ตอนที่ 3 ภริยาตัวแสบ เหม็นกลิ่นคนแก่

1246 Words
หลังจากเกวลินเลิกเรียนช่วงเย็นของวัน หญิงสาวกลับมาถึงคอนโดฯ ของเตชินท์ด้วยท่าทางอืดอาด เพียงเพราะไม่สามารถต่อต้านคำสั่งของมารดาได้ เนื่องจากของใช้และเสื้อผ้าของเธอถูกขนเอามาไว้ที่คอนโดฯ แห่งนี้จนหมดสิ้น “มีอะไรให้กินบ้าง หิวจังเลย” ร่างบางเปิดประตูเข้ามาภายในห้อง เอ่ยถามเตชินท์ที่กำลังนั่งดูข่าวเศรษฐกิจอยู่หน้าทีวีทันที “ห้ะ” เตชินท์อุทานเสียงหลง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยความมึนงง หน้าที่จัดเตรียมอาหารเย็นไม่ใช่หน้าที่ของเขา แต่ควรจะเป็นเธอเสียมากกว่า “ปกติอยู่บ้าน มีแม่บ้านเตรียมให้ ทำไม? คอนโดฯ คุณถึงไม่มีล่ะ” เพียงแค่ไม่เห็นอาหาร ท้องไส้เริ่มประท้วงด้วยความหิว จนพลันงอแงและตัดพ้อชีวิต “ไม่ชอบ” เนื่องจากเขาหวงพื้นที่ส่วนตัวตัวเอง เตชินท์จึงไม่จ้างแม่บ้านประจำ ซึ่งจะจ้างเป็นรายครั้งเท่านั้น “แล้วคุณทานอาหารเช้า อาหารเย็นยังไง” เกวลินขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย หากไม่มีแม่บ้าน ผู้ชายอย่างเตชินท์จะเอาอะไรทาน ดูจากทรงไม่น่าทำอาหารหรือเข้าครัวเป็นด้วยซ้ำ “จัดการตัวเอง” ชีวิตของเขาทำแต่งาน แทบไม่มีเวลากินตรงเวลาด้วยซ้ำ อีกอย่าง มีเพียงแค่กาแฟก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้แล้ว “จัดการยังไงเล่า” เกวลินแว้ดเสียงแหลมใส่เตชินท์ เพียงแค่ได้รับคำพูดกำกวมจากชายหนุ่ม จนลืมไปเสียสนิทว่าชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าเธออายุมากกว่าและมีศักดิ์เป็นสามี “เช้ากาแฟ เย็นกินจากข้างนอกเข้ามา” ชีวิตตัวคนเดียวอย่างเขาไม่ได้วุ่นวายหรือยุ่งยากอะไรมากนัก จนกระทั่ง ชีวิตของเขาได้รับเมียพระราชทานอย่างเกวลินเข้ามาในชีวิต “วิถีชีวิตแย่มาก” เกวลินทำได้เพียงส่ายศีรษะเบา ๆ เอือมระอากับวิถีชีวิตของเตชินท์ที่ทำให้เธอรู้สึกอนาถใจ “ว่าไงนะ” เตชินท์อุทานเสียงหลง เพียงแค่ได้ยินประโยคคำพูดเสมือนดูถูกหลุดจากปากเกวลิน “ฉัน” เพียงแค่เห็นท่าทางเข้มขรึม เกวลินเริ่มเลิ่กลั่กไม่น้อย พยายามจะหาเหตุผลแก้ตัว จนเผลอใช้สรรพนามไม่น่ารักแทนตัวเอง จนถูกเตชินท์ตำหนิและแก้เป็นสรรพนามเดิมที่หญิงสาวเคยใช้ “หนู” “เออ ๆ หนูอยู่บ้านได้ทานอาหารทุกเช้า ทุกเย็น” “แล้ว” เตชินท์เลิกหางคิ้วหยั่งเชิงถามเกวลิน หวังให้เธอบอกกล่าวความต้องการของตนเองให้เขาได้รับทราบมากกว่านี้ “ก็แล้วจะยังไงเล่า ไหนคุณแม่บอกว่าคุณจะดูแลหนูทุกอย่างไง” “เฮ้อ ภาระ” เตชินท์ถอนหายใจพรืดยาว นัยน์ตาคมยังคงจับจ้องมองใบหน้าสวยที่กำลังยืนทำหน้างอแงใส่ “หนูได้ยิน” เกวลินเบะปากด้วยความหมั่นไส้ แท้จริงเธอไม่ได้อยากเป็นภาระของเตชินท์แม้แต่น้อย แต่ด้วยชีวิตที่พลิกผันจนเธอตั้งตัวไม่ทัน แถมยังไม่สามารถปรับตัวได้ จึงเรียกร้องขอให้ชายหนุ่มช่วยดูแลไปพลาง ๆ “ได้ยินแล้ว?” เตชินท์ยกยิ้มมุมปาก จ้องมองเกวลินด้วยแววตาขบขัน หญิงสาวเมื่อเช้า ที่แผลงฤทธิ์อยู่ที่สำนักงานเขตหายไปไหนเสียแล้ว “คุณไม่กลัวเมียอย่างหนูด่าเอารึไง” เกวลินเชิดหน้าขึ้นเสมือนกำลังท้าทายและวางตนถือไพ่เหนือกว่า “หึ! ฉันไม่ใช่คนกลัวเมีย” ชีวิตเกิดมาไม่เคยต้องกลัวใคร อีกอย่างเกวลินตัวเล็กนิดเดียว ไม่จำเป็นที่เขาต้องกลัวเธอเลยสักนิด “เหอะ คอยดูเถอะ สักวันคุณต้องกลัวเมียอย่างฉัน” เกวลินประกาศเสียงกร้าว จ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของสามีป้ายแดงอย่างท้าทาย “หิวจนละเมอรึไง” เตชินท์ยันตัวลุกขึ้นจากโซฟา กำลังจะเดินกลับเข้าไปในห้องนอน กลับถูกเกวลินรั้งแขนแกร่งเอาไว้เสียก่อน “หิวมาก” เกวลินบอกความต้องการของตัวเองขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาหวิว ก้มหน้ามองพื้นด้วยความเขินอาย แกว่งแขนแกร่งไปมาเบา ๆ “ออกไปกินที่ห้าง คุณแม่บอกให้ไปเลือกแหวน” เตชินท์ดึงแขนเล็กให้เดินตามเข้าไปในห้องนอน หยิบกระเป๋าสตางค์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงสีดำ “แหวนอะไรคะ?” “แหวนแต่งงาน” “ไม่จำเป็นต้องซื้อเลย ซื้อมาหนูก็ไม่ใส่อยู่ดี” ทำไม? จะต้องซื้อแหวนให้สิ้นเปลืองไปทำไม ในเมื่อเธอไม่คิดจะใส่อยู่แล้ว “ฉันจะใส่” เตชินท์ตอบกลับทันท่วงที ณ เวลานี้เขาต้องการสวมแหวนนิ้วนางข้างซ้าย เป็นเครื่องหมายว่าตัวเองมีเจ้าของแล้ว “อยากประกาศให้โลกรู้ว่าตัวเองมีเมีย” เกวลินอดหมั่นไส้ไม่ได้ จึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงและประโยคกระแนะกระแหน “อือ ไม่อยากให้ผู้หญิงเข้ามายุ่ง” เพราะไม่อยากให้ผู้หญิงคนอื่นเข้ามาวุ่นวายให้รำคาญใจ จึงอยากสวมแหวนเอาไว้เป็นสัญลักษณ์ว่าตนเอง แต่งงานมีเจ้าของแล้ว “ไม่ประกาศผ่านสื่อไปเลยล่ะ” “ให้เลขาทำไปแล้ว” “นี่ลุง หนูบอกไปแล้วหนิ เรื่องการแต่งงานของเราห้ามให้ใครรู้” เพียงแค่ได้ยินคำตอบจากเตชินท์ เกวลินเริ่มแว้ดเสียงใส่ชายหนุ่มอีกครั้ง ด้วยสีหน้าท่าทางไม่พอใจฉายชัดออกมา “ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเธอ” ข่าวการจดทะเบียนสมรสถูกปล่อยออกไปจริง แต่ไม่มีใครสามารถรับรู้ได้ว่า ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขาคือใครแน่นอน “พูดจริงเหรอ? งั้นถ้าเกิดคนอื่นรู้ คุณต้องจ่ายค่าปรับให้หนูห้าล้าน” เกวลินขู่ฟ่อเสมือนแมวตัวน้อย “อือ” เตชินท์ตอบกลับแบบขอไปที สีหน้าแสดงอาการรำคาญฉายชัดออกมาอีกครา และทุกอย่างเป็นอันจบลง เมื่อเกวลินเปลี่ยนเรื่องคุย “สรุปจะไปทานอาหารที่ห้างใช่ไหมคะ” “รีบไปเปลี่ยนชุดเถอะ” เตชินท์พยักหน้ารับ พลันเอ่ยปากไล่เกวลินให้ไปเปลี่ยนชุดนักศึกษาเพื่อออกไปข้างนอก “ไปชุดนักศึกษาก็ได้” “ฉันไม่อยากถูกคนอื่นมอง” เพราะไม่อยากถูกคนอื่นใช้สายตาแปลกประหลาดและเป็นจุดสนใจ แถมกระโปรงนักศึกษาของเกวลินสั้นจนแทบเห็นขาอ่อน จึงอยากให้เธอไปเปลี่ยนชุดจะดีกว่า “อ๋อ ไม่อยากให้คนอื่นมองว่าตัวเองเป็นเสี่ยแก่ ๆ ชอบเลี้ยงเด็กนักศึกษาใช่ไหม” “ฉันแก่ตรงไหน?” คำว่าลุง สะเทือนใจไม่หาย นี่ยังมีคำว่าแก่ เพิ่มเข้ามาอีก จนพลันต้องเอ่ยถามเกวลินให้หายสงสัย “อายุค่ะ” “แต่ฉันคิดว่าหน้าตัวเอง ไม่ได้ดูแก่ขนาดนั้น ไม่เชื่อดูใกล้ ๆ สิ” เตชินท์ยื่นหน้าหล่อเหลาเนียนใสเข้าไปใกล้เกวลิน เสมือนต้องการให้เธอสำรวจริ้วรอยที่อยู่บนใบหน้า “อี๋ เอาหน้าของคุณออกไปเลยนะ เหม็นเขียวจะแย่” เกวลินยกมือดันหน้าเตชินท์ให้ออกห่างจากตัว “เหม็นเขียวคือ” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน พลันตั้งคำถามด้วยความสงสัยกับประโยคคำพูดของเธอ “เหม็นกลิ่นคนแก่ไง” เกวลินยกยิ้มมุมปากดั่งนางร้าย ตอบกลับประโยคที่เตชินท์สงสัยด้วยใบหน้าจริงจัง และรีบวิ่งเข้าไปในโซนแต่งตัว โดยปล่อยให้เตชินท์อุทานเรียกชื่อเธอเสียงดัง “เกวลิน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD