ตอนที่ 14 ภริยาตัวแสบ อะไรของเขาวะ?

1410 Words
เช้าที่แสนสดใส เกวลินสวมชุดนักศึกษาเรียบร้อยยืนแต่งหน้าอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง จ้องมองตัวเองผ่านบานกระจกใสสะท้อนภาพตนเอง พลันพึมพำกับตัวเองด้วยรอยยิ้มหวาน “เงินอะไรเต็มกระเป๋าชุดนอนเลยวะ? หรือที่เขาบอกว่าเกิดบนกองเงินกองทอง” “พึมพำอะไรอยู่คนเดียว รีบมากินข้าวเช้าได้แล้ว” เตชินท์เดินออกจากห้องแต่งตัว สวมชุดสูทดูภูมิฐาน เดินผ่านเกวลินและไม่ลืมเร่งรีบหญิงสาวที่กำลังใจเย็นอยู่ “บ่นเป็นพ่อไปได้” เกวลินเก็บเครื่องสำอางเอาไว้ที่เดิม เดินตามหลังเตชินท์ออกไปยังโต๊ะทานอาหารเช้าที่ถูกสั่งโดยฝีมือชายหนุ่มเช่นเคย “ไม่เถียงสักคำจะตายไหม” เตชินท์ทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ จิบกาแฟร้อนที่เตรียมเอาไว้ท่าทางสุขุม พลันหยิบหนังสือพิมพ์ธุรกิจขึ้นมาอ่านฆ่าเวลารอเกวลินทานอาหารเช้า “ตายอยู่นะ คุณจะรอหนูทำไมล่ะ” ร่างบางตอบกลับทุกประโยค เบะปากด้วยความหมั่นไส้กับท่าทางสุขุม “รถเธอยังซ่อมไม่เสร็จ” “จะรอเป็นคนขับรถว่างั้น” “ฉันไม่ใช่คนขับรถของเธอ” เตชินท์พูดแทรกขึ้นเสียงเข้ม ส่งสายตาติเตือนเกวลินเป็นนัย ๆ กลับคำพูดกวนประสาทของหญิงสาว “คุณเมื่อคืน” เมื่อนึกถึงจำนวนเงินที่อยู่ในกระเป๋าชุดนอน เกวลินจึงเอ่ยถามเตชินท์ขึ้น จัดแจงทานอาหารที่อยู่ตรงไปพลาง ๆ “เมื่อคืนทำไม” แก้วกาแฟกระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรง หนังสือพิมพ์ที่เคยอ่านกลับถูกพับลงฉับพลัน “หนูจะถามว่า เงินอะไรเต็มกระเป๋าเสื้อชุดนอนไปหมด คุณรู้ไหม” ในเมื่ออยู่ด้วยกันสองคน เตชินท์คงทราบดีมากกว่าตัวเธอที่เมาจนความจำเลือนหาย “จำไม่ได้” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย เอ่ยปากถามด้วยท่าทางหงุดหงิด “ซอรี่ ลืมบอกไปค่ะ เวลาหนูเมา ตื่นเช้ามามักจำอะไรไม่ได้เลย” “คราวหลังอย่าดื่มนอกบ้านอีก” เตชินท์เอ่ยเตือนน้ำเสียงเข้ม นี่ขนาดทานไวน์ไปเพียงแค่ขวดเดียวเท่านั้น ยังไม่สามารถจำอะไรได้แม้แต่น้อย “หงุดหงิดอะไร” เกวลินเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ มึนงงกับอารมณ์ของเตชินท์ที่มักเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วปานจรวด “รีบกินข้าว” ไม่รู้ว่าหงุดหงิดอะไร? แต่รู้เพียงแค่ว่า ณ เวลานี้เกวลินคือบุคคลที่น่าจับฟาดก้นให้หลาบจำ และบทสนทนาทุกอย่างกลับเงียบสงัดไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเอ่ยปากออกมา @คณะบริหารธุรกิจภาคอินเตอร์ รถยนต์คันหรูขับเคลื่อนเข้ามาจอดหน้าคณะบริหารธุรกิจ เกวลินเก็บมือถือลงในกระเป๋าสะพายข้างและไม่ลืมที่จะเอ่ยปากขอบคุณเตชินท์ด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ขอบคุณที่มาส่งค่ะ” “เย็นนี้จะมารับ” เตชินท์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงและใบหน้าเรียบเฉย ชายหนุ่มพยายามระงับอารมณ์กรุ่นโกรธของตนเองเอาไว้ให้ลึกที่สุด “โอเคค่ะ” ณ เวลานี้คงทำได้เพียงตอบตกลงและเดินลงจากรถยนต์เงียบ ๆ เพียงเพราะหญิงสาวรู้สึกถึงอารมณ์ฉุนเฉียวของชายหนุ่มที่กำลังเดือด ในขณะที่ร่างบางกำลังจะเดินเข้าไปในคณะ เสียงทุ้มต่ำของผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยทักทายเธอขึ้น “เกล” สายฟ้าเพื่อนร่วมคลาสเกวลิน แถมยังเป็นผู้ชายที่ตามจีบเกวลินตั้งแต่ปีหนึ่งจนกระทั่งปัจจุบันนี้ “อ้าว สายฟ้าหายดีแล้วเหรอ” เกวลินยิ้มบางตอบกลับ พลันเอ่ยถามหาอาการป่วยของชายหนุ่มขึ้น “หายแล้ว ถึงได้รีบกลับมาเรียนนี่ไง” สายฟ้าตอบกลับด้วยน้ำเสียงอบอุ่น สายตาทอดมองเกวลินอยู่เนือง ๆ “โทษทีนะ ฉันไม่มีเวลาไปเยี่ยมนายที่โรงพยาบาลเลย” “ไม่เป็นไรหรอกครับ” สายฟ้าตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุภาพ มาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างเผยให้เห็นลักยิ้มบนแก้มทั้งสองข้าง “ไหวแน่นะ” เกวลินอดที่จะเอ่ยแซวสายฟ้าไม่ได้ สายฟ้าจัดเป็นผู้ชายนิสัยดีคนหนึ่งที่เธอสามารถเป็นเพื่อนได้ แต่สถานะคนรัก คงต้องขอผ่านเพียงแค่ใจไม่ได้เรียกร้อง “ไหวสิ” สายฟ้าส่ายศีรษะเบา ๆ กับคำพูดและท่าทางของเกวลินที่กำลังทำเหมือนเขาป่วยหนักจนแทบไม่มีแรงเดิน จนกระทั่ง เสียงทุ้มต่ำปนดุเอ่ยเรียกชื่อเกวลินดังขึ้น จนเกวลินและสายฟ้าหันไปมองตามต้นเสียงเป็นตาเดียว “เกวลิน” เตชินท์เดินมาทางเกวลินด้วยหน้าตาเรียบเฉย ไม่ได้บ่งบอกอารมณ์ใด ๆ ในมือถือเสื้อแขนยาวสีกรมติดมือมาด้วย “ใครเหรอ?” สายฟ้าโน้มตัวเข้าใกล้เกวลิน กระซิบถามให้ได้ยินเพียงแค่สองคน และคำตอบที่ได้จากปากเกวลิน สามารถเรียกคิ้วเข้มให้ขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยอีกครา “ผู้ปกครองน่ะ” “มีอะไรคะ” เกวลินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยเต็มประดา “เธอลืมเสื้อแขนยาว เอาไปสิเดี๋ยวหนาว” เตชินท์เดินมาหยุดตรงหน้าเกวลินและสายฟ้า ยื่นเสื้อแขนยาวให้เกวลิน “แต่นี่มันหน้าร้อน” เกวลินแทบหลุดอุทานหยาบออกมา แต่กลับต้องกลืนมันลงคอ ทำได้เพียงเอ่ยถามด้วยความแคลงใจเท่านั้น “เถียง” เมื่อคนตัวเล็กเอ่ยปากแย้งขึ้น เตชินท์จึงใช้น้ำเสียงและสายตาดุดันห้ามปรามเกวลินเอาไว้เสียก่อน “โอเคค่ะ” สายตาน่ากลัวจวนทำให้เกวลินยื่นมือไปรับเสื้อแขนยาว โดยไร้ซึ่งคำโต้เถียงดั่งเช่นเคย “ใคร” เตชินท์เหล่ตามองสายฟ้าที่ยืนอยู่ข้างเกวลิน เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “เพื่อนร่วมคลาส พึ่งหายป่วยก็เลยทักทายกันนิดหน่อย” “สวัสดีครับ ผมสายฟ้าครับพี่” สายฟ้าแนะนำตัวด้วยท่าทางนอบน้อม อย่างน้อยผู้ชายตรงหน้าก็ดูภูมิฐานกว่าตนเองมากโข “อือ” เตชินท์ตอบกลับเพียงเท่านั้น ก่อนที่ร่างสูงโปร่งจะเดินกลับไปที่รถยนต์ไร้คำบอกกล่าวหรือเอ่ยลาแต่อย่างใด เกวลินยกมือเกาท้ายทอยของตนเองด้วยความมึนงง พึมพำออกมาด้วยความประหลาดใจกับการกระทำที่ยากจะคาดเดาความคิด “อะไรของเขาวะ?” “รีบไปเรียนกันเถอะ” สายฟ้าเอ่ยเตือนเกวลินที่ยังคงยืนใช้ความคิด ทอดสายตามองรถยนต์คันหรูที่ขับออกไปจนลับตา @บริษัทวัฒนะกุล กรุ๊ป เพียงแค่เตชินท์นั่งประจำเก้าอี้ทำงาน น้ำเสียงโวยวายปนร้อนรนของรณพีร์ก็ดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของเขา “เจ้านายหักเงินเดือนผมทำไมครับ” “นายไม่ทำงานตามที่ฉันสั่ง” เตชินท์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก ใบหน้าติดหงุดหงิดใจตั้งแต่เดินเข้ามาในห้องทำงาน แต่ ครั้งนี้ดูเหมือนรณพีร์จะลืมสังเกตอารมณ์ ณ เวลานี้ของเจ้านายหนุ่มโดยปริยาย พร้อมตอบกลับประโยคโต้เถียงสุดใจ “แต่งานที่สั่งผมทำจนเสร็จเรียบร้อยหมดแล้วหนิครับ” “ยัง” “เรื่องอะไรครับ” รณพีร์เอ่ยถามด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยคำถาม พลันนึกคิดทบทวนงานตนเองเนือง ๆ “นักศึกษาฝึกงาน” “โธ่ เจ้านายครับ ก็ผมไม่ทราบว่าคุณนายยังใช้นามสกุลเก่าหนิครับ” “สมน้ำหน้า” เตชินท์ยกยิ้มมุมปากด้วยความพอใจ กับท่าทางโอดโอยของเลขาหนุ่มที่เสมือนเด็กหนุ่มสามขวบ “เจ้านายหักผมตั้งห้าพันเลยนะครับ” “ถ้ายังไม่รีบไปทำงาน จะโดนอีกห้าพัน” ด้วยความรำคาญใจ จนพลันรีบเอ่ยปากและสะบัดมือไล่เลขาหนุ่มให้ออกจากห้อง “คอยดูนะครับ เมื่อไหร่ที่คุณนายเข้ามาฝึกงาน ผมจะฟ้อง” ณ เวลานี้คงทำได้เพียงเก็บความขุ่นเคืองใจเอาไว้ ทำได้เพียงรอภรรยาเจ้านายเข้ามาฝึกงานเท่านั้น “นายคิดว่าฉันกลัวเมียเหรอ” เตชินท์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงและประโยคเรียบเฉย นัยน์ตาจ้องเอาคำตอบจากเลขาหนุ่มไม่ละสายตา “ท่าทางน่าจะเกรงใจมากครับ” “ก็แค่เกรงใจ” ผู้ชายอย่างเขาบริหารลูกน้องนับพัน ไม่มีทางกลัวภรรยาแน่นอน แต่เรื่องเกรงใจก็คงมีบ้าง เพียงเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะตามมา “เกรงใจกับกลัวเมีย มีเพียงแค่เส้นบาง ๆ กั้นอยู่นะครับ” “ฉันจะทำให้นายเห็น ผู้ชายอย่างฉันเมียต้องกลัวเท่านั้น” คนที่ต้องเกรงกลัวต้องเป็นเกวลินเท่านั้น ไม่ใช่เขาที่เป็นผู้ชายอกสามศอกเช่นนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD