หนทางที่เลือกเดินมีอยู่ไม่กี่ทางสำหรับคนจรตรอกอย่างหญิงสาวที่นั่งตัวลีบ พยายามทำตัวให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้รูปร่างของหญิงสาวจะไม่ได้บอบบางสักเท่าไหร่ก็ตาม ออกจะเจ้าเนื้อน่ารักเสียด้วยซ้ำ
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยแก้มดั่งซาลาเปาที่ชวนเอานิ้วจิ้มเล่น หันมองคนนั้นทีคนนี้ที โดยตัวเองไม่มีสิทธิ์ปริปากพูดอะไรออกมาสักคำ ทั้งที่ในใจมีเป็นหมื่นล้านคำ อยากเอ่ยออกไปให้ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ได้ยิน แต่สิ่งที่ทำได้คือการนั่งเงียบ เพราะสั่งให้รูดซิปปากให้แน่น อย่าพูดอะไรออกมาจนกว่าจะมีคนถาม
"นี่เหรอลูกสาวแม่องุ่นกับพ่อแช่ม"
"ใช่จ้ะ นี่ลูกส้มลูกสาวคนเล็กของฉัน ลูกส้มสวัสดีเสี่ยอำนาจสิลูก" องุ่นรีบตอบรับออกไปพลางยิ้มให้เสี่ยอำนาจ และหันมาบอกลูกส้มเสียงหวาน จนลูกส้มไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้ยินน้ำเสียงหวานหูแบบนี้จากมารดาของตน
“สวัสดีค่ะเสี่ย” เสี่ยอำนาจพยักหน้ารับ จากนั้นก็หันไปหาลูกหนี้ตัวแสบ เอ่ยถามเสียงเข้ม
"แต่คนที่เราตกลงกันไว้คือหนูแตงกวาไม่ใช่เหรอ"
"ใช่ครับเสี่ย แต่แตงกวามันไม่รักดี มันหนีไป ผมก็เลยต้องเอาลูกส้มมาแทน" เป็นแช่มที่ตอบออกมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ
เสี่ยอำนาจหันมองลูกส้มก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา พลางถูกชะตากับใบหน้าจิ้มลิ้มนี้ขึ้นมาอย่างไรไม่รู้ แต่ก็ต้องตัดเรื่องถูกชะตาออกไปก่อน เพราะไม่รู้เจ้าพ่อตัวดีที่เป็นบุตรชายเจ้าอารมณ์ทั้งสองคนจะว่ายังไง หากเห็นว่าคนที่จะมาดูแลไม่ใช่แตงกวาแต่กลับเป็นหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงนี้ ลำพังลูกชายคนเล็กไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้คนโตนี่สิ แผลงฤทธิ์แต่ละทีบ้านแทบแตก
"เออ มาแล้วก็มา ก็เป็นอันว่าหนี้สินที่มีก็หายกันไป" สองสามีภรรยาหันมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพากันยกมือไหว้ขอบอกขอบใจเสี่ยอำนาจที่ยอมยกหนี้สินมูลค่าเกือบล้านให้ตนสองคน
"ขอบใจเสี่ยมากนะที่ยอมยกหนี้ให้"
"ใช่จ้ะ ขอบใจจริงๆ เสี่ยแล้วที่เราตกลงกันไว้ล่ะจะว่ายังไง" องุ่นเอ่ยทวงถามถึงสัญญาที่เสี่ยอำนาจเคยให้ไว้ หากตนสามารถนำลูกสาวมาให้เสี่ยได้ จะได้รับการยกหนี้ที่ติดจากบ่อน บ้านก็ไม่ต้องถูกยึด มิหนำซ้ำยังได้เงินอีกก้อนกลับไปเสียด้วย
เสี่ยอำนาจได้ยินก็ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ให้กับสองสามีภรรยาที่ถูกผีพนันเข้าสิง จนแทบสิ้นเนื้อประดาตัวเกือบไม่มีที่ซุกหัวนอน แต่แทนที่จะเข็ดหลาบ กลับไม่จำเสียอย่างนั้น น่าสงสารอีนังหนูนี่จริงๆ ที่เกิดมาอาภัพนัก
"เรื่องนั้นไม่ลืมหรอกน่า...นี่นังหนู เดี๋ยวตามไอ้แสนไปดูห้องพักไป ไอ้แสนเดี๋ยวเอ็งมาพานังหนูนี่ไปห้องพักที" ร้องเรียกลูกน้องคนสนิทที่ยืนอยู่หน้าห้อง แสนจึงรีบเดินเข้ามารับใช้เจ้านาย
"ครับนาย เชิญครับ"
"หนูไปทำงานก่อนนะแม่พ่อ อยู่บ้านก็ดูแลตัวเองดีๆ กันล่ะ รักษาสุขภาพบ้าง อย่าเอาแต่เข้าบ่อน เข้าใจไหม เดี๋ยวว่างๆ หนูจะขอเสี่ยกลับไปเยี่ยมบ้าน" ไม่วายจะเอ่ยกำชับออกมา กับเรื่องการเข้าบ่อนของบิดามารดา
"เออ รู้แล้วน่า เอ็งอยู่ที่นี่ก็ทำตัวดีๆ ให้เสี่ยเขาเอ็นดูรู้ไหม อย่าดื้อ อย่ากะโปโลให้มันมากนัก ไปๆ ตามลูกน้องเสี่ยไป"
"จ้ะ ลานะแม่ พ่อ" ยกมือไหว้ลาท่านทั้งสอง
"เออ โชคดี" แช่มเอ่ยส่งท้ายพลางลูบศีรษะของบุตรสาวเบาๆ ถึงเวลาที่ต้องจากก็อดใจหายไม่ได้อยู่ดี ตนเป็นพ่ออัปรีย์เอาลูกตัวเองมาขายเพื่อใช้หนี้
เมื่อลูกส้มเดินพ้นไปได้ไม่นาน นางองุ่นที่นั่งรอเวลาก็รีบเอ่ยขึ้นมา
“เสี่ย แล้วอีกเรื่องที่เราตกลงกันล่ะ เสี่ยว่ายังไง คิดได้หรือยัง” เสี่ยอำนาจถอนหายใจพรืด พลางส่ายหน้าเล็กน้อย มองตามหลังลูกส้มไปอย่างใช้ความคิด ก่อนจะพยักหน้ารับในที่สุด
“ห้าล้านบาท สำหรับค่าตัวลูกสาวเอ็งคนนี้ ฉันซื้อนังหนูนั่นขาดตัว เอ็งสองคนไม่มีสิทธิ์มายุ่งวุ่นวายกับนังหนูนี้อีก ไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม เพราะนังหนูนั่นไม่ใช่ลูกเอ็งสองคนอีกต่อไปแล้ว แล้วฉันจะนัดวันไปเซ็นเอกสารอีกที เรื่องที่จะโอนนังหนูนี่มาเข้าทะเบียนบ้านฉัน”
สองคนผัวเมียหันมองหน้ากันอย่างปรึกษาหารือ เงินห้าล้านบาทจะว่ามากก็มาก จะว่าน้อยก็น้อย หากเลี้ยงลูกส้มต่ออาจจะได้ราคาสูงกว่านี้หรือเปล่านะ
“เสี่ย อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ ลูกส้มมันเป็นเด็กดี ยังไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสีย ยิ่งเรื่องผู้ชายยิ่งไม่มี เงินห้าล้านบาทฉันว่ามันก็...ก็น้อยไปอยู่นะ” องุ่นเอ่ยแย้งออกมา
“สิบล้าน ถ้าไม่เอาก็ไม่ต้องเอา ถ้าเอาก็เซ็นเอกสารที่ฉันเตรียมไว้ซะ” หันมาพยักหน้าให้กล้าที่ยืนถือซองเอกสาร นำเอกสารออกจากซองและวางไว้ตรงหน้าสองสามีภรรยา มีหรือที่สองสามีภรรยาที่ถูกผีพนันเข้าสิงจะไม่รีบตะครุบเงินก้อนโตนี้ไว้