ลูกส้มเดินสำรวจห้องนอนที่ไม่ได้ใหญ่มาก แต่สำหรับหญิงสาวคือใหญ่กว่าห้องเธอเป็นไหนๆ มีเตียงนอนขนาด 6 ฟุต มีโซฟาตัวเล็กๆ อยู่ปลายเตียง มีทีวีจอแบนขนาด 32 นิ้วให้ดู และยังมีตู้เสื้อผ้าที่ทำเป็นบิ้วอินเข้าชุดกัน มีระเบียงให้เดินออกไปรับลมเย็นๆ และที่สำคัญมีห้องน้ำส่วนตัวเป็นสัดเป็นส่วนเสียด้วยซ้ำ ช่างเป็นห้องนอนในฝันของเธอเสียจริง
ร่างอวบอิ่มทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนอนที่มีผ้าปูเตียงสีขาวสะอาดตา เตียงยุบลงแลเด้งขึ้น ทำให้หญิงสาวนึกสนุกเลยนอนเด้งขึ้นเด้งลงอยู่บนเตียงอย่างมีความสุข เพราะที่บ้านมีเพียงฟูกที่นอนเล็กๆ ไม่ได้หนานุ่มและกว้างขนาดนี้ ลูกส้มจึงกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงนอนราวกับเด็กได้ของถูกใจ
เมื่ออยู่บนเตียงจนพอใจก็มาเก็บข้าวของเครื่องใช้ ที่เก็บใส่กระเป๋ามาสะพายใบโตมาจากบ้าน รวมทั้งหนังสือเรียนก็รวบมาด้วยเช่นกัน จัดการเก็บของทุกอย่างเข้าตู้เข้าชั้นวางของให้เข้าที่เข้าทาง จนเวลาล่วงเลยมานานเป็นชั่วโมง ประตูห้องนอนจึงถูกเคาะจากทางด้านนอก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ลูกส้มหันไปมองด้วยความแปลกใจและยิ้มออกมาอย่างขบขัน เนื่องจากที่บ้านของเธอไม่ต้องมีมารยาทในการเข้าห้อง ใครอยากจะเข้าอยากจะออกก็เปิดประตูพรวดพราดเข้ามาได้ทั้งนั้น เมื่อมาเจอแบบนี้ก็นึกขำขึ้นมา หญิงสาวจึงรีบเดินไปเปิดประตูห้อง
และก็พบกับหญิงวัยกลางคนที่ดัดผมเป็นลอนประบ่ายืนหน้านิ่งอยู่หน้าห้อง สีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ ออกมา จนลูกส้มเริ่มทำตัวไม่ถูก ได้แต่ยิ้มแห้งกลับไปและรีบยกมือไหว้ตามมารยาทที่พึงมี
“สวัสดีค่ะ” หญิงสาววัยกลางคนหรือจะเรียกว่าน้าพร พยักหน้ารับเล็กน้อยด้วยใบหน้าเรียบเฉยดังเดิม ตามปกติของแก ทว่าคนที่เพิ่งได้เจอกันครั้งแรกอาจจะดูไม่คุ้นเคยกับสีหน้าเรียบเฉยของแกสักหน่อย
“จัดข้าวของเสร็จหรือยัง” ยิ่งน้ำเสียงราบเรียบแทบจะกลายเป็นดุ ราวกับคุณครูระเบียบจัดหรือครูฝ่ายปกครองยิ่งทำให้ลูกส้มนึกกลัวขึ้นมา
“จัดเสร็จแล้วค่ะ”
“งั้นก็ดี ตามฉันมา” ไม่รอให้ลูกส้มได้เอ่ยซักไซ้ว่าตามไปไหน น้าพรแกก็เดินจากไป ลูกส้มจึงไม่อาจรอได้ รีบปิดประตูห้องและเดินตามน้าพรไปยังอีกห้องที่อยู่ติดกับห้องของเธอ
น้าพรเคาะประตูห้องนั้นสองสามครั้ง เมื่อได้ยินเสียงของผู้ชายที่ดังเล็ดลอดออกมา จึงเปิดประตูห้องเข้าไป โดยไม่ลืมจะหันมาพยักหน้าเรียกลูกส้มให้ตามเข้าไปเช่นกัน
สิ่งที่ลูกส้มเห็นเมื่อเข้ามาในห้องนี้ คือห้องนอนสีเทาขาว ภายในห้องแทบไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรเลยนอกจากโซฟาเบดตัวใหญ่ที่วางไว้ชิดกับหน้าต่างที่เป็นกระจก และโทรทัศน์จอแบนที่แขวนติดผนัง ดูแล้วขนาดของมันไม่น่าจะต่ำกว่าสี่สิบนิ้ว
แต่สิ่งที่เตะตาลูกส้มเข้าอย่างจัง คงจะเป็นผู้ชายที่นั่งอยู่บนเตียงนอนที่มีใบหน้าคล้ายกันทั้งสองคน กำลังตวัดสายตาคมกริบราวกับมีดบังตอมองมายังเธอ เพียงแค่เธอเผลอไปสบสายตาคมคู่นั้นเข้าก็รู้สึกประหม่าขึ้นมา
หัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นจากเดิมจนดังตึกๆ ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าผู้ชายสองคนที่นั่งอยู่บนเตียงนอนนั้นหล่อเหลาคมคายเอาการอยู่เหมือนกัน เจอคนหล่อแบบนี้มีหรือที่คนอย่างเธอจะไม่เผลอมองและหวั่นไหว
“กระแอม” จนกระทั่งเสียงกระแอมของน้าพรดังขึ้นนั่นแหละ ลูกส้มจึงละสายตาออกจากใบหน้าของผู้ชายสองคนนั้น
“นี่คุณอัทธ์ กับคุณอาร์มเป็นลูกชายเสี่ยอำนาจ คนที่เธอต้องมาดูแล” ลูกส้มรีบยกมือไหว้อย่างสวยงามสมกับเป็นกุลสตรี
“สวัสดีค่ะ”
“ป๊าอยู่ไหมน้าพร” เสียงห้วนราวกับไม่พอใจที่เห็นลูกส้มของอัทธ์ผู้เป็นพี่ชายของอาร์มดังขึ้น จนคนที่ไม่คุ้นชินกับเสียงนี้ถึงกับสะดุ้ง มองหญิงวัยกลางคนที่เพิ่งรู้ว่าชื่อพร
“เสี่ยอยู่ในห้องนั่งเล่นค่ะคุณอัทธ์”
“ไปตามป๊ามาหาผม และก็พายัยอ้วนแก้มซาลาเปาคนนี้ออกไปจากห้องผมด้วย”
อ้าว!! ลูกส้มได้แต่ร้องคำนี้อยู่ในใจ นี่ด่าว่าเธออ้วนแถมยังว่าแก้มเธอเป็นซาลาเปาอีก ปากร้ายแท้ ผู้ชายอะไร ผิดกับผู้ชายอีกคนที่นั่งยิ้มมองมาที่เธออย่างคนใจดี
"จะรีบให้น้องไปไหนล่ะ ยังไม่ได้ทักทายทำความรู้จักกันเลย พี่ชื่ออาร์มนะ ส่วนนี่พี่อัทธ์ เราชื่ออะไรเหรอ" อาร์มยิ้มให้ลูกส้มอย่างเป็นมิตร ช่วยลดอาการเกร็งเเละไม่พอใจที่ถูกอีกคนกล่าวหาว่าอ้วนลงไปบ้าง
"ชื่อลูกส้มค่ะ"
"ลูกขนุนน่ะสิไม่ว่า อ้วนขนาดนี้" ลูกส้มอ้าปากอยากจะด่าออกไป กับวาจากล่าวร้ายไม่เป็นมิตรของอีกคน เเต่ก็ดูเหมือนน้าพรจะรู้ทัน จับเเขนลูกส้มเอาไว้เสียก่อน
"พี่อัทธ์ก็พูดให้น้องเกินไป ไม่ได้อ้วนหรอกเเค่อวบเท่านั้น น้าพรพาน้องไปเถอะครับแล้วก็ไปตามป๊ามาหาเราสองคนที"
“ได้ค่ะคุณอาร์ม น้าจะรีบไปตามเสี่ยมานะคะ ส่วนเธอตามฉันมา” เป็นอีกครั้งที่ลูกส้มไม่มีโอกาสได้เอ่ยหรือถามอะไร น้าพรก็ฉวยข้อมือเธอให้รีบเดินตามแกออกมาเสียแล้ว