ณ ทางออกสนามบินดอนเมืองในเวลาสามทุ่มครึ่ง หญิงสาวร่างบางในชุดเดรสกระโปรงสีขาวแขนกุดที่สวมทับด้วยเสื้อแขนยาวตัวบางสีเดียวกันเดินอุ้มตุ๊กตาแพนกวินตัวจิ๋วออกมายังหน้าประตูทางออก ดวงตากลมโตราวลูกแก้วสีใสแวววับจับจ้องไปยังรถแท็กซี่ที่กำลังจอดส่งผู้โดยสาร
เธอขยับฝีเท้าลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สีชมพูบานเย็นตรงไปยังรถแท็กซี่คันนั้นก่อนจะเอ่ยเสียงใสคุยกับพนักงานขับรถ เธอกล่าวสองสามประโยคก็เปิดประตูรถขึ้นไปนั่ง
ระหว่างทางก็กดส่งข้อความหาพี่ชายสายเลือดเดียวกันที่มีอายุห่างกว่าสองปี
แก้มใส : เฮียกันต์หนูกำลังจะไปหานะ
คิ้วเรียวยาววางพาดอยู่บนดวงตาคู่โตสีน้ำตาลสดใส ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักมองออกไปยังวิวทิวทัศน์ข้างทาง แก้มใส เป็นเด็กสาวต่างจังหวัดที่เพิ่งผ่านช่วงวัยมัธยมปลาย เธอสอบได้มหาวิทยาลัยในกรุงเทพอันเป็นสถานศึกษาเดียวกับพี่ชายคนกลาง ครอบครัวของเธอมีลูกชายสองคนและลูกสาวหนึ่งคน
กัปตัน เป็นพี่ชายคนโต มีนิสัยใจดีอ่อนโยนและทำงานละเอียดรอบคอบแต่เวลาดุจะน่ากลัวมาก ปัจจุบันเป็นเภสัชกรเปิดธุรกิจร้านยาอยู่ที่บ้าน
กันต์ธีร์ พี่ชายคนกลาง มีนิสัยขี้เล่นใจนักเลง มักชอบแกล้งหยอกเย้าน้องสาวคนเล็กอย่างแก้มใสเป็นประจำ แต่ถึงอย่างนั้นก็รักน้องสาวมาก ปัจจุบันเรียนอยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์
สุดท้ายคือ แก้มใส น้องเล็กในบ้านที่ถูกเลี้ยงมาดั่งเจ้าหญิง มีนิสัยเรียบร้อยสุภาพแต่บางครั้งก็แอบซุกซนบ้างตามประสาเด็กสาว ปัจจุบันกำลังกลายเป็นนักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ในอีกสองวัน
มาถึงคอนโดสูงระฟ้าใกล้มหาวิทยาลัยแก้มใสก็กดส่งข้อความหาพี่ชายอีกครั้ง แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับเงียบสนิทเธอจึงเปลี่ยนเป็นโทรหาเขาแทน รอสายอยู่สักพักก็ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขปลายทาง
“เพิ่งจะสี่ทุ่มเองนะ นอนแล้วเหรอ” เธอบ่นอุบด้วยดวงหน้าสงสัย
ระหว่างที่กำลังเก็บโทรศัพท์กลับเข้ากระเป๋าประตูลิฟต์ที่อยู่ใกล้ๆ ก็เปิดออกพอดี หญิงสาวตัวเล็กรีบวิ่งเหยาะๆ เข้าไปด้านในพลันแหงนหน้ามองพี่ผู้ชายร่างสูงที่เดินเข้ามาก่อนเธอ
หล่อจัง ความคิดแรกผุดเข้ามาในหัว ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าควรขอให้เขากดลิฟต์ให้เพราะเธอไม่มีคีย์การ์ด แต่ก่อนจะเอ่ยปากหางตาดันเหลือบเห็นหมายเลขชั้นที่เขากดเป็นชั้นเดียวกับที่เธอกำลังจะขึ้นไปพอดี
บรรยากาศในลิฟต์ค่อนข้างเงียบ มีเพียงเสียงถอนลมหายใจเบาๆ จากร่างสูงที่ยืนล้วงกระเป๋าเล่นโทรศัพท์อยู่ข้างเธอ แก้มใสแอบชำเลืองมองก็พบว่าพี่ชายคนนี้มีใบหน้าคมเข้ม คิ้วหนาพาดเฉียงเข้ากับดวงตาคมกริบดั่งมีดปลายแหลม จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากหยักสวย รูปร่างสูงโปร่งกำยำโดยเฉพาะกล้ามแขนที่กระชับได้สัดส่วน
เขาสวมเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนขาวยาวตัวใหญ่ แก้มใสสังเกตเห็นสร้อยคอของอีกฝ่ายก็รู้ได้ทันทีว่าเขาเป็นนักศึกษาคณะวิศวะเหมือนกับพี่ชาย
ติ้ง!
ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออกพี่ชายร่างสูงก็หลบทางให้แก้มใสเดินออกมาก่อน เธอก้มศีรษะเล็กน้อยขอบคุณเขาจากนั้นก็เดินอุ้มตุ๊กตาแพนกวินพร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่พาลากออกไปตามทางเดิน
เธอเงยหน้ามองสูงไปยังป้ายหมายเลขหน้าประตูก่อนจะหยุดเท้าหน้าห้องหมายเลข 8092
กดรหัสผ่านประตูตามหมายเลขที่กันต์ธีร์เคยบอกไว้เข้าไปด้านใน แต่ทันทีที่เข้ามาถึงหญิงสาวก็ต้องผงะนิ่งหลังจากการปรากฏตัวของเธอกลายเป็นที่จับจ้องของกลุ่มหนุ่มหล่อกว่าห้าคน
“ยัยแก้ม?”
พี่ชายตัวดีที่กำลังจะยกแก้วบรรจุน้ำสีชาเข้าปากชะงักนิ่งพลางเอ่ยชื่อน้องสาวด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“มาได้ไงเนี่ยไหนบอกว่าจะมาพรุ่งนี้ตอนเช้าไง”
แก้มใสยังไม่ทันได้เอ่ยตอบคำถามพี่ชาย ประตูหน้าห้องที่ยังไม่ทันปิดก็ถูกดึงให้ปิดลงด้วยฝีมือของใครบางคน เมื่อเธอหมุนตัวหันกลับไปดูก็พบว่าคนที่ปิดประตูและกำลังก้าวเท้าเข้ามาในห้องคือชายหนุ่มคนเดียวกับที่เธอเจอในลิฟต์คนนั้น
ทั้งสองคนต่างมองหน้ากันแต่เพียงครู่เดียวก็ถูกขัดจังหวะ กันต์ธีร์รีบลุกพรวดจากพื้นพรมตรงมาหาน้องสาวของเขาก่อนจะยกมือขึ้นมาหยิกแก้มเธอเบาๆ
“ทำไมไม่โทรหาเฮียให้ไปรับ”
“หนูส่งข้อความบอกเฮียแล้วนะ แต่เฮียไม่ตอบหนูก็เลยนั่งรถแท็กซี่มาเอง”
“แล้วทำไมไม่โทรมา”
“โทรแล้วแต่เฮียไม่รับ”
คำตอบของแก้มใสทำให้กันต์ธีร์รีบหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดูก่อนจะพบว่าตัวเองเผลอเปิดโหมดห้ามรบกวนไว้ ทำให้น้องสาวไม่สามารถติดต่อได้
“เฮียขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิด หากที่บ้านรู้ว่าเขาทำกับน้องแบบนี้ได้ถูกเฮียกัปตันและพ่อแม่หั่นเป็นลูกเต๋าแน่
“มานี่มา” ว่าแล้วกันต์ธีร์ก็จูงมือน้องสาวพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไปยังห้องนั่งเล่นที่บัดนี้มีหนุ่มหล่อกว่าสี่คนและอีกหนึ่งคนที่เพิ่งเข้ามากำลังปาร์ตี้กันอยู่
“แนะนำให้พวกมึงรู้จัก นี่น้องสาวคนเล็กของกูชื่อแก้มใสเป็นเด็กคณะแพทย์”
“ว้าว ไม่คิดเลยว่าไอ้ห่ามอย่างมึงจะมีน้องสาวน่ารักขนาดนี้” หนึ่งในกลุ่มเอ่ยแซว แต่เพียงครู่เดียวก็ถูกกันต์ธีร์สวนกลับไปอย่างรวดเร็ว
“หยุดสายตาหื่นกามของมึงเลยนะไอ้ริว น้องกูบริสุทธิ์ผุดผ่องดั่งน้ำอำมฤตใต้บาดาลอย่าริอาจมองด้วยสายตาสกปรกเด็ดขาด”
“ทำไมต้องน้ำอำมฤตวะ”
“เรื่องของกู”
“มึงแม่งชอบใส่ร้ายว่ะ” คนที่ชื่อริวเบ้ปากก่อนจะหันไปยิ้มหวานให้แก้มใส “สวัสดีครับน้องแก้มใส พี่ชื่อริวนะ”
แก้มใสยิ้มน้อยๆ ทักทายกลับ
“น้องเขาดูกลัวมึงนะไอ้ริว” หนุ่มหล่ออีกคนที่นั่งข้างคนชื่อริวเอ่ยขึ้นพลางหัวเราะ คนนี้ไม่ได้ดูเจ้าชู้เหมือนคนแรกและดูเป็นมิตรกว่าพี่ชายตัวสูงที่อยู่ในลิฟต์ก่อนหน้านี้เล็กน้อย
“สวัสดีครับพี่ชื่อไนน์นะ” ร่างบางพยักหน้าลงและยิ้มอีกครั้ง
“ที่นั่งเมาแอ๋อยู่ข้างไอ้ริวตรงนั้นชื่อไอ้อชิ ส่วนที่นั่งเก๊กหล่อนี่ชื่อไอ้สกาย”
กันต์ธีร์แนะนำไปทีละคนจนครบวง “สวัสดีค่ะ” คนขี้อายเอ่ยทักทายเพื่อนพี่ชายด้วยน้ำเสียงใสเป็นมิตรที่เหล่าบรรดาหนุ่มๆ เห็นแล้วก็อดรู้สึกเอ็นดูไม่ได้
“แล้วก็คนสุดท้าย” แก้มใสมองตามสายตาของพี่ชายไปยังอีกคนที่ยืนเงียบอยู่ด้านหลังเธอมาตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว
“ชื่อล่าคลื่น” แก้มใสเผลอสบตาเขาอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเขาเองก็กำลังมองอยู่เธอจึงยกยิ้มทักทายก่อนจะเบนสายตากลับไปมองหน้าพี่ชายตัวเอง
“หนูเหนื่อยแล้วง่วงนอนด้วย” ท่าทางออดอ้อนเหมือนเด็กน้อยทำให้กันต์ธีร์อดไม่ได้ที่จะกอดโอ๋เธอเหมือนตอนเด็กๆ
“งั้นเดี๋ยวเฮียพาไปที่ห้อง”
“อื้ม”
กันต์ธีร์จูงมือน้องสาวเข้าไปในห้องปีกซ้ายซึ่งเดิมทีเป็นห้องนอนของล่าคลื่นก่อนเขาจะย้ายออกไปอยู่ห้องฝั่งตรงข้ามแทน
ส่งน้องสาวเข้าห้องเสร็จก็ออกมาปาร์ตี้กับเพื่อนต่อ
“ไม่บอกพวกกูวะว่าน้องมึงจะมาวันนี้” สกายเอ่ยหน้าตายพลางกระดกเหล้าเข้าปากต่อ
“บอกได้ไงกูเองยังไม่รู้เลยว่ายัยแก้มจะโผล่มา”
“ก็มัวแต่ปิดโทรศัพท์หนีแม่เสือสาวสองคนนั้นอยู่ไงถึงได้ไม่รู้ว่าน้องสาวตัวเองกำลังจะมา” อชิที่เมากึ่มๆ เอ่ยถากถางพลางกลั้วหัวเราะตามประสาคนกึ่งเมากึ่งตื่น
“แต่ว่าก็ว่านะน้องมึงดูไม่เหมือนมึงเลยสักนิด” ริวว่าพลางกวาดสายตามองเพื่อนสนิทตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ไม่เหมือนตรงไหน” กันต์ธีร์โต้ถามกลับ
“ทุกตรงโดยเฉพาะนิสัย”
“ก็เด็กผู้หญิงเปล่าวะจะให้มาดิบห่ามแบบกูก็ไม่ใช่ หรือจะให้กูไปถือตุ๊กตาเพนกวินน้อยแบบที่น้องทำก็ไม่ได้ปะ”
ริวหลุดหัวเราะรั่วด้วยกำลังจินตนาการถึงภาพกันต์ธีร์ใส่ชุดเดรสของน้องสาวแล้วถือตุ๊กตาเพนกวินน้อยตัวนั้น
“โอ้ยอีเหี้ย กูจะอ้วกฮ่าๆ ๆ ๆ” มันว่าพลางหัวเราะจนตัวสั่น
แก้มใสได้ยินเสียงพี่ๆ หัวเราะเสียงดังก็แอบแง้มประตูออกมาดู เธอง่วงแล้วแต่พวกพี่ๆ กลับพูดคุยกันเสียงดังจนนอนไม่หลับ ล่าคลื่นสังเกตเห็นเจ้าตัวน้อยโผล่หน้าออกมาจากในห้องจึงกระดิกนิ้วเรียก
แก้มใสไม่แน่ใจว่าล่าคลื่นเรียกตัวเองไหมจึงยกนิ้วชี้หน้าตัวเองเพื่อยืนยัน เมื่อเห็นเขาพยักหน้าลงเธอจึงเดินดุ่มๆ ตรงเข้าไปหาเขาที่นั่งอยู่บนโซฟาคนเดียว
คนอื่นๆ ที่นั่งอยู่บนพื้นต่างหันมองตาม
ล่าคลื่นไม่ได้เอ่ยอะไรทำเพียงยื่นคีย์การ์ดหนึ่งใบมอบให้แก้มใส เธอมองคีย์การ์ดในมือเพื่อนพี่ชายด้วยสายตางุนงง
“ไปนอนห้องพี่ก่อนก็ได้ตื่นแล้วค่อยกลับมา” พูดจบก็ชี้นิ้วออกไปทางประตู “อยู่ห้องฝั่งตรงข้าม”
“เชรดดด คนหวงห้องอย่างคุณชายล่าคลื่นทำไมวันนี้ใจดีจังวะ” ริวเอ่ยแซว
“เพราะมึงไงหัวเราะจนน้องนอนไม่ได้” สกายก่นด่า
แก้มใสมองคีย์การ์ดที่ล่าคลื่นยื่นให้อย่างลังเลพลางหันไปมองหน้าพี่ชาย กันต์ธีร์พยักหน้าลงเห็นด้วยเพราะรู้ดีว่าหากปาร์ตี้เริ่มแล้วก็คงไม่จบลงง่ายๆ เขาเองก็ไม่รู้ว่าน้องจะมาวันนี้เลยเปิดปาร์ตี้ชนกัน
“ขอบคุณค่ะ” แก้มใสตกลงรับคีย์การ์ดจากเพื่อนพี่ชายก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องแล้วลากกระเป๋าเดินทางออกมา
“คือว่า...” เธอหันมองล่าคลื่นอีกครั้งก่อนจะเอ่ยถามเขาด้วยน้ำเสียงกล้าๆ กลัวๆ กึ่งเกรงใจ “หนูขอใช้ห้องน้ำด้วยได้ไหมคะ”
“ตามสบาย”
“ขอบคุณค่ะ”
หลังจากคนน้องเดินจากไปแล้วกันต์ธีร์ก็ย้ายที่นั่งจากบนพื้นขึ้นมานั่งข้างล่าคลื่นบนโซฟาแทน ยื่นแก้วเหล้าชนกันจนเกิดเสียงปะทะดังเคร้ง
“ไว้กูเลี้ยงข้าวขอบคุณนะ”
ล่าคลื่นยกมุมปากยิ้มพร้อมกับพยักหน้าลงเล็กน้อยตอบรับคำเชิญของเพื่อน