ช่วยลูกของเราด้วย 3

1708 Words
ช่วยลูกของเราด้วย จากผล CT Scan ยืนยันว่าแขนข้างซ้ายของกัญญาวีร์หัก เนื่องจากได้รับการกระแทกอย่างรุนแรง เพราะตอนเกิดอุบัติเหตุหญิงสาวได้ยื่นแขนข้างนั้นออกไปกันตัวลูกตามสัญชาตญาณของคนเป็นแม่ แต่กระนั้นเธอก็ยังไม่สามารถปกป้องลูกได้ “ฟาง! เกิดอะไรขึ้น” ใบหน้าสวยที่บอบช้ำจากการร้องไห้หันไปมองตามเสียง ซึ่งเป็นจังหวะที่เจ้าของเสียงวิ่งมาถึงพอดี “ตง...” กัญญาวีร์ซึ่งนั่งอยู่บนวีลแชร์น้ำตาไหลพรากเพราะความอ่อนแอ สหดลที่เห็นเช่นนั้นก็รีบขยับตัวเข้าไปยืนใกล้ ๆ รถเข็น แล้วรั้งศีรษะของหญิงสาวให้มาอิงซบ แขนทั้งสองข้างโอบกอด ยินดีเป็นหลักให้อีกฝ่ายได้พึ่งพิง “ตง...ฉันกลัว ฉันกลัวว่าป้องจะเป็นอะไรไป ฮือ ๆ” ชายหนุ่มมองตรงไปยังห้องผ่าตัดซึ่งประตูยังปิดสนิท ก่อนจะก้มมองร่างบางที่ตัวสั่นเทาด้วยความกลัวอยู่ในอ้อมกอด ไม่รู้ว่าจะปลอบโยนเธออย่างไรดี เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์มันเป็นอย่างไร อีกทั้งยังเพิ่งเห็นข่าวว่ากัญญาวีร์ประสบอุบัติเหตุจากสื่อออนไลน์เมื่อชั่วโมงที่แล้วนี่เอง “แกใจเย็น ๆ ก่อนนะฟาง ป้องต้องไม่เป็นอะไร เชื่อฉันสิ” “ฉันพยายามใจเย็นแล้ว แต่ฉันทำไม่ได้...” หญิงสาวเอ่ยเสียงสั่น ตั้งแต่เริ่มต้นการรักษา กระทั่งรักษาเสร็จและขอร้องให้เจ้าหน้าที่พาเธอมารอลูกที่หน้าห้องผ่าตัด เธอพยายามควบคุมสติตัวเองให้นิ่งมาโดยตลอด เพราะรู้ว่าฟูมฟายไปคงไม่ช่วยอะไร ทว่าทุกครั้งที่คิดถึงลูก ภาพแรกที่แวบเข้ามาในหัวคือภาพที่แกนอนหลับและมีเลือดไหลมาเปรอะเปื้อนใบหน้า สลับกับรอยยิ้มไร้เดียงสาที่แกยิ้มให้เธอทุกเช้าก่อนไปโรงเรียน หัวใจแทบสลายเมื่อเผลอคิดว่าลูกอาจจะไม่ได้อยู่กับเธออีกตลอดไป “ฉันกลัว...กลัวจริง ๆ” “แล้วป้องเข้าไปนานหรือยัง” “เข้าไปตั้งแต่สามทุ่มกว่า ๆ ผ่านมาเกือบสี่ชั่วโมงแล้วตง...หมอยังไม่ออกมาเลย” สีหน้าของคนเป็นแม่วิตกกังวลอย่างชัดเจน คงจะดีกว่านี้หากมีใครสักคนออกมาบอกว่าลูกของเธอพ้นขีดอันตรายแล้ว ทว่าจนถึงตอนนี้ประตูห้องผ่าตัดยังปิดสนิท ไม่มีวี่แววว่าจะมีใครเดินออกมา “อีกสักหน่อยคงออกมาแหละ ฉันเชื่อว่าหมอต้องรักษาเจ้าป้องอย่างสุดความสามารถ” ชายหนุ่มให้กำลังใจ ก่อนจะเบี่ยงความสนใจของหญิงสาว ด้วยอยากให้เธอผ่อนคลายสักนิด “ว่าแต่แกอาการเป็นไงบ้าง หมอว่าไง” “ฉันไม่เป็นอะไรมาก แค่แขนหัก” “ไม่ ‘แค่’ นะฟาง แกก็เจ็บหนักเหมือนกัน” สหดลเถียง เธอพูดมาได้อย่างไรว่าแค่แขนหัก ชายหนุ่มสำรวจร่างกายเพื่อนสนิทอีกครั้ง ก็เห็นว่าสภาพเธอค่อนข้างแย่เลยทีเดียว เพราะฉะนั้นคำที่บอกว่า ‘ไม่เป็นอะไรมาก’ นั้นเชื่อไม่ได้เลย “ฉันว่าแกควรไปพักผ่อน” “แต่ฉันเป็นห่วงลูก...” “ฉันรู้ ฉันเข้าใจ แต่ตอนนี้เจ้าป้องอยู่ในมือหมอแล้ว ยังไงก็ปลอดภัย” ใบหน้าสวยส่ายไปมาอย่างไม่ยอม “ไม่เอา ฉันเป็นห่วงลูก ฉันจะรออยู่ตรงนี้จนกว่าหมอจะออกมาบอกว่าแกปลอดภัย” เมื่อเห็นว่าไม่มีทีท่าว่ากัญญาวีร์จะยอมง่าย ๆ สหดลจึงพยักหน้ายอมแต่โดยดี ถึงเขาจะอยากให้เธอพักผ่อน แต่ในใจก็เข้าใจเธอดี คงไม่มีแม่ที่ไหนหลับลงในขณะที่ลูกยังอยู่ในอาการไม่มั่นคง ระหว่างที่หนุ่มสาวกำลังปลอบโยนกันอยู่นั้น มีร่างสูงของนายแพทย์คนหนึ่งที่เพิ่งปฏิบัติหน้าที่ของตนเสร็จยืนอยู่อีกด้าน เขาละสายตาจากชายหญิงทั้งสองคนแล้วหันไปมองประตูห้องผ่าตัดซึ่งยังปิดสนิท ทว่ามีแสงไฟที่สว่างออกมาบ่งบอกว่าห้องนั้นกำลังถูกใช้งาน หัวใจของชายหนุ่มวูบโหวงอย่างบอกไม่ถูกหลังจากได้ทราบอาการของคนที่อยู่ในนั้น บวกกับคำว่า ‘ลูกของเรา’ ที่หญิงสาวเพ้อพร่ำตอนอยู่ในห้องฉุกเฉิน ถึงแม้ว่าเขาจะคิดว่าไม่น่าใช่ และไม่น่าเป็นไปได้ เพราะเขาป้องกันแทบทุกครั้งที่มีอะไรกัน อาจจะมีบางครั้งที่มันฉุกเฉินจริง ๆ เช่นเพิ่งรู้ว่าถุงยางหมดตอนที่อารมณ์พุ่งทะยาน และเขาก็หน้ามืดเกินกว่าจะหยุดกลางคัน แต่ถึงอย่างนั้นหลังจากเสร็จกิจเขาก็รีบไปซื้อยาคุมฉุกเฉินมาให้เธอกินทันที เขารู้ดีว่ามันไม่ได้ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ หากตอนนั้นมันก็เลยเถิดไปไกลเกินกว่าจะหันหลังกลับ และอีกอย่างหากเธอท้องกับเขาจริง ๆ ทำไมเธอไม่บอกเขาตั้งแต่ตอนนั้นล่ะ มาพูดตอนนี้จะให้เขาเชื่อเลยก็คงง่ายเกินไป แต่ถึงชายหนุ่มจะคิดอย่างนั้น ทว่ากลับมีบางอย่างสะกิดใจตลอดสามถึงสี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งเขาก็อธิบายความรู้สึกที่เกิดขึ้นไม่ถูกเหมือนกัน สุดเขตถอนหายใจออกมาเบา ๆ ด้วยความหนักใจ สมองซีกหนึ่งสั่งให้กลับไปพักเนื่องจากสิ้นสุดเวลาทำงานแล้ว หากสมองอีกซีกยังกวนใจและฉุดรั้งให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง แพทย์หนุ่มหันไปมองหญิงสาวที่ครั้งหนึ่งเคยรู้จักกันอย่างลึกซึ้ง ซึ่งเป็นจังหวะที่เธอเงยหน้าขึ้นแล้วมองมาทางที่เขายืนอยู่พอดี ดวงตาสองคู่ประสานกันอยู่พักหนึ่งโดยไม่มีใครพูดอะไร ทว่าต่างพยายามอ่านความหมายจากแววตาของกันและกัน หากไม่นานกัญญาวีร์ก็ดึงสายตาหลบ ก่อนจะก้มหน้าแล้วร้องไห้ต่อไปเงียบ ๆ กลายเป็นสุดเขตที่รู้สึกเหมือนมีบางอย่างพุ่งเข้ามาปักที่กลางอก จนไม่อาจก้าวผ่านเรื่องนี้ไปได้ แพทย์หนุ่มถอนหายใจอีกครั้ง แล้วตัดสินใจเดินเข้าไปบอกกับหญิงสาวว่า “เดี๋ยวผมจะเข้าไปดู” ไม่รอให้ใครพูดอะไรกลับมา และไม่สนใจสายตาของชายหนุ่มอีกคนที่มองด้วยความไม่เข้าใจ พูดจบสุดเขตก็หมุนตัวเดินเข้าไปในห้องผ่าตัดทันที แพทย์หนุ่มไม่ได้ไปรบกวนการทำงานของหมอที่กำลังรักษาอย่างเคร่งเครียด เพราะตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่เชี่ยวชาญด้านนี้ เขาเลือกสอบถามจากพยาบาลที่ปฏิบัติหน้าที่ในห้องผ่าตัดแทน “เด็กเป็นไงบ้าง” “ค่อนข้างวิกฤตเลยค่ะ ซี่โครงหักทิ่มปอด หมอปิงกำลังผ่าตัดใส่ ICD[1]” “แล้ว...ราบรื่นดีไหม” “เท่าที่ดูยังไม่มีปัญหาอะไรค่ะหมอ แต่ต้องรอหมอปิงยืนยันอีกที” สุดเขตพยักหน้ารับรู้ สายตามองผ่านประตูกระจกใสเข้าไปยังเด็กชายซึ่งกำลังรับการผ่าตัดจากแพทย์ และเหลือบมองจอแสดงผลต่าง ๆ รู้สึกเบาใจขึ้นมานิดหนึ่งที่เห็นว่าคนไข้ตอบสนองต่อการรักษา ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเลยทีเดียว ครั้นเห็นว่าเด็กอยู่ในระยะที่ยังปลอดภัย เขาจึงถามต่อถึงเรื่องที่ตนข้องใจ “เด็กอายุเท่าไร” “สี่ขวบกว่า ๆ ค่ะ” แค่รู้อายุคร่าว ๆ คงไม่เพียงพอ เพราะเขาต้องการข้อมูลที่ละเอียดมากที่สุด “พอจะทราบเดือนเกิดไหม” พยาบาลเปิดประวัติของผู้ป่วยที่ถูกส่งมาจากฝ่ายทะเบียน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปตอบ “เกิดเดือนมกราคม ปี...” สีหน้าของแพทย์หนุ่มยังคงนิ่งเรียบ ทว่าหางตากระตุก วันเดือนปีเกิดของเด็กคนนั้นสั่นคลอนหัวใจเขาอย่างรุนแรง สมองอันชาญฉลาดของสุดเขตไล่เรียงเหตุการณ์ทั้งหมด นับจากวันเกิดของเด็กชายย้อนกลับไปอีกเก้าเดือน ก็พบว่าเป็นช่วงที่ตนกับกัญญาวีร์ซึ่งเป็นแม่ของเด็กมีความสัมพันธ์กันอยู่พอดี...หรือว่าสิ่งที่เธอพูดวันนี้จะเป็นเรื่องจริง เด็กคนนี้เป็นลูกของเขาจริง ๆ งั้นหรือ ? “หมอ หมอคะ...หมอเขต” “…ครับ” สุดเขตรีบดึงสติตัวเองที่หลุดลอยกลับมาหลังจากได้ยินเสียงเรียกของพยาบาล “มีอะไรหรือเปล่าครับ” “ดิฉันไม่มีอะไรค่ะ แต่ดิฉันอยากจะถามหมอมากกว่าว่ามีอะไรหรือเปล่า ทำไมอยู่ ๆ ถึงเงียบไปคะ” นางพยาบาลเอียงคอด้วยความสงสัย เพราะจู่ ๆ แพทย์หนุ่มก็นิ่งงันและเงียบไป อันที่จริงเธอแปลกใจตั้งแต่เขาเข้ามาถามอาการคนไข้รายนี้แล้วละ ไม่แปลกที่หมอจะถามอาการคนไข้ แต่ที่แปลกคือตอนนี้มันดึกมากพอสมควร และที่สำคัญ หมอเขตออกเวรไปตั้งนานแล้ว ควรจะกลับไปพักผ่อนมากกว่า “อ๋อ ไม่มีอะไรครับ ผมแค่แวะมาดูคนไข้เฉย ๆ” ชายหนุ่มตอบพร้อมส่งยิ้มบาง ๆ ให้ ขณะที่ในหัวเต็มไปด้วยความคิดยุ่งเหยิง และเริ่มตั้งคำถามมากมายเกี่ยวกับการเกิดของเด็กชาย “หลานหรือคะ” “ไม่ใช่ครับ” ตอบไปแล้วก็นิ่งคิด เมื่อเห็นว่าแววตาของคนตรงหน้ายังมีความสงสัย แพทย์หนุ่มจึงต้องขยายความเพิ่มเติม “ลูก...ของคนรู้จักน่ะครับ” คำตอบนี้คงเหมาะสมที่สุดในยามนี้ ด้วยยังไม่มีอะไรมายืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเด็กคนนี้ใช่ลูกของเขาจริง ๆ แม้วันเดือนปีเกิดของเด็กจะบอกได้อย่างชัดเจน หากเขาก็ยังไม่ฟันธงว่าใช่ และถ้าใช่ หากเด็กคนนี้เป็นลูกชายของเขาจริง ๆ...แล้วมีเหตุผลอะไรที่แม่ของเด็กจะต้องปกปิดเขามานานขนาดนี้ แล้วถ้าวันนี้ไม่เกิดเรื่องขึ้น เขาคงไม่มีทางรู้เลยใช่ไหมว่าตัวเองมีลูก! [1] intercostal chest drain: ICD. เป็นการใส่ท่อเข้าไปในช่องเยื่อหุ้มปอดเพื่อระบายอากาศ ลม น้ำ เลือดหรือหนอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD