“ว๊าย!”
“อือ...” ชายหนุ่มสวมเสื้อโค้ทสีดำกับกางเกงวอมขายาวสีเดียวกัน นั่งบนรถเข็นผู้ป่วยไฟฟ้าที่ราคาแพงลิ่วสมฐานะ เขามองเธอด้วยสีหน้าเย็นชา สายตาขวางข้น บ่งบอกว่าทั้งสงสัยและไม่พอใจระคนกัน “เธอเป็นใคร มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ เป็นขโมยรึเปล่า!”
“หะ?...” เธออึ้งไปเลย “แทนที่จะขอโทษ กลับหาว่าฉันเป็นขโมยอย่างนั้นเหรอ???”
หญิงสาวกลอกตามองบน ชักสีหน้าน้อย ๆก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วใช้มือปัดป่ายเสื้อแขนกุดสีขาวผ้าลูกไม้และจัดกระโปรงสีแดงแปล๊ดให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะหันมองเขาอีกครั้งอย่างเอาเรื่องเอาความ
“คุณนั่นแหละเป็นใคร?”
เขาจ้องหน้าเธอนิ่ง...สายตาเชือดเฉือนและดุดันกำลังพูดกับเธอว่า...อย่ามาบังอาจ!
“เอ่อ...” ความคิดบางอย่างกระทุ้งให้เธอหุบปากแล้วนิ่งไปครู่หนึ่ง เพื่อทบทวนข้อมูลที่ผ่านหูผ่านตามาบ้าง เกี่ยวกับเจ้านายของบ้านนี้ แล้วเธอก็ตาลุกวาวเหมือนคนเห็นผี “อ๋อ...คะ...คุณ!!”
“หลีกไป! เกะกะ!”
เขาตวาดลั่นก่อนจะกดเลื่อนรถเข็นให้แล่นเข้ามาจนเกือบจะปะทะร่างของเธอแบบหวุดหวิด โชคดีที่เธอขยับตัวหนีได้ทัน
“นี่คุณ! ทางออกจะกว้าง มันจะต้องเจาะจงตรงที่ฉันยืนอยู่เนี่ย ขนาดเป็นอย่างนี้ยังหาเรื่องเก่ง นี่ถ้า...!”
เขาหยุด หันกลับมามองเธอ ด้วยตาเย็นชากว่าเดิมร้อยเท่า จนทำให้เธอรู้สึกเย็นวาบตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอตบปากตัวเองเพราะรู้ตัวว่าปากไวไป
“ขะ...ขอโทษค่ะ ฉัน...ฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะ”
“เธอคงเป็นพยาบาลที่เพิ่งมาทำงานใช่มั้ย” เขาถามด้วยเสียงเรียบ ไร้อารมณ์ เหมือนคนไม่มีความรู้สึก
“อืม...ใช่ค่ะ...คุณน่าน!” เธอจำไม่ผิดแน่ เขาคือคุณธารสุรีย์ หรือคุณน่าน...แม่น้ำน่านที่สวยงามท่ามกลางหุบเขาคดเคี้ยว ชายหนุ่มสดใสราวสีเขียวที่กลายเป็นคนพิการไร้ขาซ้ายจากอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์คว่ำเมื่อหลายเดือนก่อน คนที่ป้าบอกว่าอย่าเข้าใกล้เด็ดขาด เพราะหมอนี่เป็นประเภทเย็นชาไร้หัวใจ และโมโหง่ายไม่ต่างจากมารดาของเขา
“คุณน่านจะไปไหนคะ ให้ฉันช่วยพาไปมั้ยคะ”
“ฉันไปเองได้ ไม่ต้องมายุ่ง!”
นี่ขนาดพูดดีด้วย เขายังโมโหใส่
“คุณน่านจริงด้วย” สาวเจ้าพูดพลางยิ้มออกมาจนเต็มปากราวกับว่าเพิ่งถูกขอแต่งงานจากชายผู้เป็นที่รัก
“ฮึ!” เขาชักสีหน้ารำคาญใส่เธอ ก่อนจะกดเลื่อนรถเข็นไปข้างหน้าอย่างเร็วราวกับอยากหนียัยโลกสวยนี่ให้ไกลที่สุด เพื่อจะไปยังห้องสมุดที่อยู่ตรงท้ายตึก ซึ่งเป็นเขตส่วนตัวของเขาที่ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งย่าม
“คุณน่าน! คุณน่านคะ” หญิงสาวไม่รอช้า รีบเดินตามเขาไปทันที ราวกับลืมคำสั่งของเขาไปแล้ว
“คุณน่านจะไปห้องสมุดใช่มั้ยคะ ฉันได้ยินว่ามีหนังสือเยอะมากเลย ฉันอยากเห็นมาหลายวันแล้วค่ะ”
“เธอไม่เข้าใจที่ฉันพูดเหรอ!” เขาตวาดลั่นจนเธอสะดุ้ง “ไปเลยไป...ไปอยู่ในที่ของเธอ!”
“แต่มันเป็นช่วงพักของฉันค่ะ” พูดพร้อมกระพริบตาปริบๆเชิงอ้อนวอน “ตอนนี้คุณแม่คุณนอนกลางวันไปแล้ว น่าจะอีกประมาณสามชั่วโมงกว่าท่านจะตื่น ขอฉันไปด้วยคนนะคะ ฉันอยากได้นิยายสักเล่ม...”
“น่ารำคาญจริง!”
เธอยกสามนิ้วขึ้นในระดับเดียวกับปากเฉาะเลาะแดงระเรื่อสวยนั่น
“ฉันสัญญาว่าจะไม่รบกวนคุณเลยค่ะ จะอยู่เงียบ ๆ จะไม่พูด ไม่ถาม ไม่...”
“พอเถอะ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคนอย่างเธอจะอยู่เงียบๆได้ ห้ามตามมาเด็ดขาด ไม่งั้นเจอดี!”
“อะไรคะ ที่ว่าดี”
“กวนเหรอ”
เธอหน้าจ๋อย “ก็แค่ล้อเล่นเองค่ะ”
“ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นเธอ”