บทที่ 1 ชีวิตอันแสนบัดซบ
ทุกคนบอกว่าฉันเลว…
แต่มีใครเคยฟังฉันบ้างไหม?
พ่อทอดทิ้ง เมียน้อยยิ้มหวาน ลูกติดกลายเป็นนางเอก
ส่วนฉัน…ตายอนาถกลางถนน
พอได้โอกาสกลับมา ฉันจะไม่ขอความรักอีกต่อไป
…แต่จะเป็น “นางร้ายที่รอด” และ “รักตัวเองเป็น” ต่างหาก!
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก!
เสียงหัวใจยังเต้นแรงไม่หยุด
ฮึก!
ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกจนแทบตกเตียง มือข้างหนึ่งกำผ้าห่มผืนบางแน่น ใจยังสั่นสะท้านจากฝันร้ายที่เหมือนจริงเหลือเกิน… ฝันที่เธอเห็นตัวเองถูกรถชน ต่อหน้าผู้คนมากมายที่เอาแต่ชี้นิ้วด่าว่าเธอว่า นางร้ายผู้ไร้ค่า
กลิ่นฝุ่นและน้ำยาถูพื้นที่ทำจากสมุนไพรกรุ่นจาง ๆ ลอยแตะปลายจมูก ซูจิ้งหนานขมวดคิ้ว ลืมตาขึ้นช้า ๆ ก่อนที่แสงแดดสีอ่อนจะแยงเข้าตาเธอ พร้อมกับสติที่เริ่มจะเข้าที่เข้าทาง
สิ่งแรกที่เธอเห็นคือ…เพดานไม้สีเข้ม ผนังสีขาวที่มีรอยแตกเป็นเส้นบาง ๆ ราวกับอายุของมันมากกว่าตัวเธอ เมื่อมองไปยังหน้าต่างของไม้ที่มีกระจกสีขุ่นเป็นลายดอกโบตั๋นพลันส่งให้เรียวคิ้วของซูจิ้งหนานขมวดแน่นขึ้นอีก
เธอค่อย ๆ ขยับตัวขึ้นนั่ง หันมองรอบห้องให้ชัดเจนอีกครั้งแต่กลับพบว่า
ตัวเองอยู่ในห้องนอนขนาดกลาง ที่ตกแต่งด้วยสไตล์ยุค 80 อย่างชัดเจน
โดยเฉพาะเครื่องเรือนที่วางอยู่ในห้อง แตกต่างจากคอนโดในโลกที่ซูจิ้งหนานจากมาอย่างสิ้นเชิง
ตู้เสื้อผ้าสีเขียวพาสเทลตั้งเด่นข้างผนัง มีโปสเตอร์เก่า ๆ ของโฆษณาสิ่งพิมพ์แปะเอาไว้ สีสันมันก็ไม่ได้สดใสมากนัก แต่ก็ไม่ได้ซีดจางจนไม่เห็นสีอะไร และใบหน้าหนุ่มหล่อที่สาว ๆ ในเมืองเซี่ยงไฮหลายคนหมายปองปรากฏอยู่บนแผ่นนั้น พร้อมกับอักษรบอกว่าเขาคือใคร
‘ซ่งเยี่ยนซิน’ คุณชายรองตระกูลซ่ง ผู้สืบทอดคนต่อไปของบริษัทสิ่งพิมพ์ สถานีวิทยุ และโรงเรียนเอกชนและมหาวิทยาลัยชื่อดัง
เธอมองข้อความนั้นพลางคิดอะไรต่อมิอะไรก่อนจะแบนสายตาไปยังเครื่องเรือนอื่น ๆ
กระจกแต่งตัวฝังไว้ที่ขอบไม้ ทรงเหลี่ยมสลักเสลาอย่างงดงามประณีต หน้ากระจกมีแป้งและเครื่องสำอางที่ดีไซน์ล้าสมัยมาก ๆ และหวีด้ามไม้สีน้ำตาลวางเรียงอยู่
บนผนังมีพัดลมติดผนังใบใหญ่หมุนเบา ๆ พร้อมเสียง “จี๊ด จี๊ด” แผ่ว ๆ กับโคมไฟสีส้มนวลดูแล้วเหมาะกับการตกแต่งสไตล์นี้อย่างลงตัว
เธอก้มลงมองตัวเอง เสื้อนอนลายดอกคอกลม ผ้าฝ้ายที่ดูไม่เก่าแต่ว่าแบบและลวดลายไม่ทันสมัยและแข็งเล็กน้อย เสื้อแบบที่เธอไม่เคยใส่มาก่อนเลยในชีวิต จนกระทั่งความทรงจำของร่างนี้ไหลเวียนเข้าไปในหัวของเธอทีละนิดทีละนิดอย่างช้า ๆ แบบค่อยเป็นค่อยไป จนกระทั่ง ดวงตากลมโตประดุจดั่งลูกกวางน้อยเพิ่งเกิดของเธอเบิกกว้าง
ริมฝีปากสั่นพั่บ ๆ
“นะ...นี่...นี่มัน…ห้องนอนของนางร้ายในนิยาย…?”
เสียงหัวใจเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง ราวกับจะยืนยันความจริงว่าเธอไม่ได้ฝัน และซูจิ้งหนานไม่อยากจะเชื่อตัวเองว่ามันจะมีเรื่องประหลาดมหัศจรรย์แบบนี้เกิดขึ้น จนกระทั่งเธอลองหยิกเนื้อตัวเอง
“อ๊า...ซี๊ด...เจ็บเป็นบ้า” นั่นไม่ผิดแน่...ความเจ็บปวดนี้ยืนยันว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง
เธอไม่ได้ฝันไป!
เพราะบนโต๊ะไม้ข้างเตียงนั้น…มี “สมุดบันทึกคูปองอาหาร” วางอยู่
ของที่หายไปจากโลกมานานหลายสิบปี…
ซูจิ้งหนานกลืนน้ำลาย ฝืนลุกขึ้น แล้วค่อย ๆ เดินไปยืนหน้ากระจก ภาพสะท้อนตรงหน้า…ไม่ใช่ร่างกายของเธอที่เคยผอมสูงสไตล์ผู้หญิงยุคใหม่
แต่เป็นหญิงสาวในวัยสิบเจ็ดสิบแปดปี…ใบหน้าสวยคม ดวงตาเรียวสั่นไหว ขนตาแพหนายามกะพริบตาเหมือนผีเสื้อกำลังโบกปีกสะบัด
นั่นมัน…นางร้ายในนิยายที่เธอเคยอ่านจบไปเมื่อเดือนก่อน!
หน้าตาของเธอที่เป็นตัวตนที่สะท้อนอยู่ในกระจก เหมือนในภาพวาดในปกด้านในที่มีภาพนางร้าย และเหล่าผู้ที่มีอิทธิพลในยุคนี้
และนี่คือ...ซูจิ้งหนาน นางร้ายในนิยายที่ตายอย่างอนาถกลางถนน ที่ไม่มีใครเหลียวแลเธอด้วยซ้ำ
แต่ความทรงจำห้วงสุดท้ายก่อนตาย เหมือนจะไม่เป็นอย่างที่นักเขียนกล่าวไว้สักนิด มันเหมือนมีความเจ็บปวดของตัวละครของนางร้ายผู้นี้ติดอยู่ในใจเธอ
เพราะเสียงของนางร้ายก่อนตายมันดังก้องในหัวตอนที่เธอได้อ่านมัน จนเธออดสงสารไม่ได้ แม้ว่าซูจิ้งหนานจะร้ายกาจก็จริง แต่ทว่าชีวิตของเธอก็น่าสงสารเช่นกัน
ทุกคนบอกว่าฉันเลว…
แต่มีใครเคยฟังฉันบ้างไหม?
พ่อทอดทิ้ง เมียน้อยยิ้มหวานขนาบข้าง ลูกติดกลายเป็นนางเอก
ส่วนฉัน…ตายอนาถกลางถนน
นั่นคือถ้อยคำก่อนตาย ของนางร้ายในนิยายเรื่องนี้ และชีวิตของเธอกลับตายแล้วมาเกิดใหม่เป็นนางร้ายในนิยาย
เธอจำได้ว่าชาติที่แล้วเธอก็ต้องตายเพราะความไว้ใจผู้ชายเช่นกัน เธอไว้ใจแฟนของเธอที่อยู่ด้วยกันสักพัก แต่ทว่าเขากลับอาศัยช่วงที่เธอทำงานพาผู้หญิงอื่นมากินกันถึงห้อง ‘หยามน้ำหน้าฉันไม่พอ’ เพราะนั่นคือคอนโดและเตียงนอนที่เธอและเขาพลอดรักกันหวานซึ้งทุกค่ำคืน
ผู้ชายคนนั้นไม่รู้จักพอจนทะเลาะกันหนักมากและเมื่อเธอไล่เขาให้ออกไปจากห้องของเธอ แต่ทว่าดันมีอุบัติเหตุให้เธอต้องพลัดตกลงมาจากบันไดและคอหักตาย
นั่นคือช่วงที่เธอตาย และดันหวนคิดถึงชีวิตนางร้ายในนิยายที่อ่านจบไปพลันคิดว่าชีวิตเราทั้งคู่แสนบัดซบพอ ๆ กันจนกระทั่งเธอได้เกิดมาใช้ชีวิตแทนซูจิ้งหนานในนิยาย
แต่ทว่านี่มันวันที่เท่าไหร่นะ?
ซูจิ้งหนานที่รู้ชะตาชีวิตตอนจบของตัวเอง มองหาปฏิทินที่จะบอกว่าตัวเองจะมีเวลาแก้ไขอีกกี่วัน แต่เมื่อสายตามองไปเห็นแล้วว่า เธอมีเวลาเพียงสามวันในการเปลี่ยนเรื่องราวตอนจบของนางร้าย พลันทำให้ใจเธอร่วงถึงตาตุ่ม
“นี่ฉันจะหายใจได้อีกสามวันแล้วก็ต้องตายงั้นเหรอ...บ้าที่สุด!”
“ไม่ได้...ชาติที่แล้วฉันตายเพราะผู้ชาย ชาตินี้ฉันเกิดใหม่แล้วไม่ขอตายเพราะผู้ชายแล้วล่ะ” เธอพึมพำพลางคิดหาทางรอดชีวิต แต่ดูเหมือนว่าทางรอดของเธอช่างริบหรี่เหลือเกิน เมื่อได้ยินเสียงของพ่อที่โหวกเหวกอยู่ด้านล่าง
“จิ้งหนาน...จะชักช้าถ่วงเวลาไปถึงเมื่อไหร่ ทำไมลูกชอบสร้างปัญหานัก กับแค่ไปซื้อเสื้อผ้าที่ห้างกับหลิงหลิง พี่สาวของลูกแท้ ๆ”
คำว่าพี่สาวมันทำให้ความคั่งแค้นของเจ้าของร่างที่เก็บไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ พุ่งปรี๊ดจี๊ดขึ้นสมอง เกือบจะพลั้งปากอย่างเคยชินไปเสียแล้ว
หากเป็นจิ้งหนานคนเก่าจะพูดว่า
‘พ่อคะ...เรียกนังลูกนอกคอกนั่นว่าหลิงหลิง แต่เรียกลูกสาวที่เกิดกับภรรยาอย่างถูกต้องอย่างหนูว่า จิ้งหนานไม่จิกหัวกันเกินไปหน่อยเหรอคะ’
และแน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาจากการอาละวาดครั้งนั้น จิ้งหนานโดนตบจนสลบ และต้องโบกเครื่องสำอางหนาเตอะไปงานเลี้ยงของเหล่าตระกูลที่ควบคุมเมืองเซี่ยงไฮก่อนจะพาตัวเองไปตาย ด้วยการวางแผนโง่ ๆ
และแน่นอนว่าครั้งนี้ที่เธอตื่นสาย ไม่ใช่เพราะเธอจงใจถ่วงเวลา แต่เป็นเพราะว่าแม่เลี้ยงของเธอที่บอกว่าคุณพ่อนัดบ่ายโมงต่างหาก นี่เพิ่งสิบโมงเห็นชัด ๆ ว่าใครกันแน่ที่ร้ายกาจ
แค่คิดเธอก็แสยะยิ้มแล้ว...ใครว่าเธอร้าย เหล่านางเอกต่างหากที่หาเรื่องเธอก่อน
ไม่ได้...เธอจะเป็นนางร้ายที่มีสมอง!