อีกหนึ่งชีวิต

2018 Words
บทที่ 3 อีกหนึ่งชีวิต กัญญาวีร์ไม่รู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด เมื่อคุณหมอเดินออกมาแจ้งว่าการผ่าตัดของลูกชายเธอนั้นผ่านไปด้วยดี ทว่ายังไม่พ้นขีดอันตราย ต้องส่งเข้าห้อง ICU เพื่อเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด การรายงานผลเช่นนี้ไม่ช่วยให้หัวใจคนเป็นแม่อย่างเธอรู้สึกทรมานน้อยลงเลยแม้แต่นิดเดียว “อย่างน้อย ๆ ก็ผ่าตัดสำเร็จ เจ้าป้องจะต้องปลอดภัยแน่นอน” สหดลเอ่ยพร้อมบีบไหล่เธอเบา ๆ ส่งกำลังใจให้เพื่อนหลังจากที่คุณหมอเดินจากไป พาฝันเพื่อนในกลุ่มเดียวกันซึ่งเพิ่งมาถึงโรงพยาบาลได้ไม่นานขยับเข้าไปกุมมือกัญญาวีร์ แล้วบีบเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยปลอบใจ “ฉันก็คิดว่าอย่างนั้น หมูป้องเก่งและแข็งแรงจะตาย เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ฟื้นแล้ว” “ใช่ ๆ ฉันเห็นด้วย” สิริกันยาเพื่อนอีกคนซึ่งตามมาด้วยกันสำทับขึ้น ก่อนที่เพื่อนคนอื่น ๆ อีกห้าคนที่ตามมาด้วยความเป็นห่วงจะพยักหน้าอย่างเห็นด้วยเช่นกัน “ตอนนี้ฉันว่าแกไปพักก่อนดีไหม พรุ่งนี้เช้าจะได้เข้าไปเยี่ยมลูกแต่เช้า” กัญญาวีร์ยกมือเช็ดน้ำตาพร้อมสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อตั้งสติ ใบหน้าสวยซึ่งบอบช้ำหันไปมองเพื่อนแต่ละคน ก่อนจะพยักหน้ารับเบา ๆ เพราะต่อให้เธอดึงดันจะอยู่รอทั้งคืน หมอก็คงไม่อนุญาตให้เธอเจอลูกได้ตามกฎห้อง ICU ที่เข้าเยี่ยมได้ตามเวลาเท่านั้น “แกจัดการเรื่องห้องพักแล้วใช่ไหม” พาฝันเงยหน้าขึ้นไปถามสหดล ซึ่งยืนอยู่ด้านหลังรถเข็นที่กัญญาวีร์นั่งอยู่ “จัดการแล้ว” “โอเค ดึกมากแล้ว งั้นพายายฟางเข้าไปพักเลย” จากนั้นเพื่อนทุกคนก็พากัญญาวีร์มาส่งที่ห้องพักพิเศษของทางโรงพยาบาล พาฝันซึ่งสนิทที่สุดในบรรดาเพื่อนผู้หญิงอาสารับหน้าที่เช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผู้ป่วย “ขอบคุณพวกแกมากนะ” กัญญาวีร์พูดกับเพื่อนทุกคนด้วยความซาบซึ้งใจ ก่อนจะสบตากับพาฝันอย่างรู้สึกผิด “แล้วก็ขอโทษแกด้วยนะฝัน ที่ทำให้งานคืนนี้ล่ม ส่วนงานแต่งวันพรุ่งนี้ฉันคงไม่ได้ไปร่วม” “ไม่เป็นไร ไม่ต้องขอโทษ ฉันเข้าใจ แกอย่าคิดมาก ขอแค่แกกับลูกปลอดภัยก็ดีแล้ว” “อืม ขอบคุณนะ” ผู้ป่วยสาวน้ำตาคลออีกครั้งด้วยความเป็นห่วงลูก เพราะตอนนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าลูกชายของเธอปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ “แกต้องเข้มแข็งนะฟาง เพื่อลูก” พาฝันบอกพลางลูบแขนเพื่อนเบา ๆ เห็นเพื่อนร้องเธอก็จะร้องตาม “...ขอบคุณพวกแกอีกครั้งนะ” “เรื่องเล็กน้อยน่า …คืนนี้คงไม่มีอะไรแล้ว งั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปเช็กสถานที่จัดงานด้วย สาย ๆ จะแวะเข้ามาเยี่ยมอีกที” ครั้นเห็นว่าหมดห่วงแล้ว ว่าที่เจ้าสาวอย่างพาฝันก็เอ่ยขอตัว ด้วยพรุ่งนี้ยังมีธุระอีกมากมายที่ต้องไปจัดการ “ไม่เป็นไร ฉันรู้ว่าแกยุ่งไม่ต้องมาเยี่ยมก็ได้ เต็มที่กับวันพิเศษของตัวเองเถอะ” คนป่วยรีบบอก เธอไม่อยากเป็นตัวถ่วงที่ทำให้งานแต่งงานของเพื่อนออกมาไม่สมบูรณ์แบบ “แค่เหตุการณ์วันนี้ฉันก็รู้สึกแย่มาก ๆ แล้ว” “มันเป็นอุบัติเหตุ แกก็ไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้น” “ก็ใช่ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็อดรู้สึกไม่ดีไม่ได้” เพราะหากไม่มีอุบัติเหตุนี้เกิดขึ้น ค่ำนี้เพื่อนทุกคนก็คงนั่งดื่ม นั่งเมาท์มอย และร้องคาราโอเกะกันอย่างสนุกสนาน คงไม่ต้องมานั่งทำหน้าวิตกกังวลอยู่ที่โรงพยาบาลอย่างนี้ “เอาอย่างที่ฉันบอกนั่นแหละ วันสำคัญทั้งทีก็เต็มที่ไปเลย ไม่ต้องห่วงฉัน เดี๋ยวจะอัปเดตอาการในแชตกลุ่ม” พอคนป่วยพูดมาแบบนั้น ว่าที่เจ้าสาวก็พยักหน้ายอมในที่สุด “ก็ได้ งั้นไว้หลังเสร็จงานฉันจะมาเยี่ยม” “แล้วคืนนี้ใครจะอยู่เป็นเพื่อนยายฟาง” สิริกันยาถามขึ้น พร้อมมองหน้าเพื่อนแต่ละคนอย่างรอคำตอบ ด้วยรู้ว่านอกจากพวกตน กัญญาวีร์ก็ไม่มีเพื่อนที่ไหน ญาติพี่น้องก็อยู่ต่างจังหวัดกันหมด “ฉันอยู่คน…” กัญญาวีร์กำลังจะบอกเพื่อนว่าอยู่คนเดียวได้ ทว่าเสียงของสหดลก็ดังแทรกขึ้นมา “ฉันอยู่เฝ้าเอง” “พรุ่งนี้แกว่างเหรอตง” สิริกันยาถาม เพราะสหดลอยู่ในช่วงกำลังเติบโตในหน้าที่การงาน จึงทำงานทุกวันแทบจะไม่มีวันหยุดเลย “มีประชุมตอนสิบเอ็ดโมง คืนนี้อยู่เฝ้าได้ ตอนเช้าค่อยกลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า หรือพรุ่งนี้เช้าพอจะมีใครมาเปลี่ยนได้บ้าง” ชายหนุ่มถามเพื่อนคนอื่นกลับบ้าง “ช่วงเช้าไม่ว่างเลยอะดิ ตอนเย็นก็ต้องไปงานแต่งยายฝัน” เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้น เพราะงานแต่งงานของพาฝันจัดใหญ่โตพอสมควร และในฐานะเพื่อนเจ้าสาวก็ต้องไปช่วยเพื่อนตระเตรียมงาน รวมถึงดูรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในบางส่วน “ไม่ต้องมีใครอยู่เป็นเพื่อนฉันก็ได้ ฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก” กัญญาวีร์เอ่ยขึ้นมาด้วยความเกรงใจ ไม่อยากรบกวนใคร รู้ดีว่าพรุ่งนี้ทุกคนจะต้องยุ่งมาก “แกแขนหักเลยนะฟาง จะไม่เป็นอะไรมากได้ยังไง แล้วไหนจะแผลตามตัวอีก พรุ่งนี้คงจะระบมไปทั้งตัว ไม่แน่อาจจะหนักถึงขั้นขยับตัวไม่ได้” พาฝันพูดด้วยความเป็นห่วง เธอไม่อยากให้เพื่อนอยู่คนเดียว เพราะเกรงว่าจะเป็นอันตรายยิ่งกว่าเดิม “แต่...” คนป่วยกำลังจะอ้าปากแย้ง หากสิริกันยาดันยกมือห้าม ก่อนจะสรุปทุกอย่างเอาเองเสร็จสรรพ “พอ ๆ ยายฟางแกไม่ต้องเถียงเลย ดูสภาพตัวเองด้วย เอางี้นะ...คืนนี้ให้ไอ้ตงอยู่เฝ้า แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้สาย ๆ ฉันไปทำธุระกับที่บ้านเสร็จแล้วจะรีบมาเปลี่ยน” “โอเค เอาตามนี้แหละ” พาฝันเห็นด้วยทันที เหตุผลหนึ่งเพราะไม่อยากให้ยืดเยื้อกันไปมากกว่านี้ “งั้นเรากลับกันเถอะ ฉันจะรีบไปนอน เดี๋ยวพรุ่งนี้แต่งหน้าไม่สวย” ทุกคนยิ้มและหัวเราะเบา ๆ ให้กับว่าที่เจ้าสาวที่ห่วงสวย ก่อนจะทยอยเดินออกไปเพื่อกลับบ้านไปพักผ่อน กัญญาวีร์ส่งยิ้มบาง ๆ มองตามหลังเพื่อนทุกคนอย่างซาบซึ้งใจ ดีใจที่ได้รู้จักกับเพื่อนกลุ่มนี้ แม้จะห่างกันไปนานเท่าไร แต่มิตรภาพก็ไม่เคยจืดจาง ทุกคนยังรักและหวังดีกับเธอเสมอมา กัญญาวีร์ดึงสายตากลับมามองสหดลที่อาสาอยู่เฝ้าเธอในคืนนี้ เขากำลังกดรีโมตปรับเตียงให้อยู่ในระดับที่นอนสบาย ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้ถึงช่วงอก “ขอบคุณแกมากนะตง” ผู้ป่วยสาวเอ่ยกับเพื่อนด้วยความจริงใจ รู้สึกขอบคุณที่เขาคอยช่วยเหลือในหลาย ๆ เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ชายหนุ่มพยักหน้าและยิ้มเบา ๆ ที่มุมปาก “อืม นอนได้แล้ว มีอะไรก็เรียกได้ตลอด ไม่ต้องเกรงใจ” วันนี้สุดเขตมาโรงพยาบาลเช้ากว่าปกติ ไม่ใช่ว่าขยันหรือมีงานด่วนแทรกเข้ามา ทว่าเป็นเพราะเมื่อคืนเขานอนไม่หลับ ด้วยในหัวเต็มไปด้วยเรื่องของกัญญาวีร์กับลูกของเธอ ทุกครั้งที่พยายามข่มตานอน ภาพของเด็กชายที่นอนไม่ได้สติอยู่ในห้องผ่าตัดก็ปรากฏขึ้นมา อันที่จริงเขาอยากถามกัญญาวีร์ให้รู้เรื่องตั้งแต่เมื่อคืนในตอนที่ออกจากห้องผ่าตัดมาบอกกับเธอว่าลูกของเธอยังปลอดภัยดี ทว่าด้วยสถานการณ์ที่ยังตึงเครียด และรอบตัวเธอมีเพื่อนอยู่ด้วยอีกหลายคน อีกทั้งเขายังต้องการเวลาคิดอะไรอีกสักหน่อย ชายหนุ่มจึงตัดสินใจยังไม่ถาม และตั้งใจจะมาขอคำตอบที่ชัดเจนจากปากเธอในเช้าวันนี้แทน สุดเขตรับไหว้และยิ้มทักทายบุคลากรที่คุ้นเคยระหว่างเดินมุ่งหน้าตรงไปยังห้องพักผู้ป่วย เมื่อมาถึงชายหนุ่มก็ยกมือเคาะประตูเบา ๆ ส่งสัญญาณให้คนข้างในรับรู้ จากนั้นก็เปิดประตูเข้าไปเลยทันทีโดยไม่รอให้ใครอนุญาต กัญญาวีร์ซึ่งกำลังขยับตัวลงจากเตียงนอนโดยมีสหดลช่วยประคองหันไปมองผู้มาใหม่ นัยน์ตาสีอ่อนเบิกขึ้นเล็กน้อยด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบดึงสายตาหลบ ด้วยไม่อาจสบตากับเขา เรื่องที่เธอหลุดพูดออกไปเมื่อวานนี้ถือเป็นสิ่งที่ผิดพลาดอย่างมหันต์ และภาวนาให้เขาไม่ได้มาเพราะเรื่องนี้ “สวัสดีครับ มาตรวจเหรอครับ” ถึงจะรู้สึกคลางแคลงใจแต่สหดลก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ แม้ตอนนี้สุดเขตจะอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนกับกางเกงสแล็กส์สีดำธรรมดา แต่เขาจำได้ว่าชายคนนี้คือหมอที่เข้ามาพูดกับกัญญาวีร์เมื่อคืนที่ผ่านมา “ครับ” สุดเขตตอบพลางมองบุรุษหน้าตี๋ที่ยืนอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยอย่างสงสัย ประเมินจากความใกล้ชิดและสนิทสนม เขาคิดว่าชายคนนี้อาจจะเป็นแฟนหรือสามีของกัญญาวีร์ ถึงจะรู้สึกหวิว ๆ นิดหน่อย หากตอนนี้ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ทั้งสองคนจะเป็นอะไรกัน แต่สาระสำคัญมันอยู่ที่เด็กคนนั้นต่างหาก...เป็นลูกของใครกันแน่ “ขอคุยกับคนไข้สักครู่ได้ไหมครับ” แพทย์หนุ่มเอ่ยด้วยความสุภาพ สหดลได้ยินเช่นนั้นก็ถอยห่างจากเตียงผู้ป่วย เพราะเข้าใจว่าหมอคงจะเข้ามาตรวจและพูดคุยกับคนไข้ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่อย่างนั้น... สุดเขตยังคงยืนนิ่ง เขาละสายตาจากคนเฝ้าไข้แล้วหันไปมองผู้ป่วยซึ่งกำลังมองมาที่เขา ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะปรายตาไปทางสหดลอีกครั้งเพื่อสื่อให้คนที่นั่งบนเตียงรับรู้ว่าเขาต้องการอะไร ซึ่งกัญญาวีร์เองก็มีไหวพริบที่รวดเร็ว รู้ว่าเขาต้องการจะคุยเป็นการส่วนตัว แน่นอนว่าเธอเองก็ต้องการให้เป็นอย่างนั้นเช่นกัน เพราะนอกจากตัวเธอเอง ก็ไม่มีใครรู้ว่าพ่อของปกป้องคือใคร “เอ่อ...ตง” “ว่า ?” สหดลขานรับพร้อมมองหน้า รอฟังว่าเพื่อนจะพูดอะไร ครั้นเห็นสีหน้าคล้ายลำบากใจที่จะพูดของอีกฝ่าย เขาจึงถามอีกครั้ง “มีอะไรหรือเปล่าฟาง” “แก...แกบอกว่าวันนี้มีประชุมไม่ใช่เหรอ แกกลับไปก่อนก็ได้นะ” สหดลเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนไว้บนฝาผนัง คิ้วทั้งสองข้างขมวดเล็กน้อย “ยังมีเวลา เพิ่งจะหกโมงเอง ฉันจะรอเข้าไปเยี่ยมลูกกับแกด้วย” “เผื่อรถติดไง” “ขึ้นทางด่วน แป๊บเดียวก็ถึง” ชายหนุ่มมองเพื่อนด้วยความสงสัย แล้วหันไปมองอีกคนที่ยืนนิ่งอย่างไม่ไว้ใจ จากนั้นก็หันกลับไปหาเพื่อนอีกครั้ง “แกมีอะไรหรือเปล่าฟาง” “เอ่อ...คือว่า...” กัญญาวีร์เกิดอาการอ้ำอึ้ง ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้เพื่อนเข้าใจ เพราะสหดลไม่รู้เรื่องระหว่างเธอกับสุดเขต เป็นสุดเขตที่เห็นว่าเธอจัดการไม่ได้จึงตัดสินใจพูดออกไปตามตรง “ผมมีเรื่องจะคุยกับคนไข้เป็นการส่วนตัวครับ” “เรื่องอะไร” สหดลถามกลับทันที ซึ่งสุดเขตก็ตอบกลับทันทีเช่นกัน “เรื่องส่วนตัวครับ” สหดลหันไปมองเพื่อนตัวเอง “รู้จักกันเหรอ” กัญญาวีร์พยักหน้าแล้วตอบ “อืม...เคยรู้จักน่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD