี้
ทันทีที่มาถึงห้อง เฮียไคก็วางยัยคริสไว้บนเตียงนอนอย่างทะนุถนอม ก่อนที่เขาจะหันมาพูดกับฉัน
“คืนนี้เฮียฝากเราดูยัยคริสด้วยนะ มีอะไรก็เรียกเฮียได้เลยที่ห้องฝั่งตรงข้าม”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวจัสดูยัยคริสให้เอง”
ดูที่แปลว่าดูจริงๆ เพราะหลังจากที่เฮียไคออกจากห้องไป ยัยคริสก็แผลงฤทธิ์ทันที
“อยากอ้วก!”
ในขณะที่ฉันกำลังจะเข้าไปอาบน้ำ จู่ๆ ยัยคริสที่นอนอยู่บนเตียงก็พยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้นมา แล้วทำท่าจะอ้วกอย่างที่พูดจริงๆ ฉันจึงรีบวิ่งไปหามันก่อนจะช่วยพยุงให้มันลุกขึ้นนั่งเอาหลังพิงหัวเตียง
“แกอย่าเพิ่งอ้วกนะ เดี๋ยวฉันไปเอาถังขยะมาให้”
“ไม่ จะออกแล้ว อุบ”
ตึกตึกตึก!!
ทันทีที่มันพูดจบ มันก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่ยัยคริสตัลจะนั่งลงกับพื้นแล้วโก่งคออ้วกลงในชักโครก ซึ่งมีฉันยืนลูบหลังให้มันอยู่
“ไหวไหมเนี่ย?”
“อื้อ!” คนที่พยักหน้าบอกว่าไหว ตอนนี้แทบจะทิ้งตัวนอนลงไปบนพื้นในห้องน้ำอยู่แล้ว
“ยัยคริส ลุกไปนอนบนเตียงดีๆ”
คือจะให้ฉันอุ้มมันไปที่เตียงเหมือนที่เฮียไคอุ้มมันขึ้นมา บอกเลยว่าไม่ไหวแน่ๆ
“ลุก ไม่ ไหวอะ”
ทีแบบนี้ล่ะไม่ไหว เมื่อกี้ยังวิ่งมาเองได้เลย
“ต้องลุกให้ไหว มาเดี๋ยวฉันช่วยพยุงแกเอง”
ฉันใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก ที่จะช่วยพยุงยัยคริสตัลให้ลุกขึ้นจากพื้น แต่ยัยเพื่อนบ้ากลับเอาแต่ทิ้งตัวจะนอนท่าเดียวเลย
ทำไงดีวะ?
แล้วจู่ๆ ประโยคที่เฮียไคพูดเมื่อกี้ก็ดังขึ้นมาในสมองของฉันทันที
จากที่ว่าจะช่วยพยุงยัยคริสให้กลับไปนอนที่เตียงดีๆ แต่ตอนนี้ฉันทิ้งมันให้นอนแผ่หลาอยู่บนพื้นในห้องน้ำ แล้วเดินออกมาเคาะประตูเรียกเฮียไคที่อยู่ห้องฝั่งตรงข้ามกับมัน
ก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!
“เฮียไคคะ นอนยังคะ?”
รอไม่นานบานประตูก็ถูกเปิดออกด้วยฝีมือของคนที่อยู่ด้านใน
“มีอะไรเหรอ?”
O.O
ฉันแทบอยากจะกรี๊ดออกมา ให้กับภาพตรงหน้า เพราะตอนนี้เฮียไคมีแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่พันรอบเอวเอาไว้ ส่วนท่อนบนนั้นเปลือยเปล่า เผยให้เห็นกล้ามเป็นมัดๆ ชัดไปทุกสัดส่วน
แถมไม่พอยังมีรอยสักตรงหัวไหล่ที่ยาวลงมาจนถึงข้อมือด้านขวาแล้วก็ข้างลำตัวอีก ปกติฉันจะเห็นตั้งแต่แขนลงไปที่ข้อมือเพราะเฮียไคมักจะใส่เสื้อเชิ้ตพับแขนขึ้นมานิดเดียวไง ไม่คิดว่าเฮียเขาจะสักเยอะแยะมากมายขนาดนี้
โอ๊ย!! ใจจะวาย เพิ่งเห็นผู้ชายแก้ผ้าครั้งแรก
“จัส สรุปมีอะไร?”
เสียงของคนตรงหน้าทำให้ฉันหลุดจากภวังค์ แล้วตั้งสติขึ้นมาได้
“เฮียช่วยไปอุ้มยัยคริสในห้องน้ำทีได้มั้ยคะ คือว่า…”
ฉันพูดยังไม่ทันจะจบ เฮียไคก็เดินจ้ำอ้าวไปที่ห้องนอนที่ฉันเพิ่งจะเดินออกมา ซึ่งพอฉันเห็นแบบนั้นก็รีบเดินตามหลังเขาไปทันที แล้วตอนนี้เฮียไคก็อุ้มยัยคริสที่นอนหมดสภาพอยู่บนพื้นห้องน้ำมาไว้บนเตียงนอนอีกครั้ง
ทว่าในขณะที่เฮียไคกำลังจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไป ยัยเพื่อนบ้ามันกลับคว้าผ้าเช็ดตัวที่พันอยู่รอบเอวของเฮียไคเอาไว้ และ……
พรึ่บ!!
“เฮ้ย ยัยคริส!!”
OoO