“อื้อ! ทำไมปวดหัวแบบนี้นะ”
เสียงบ่นอู้อี้ดังขึ้นพร้อมกับตาสวยที่พยายามเปิดขึ้น แต่พอมองไปรอบๆ มันกลับไม่ใช่ห้องของตัวเอง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเป็นปมทันที
“ห้องใครวะ!!” เสียงหวานเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ
“ห้องกู” เสียงเรียบเย็นเฉียบตอบออกมาจนคนฟังถึงกับขนลุก ก่อนจะหันกลับมาที่ต้นเสียง เธอกะพริบตาถี่ๆ มองเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันเกือบสามปี ตั้งแต่จบมัธยมอีกฝ่ายก็ไปเรียนต่อเมืองนอก
“ไอ้ทิว มึงมาได้ไง”
“หึ! ถ้ากูไม่มาเมื่อคืนมึงคงได้ผัวเป็นโขยงแล้วมั้ง ดื่มไม่เป็นยังจะอวดเก่งอีกนะ”
“ไม่เป็นก็ต้องหัดสิ ไม่งั้นจะคอแข็งได้ไง”
จบคำพูดข้างๆ คูๆ ของแพรไหม ทิวากรก็ใช้นิ้วจิ้มลงที่หน้าผากเนียนของเพื่อนสาวทันที ไม่เจอกันแค่สามปีอีกฝ่ายก็เปลี่ยนไปมากจนเขาแทบจำไม่ได้ ถ้าเพื่อนในกลุ่มไม่บอกก็คงไม่รู้แน่ ใครจะคิดว่ายายแว่นหนาเตอะ จะกลายมาเป็นสาวฮอตได้ขนาดนี้
“ไปอาบน้ำตัวเหม็นแต่เหล้า”
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวกลับไปอาบที่ห้อง ขอบใจนะที่พากลับ ว่าแต่มึงไม่ได้ทำอะไรกูใช่ป่ะ”
“หึ! ทำหรือเปล่าดูไม่ออกเหรอ หรือว่า”
ทิวากรพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น เขาโน้มตัวลงมาหาเพื่อนสาวซึ่ง จู่ๆ เธอก็หน้าแดงขึ้นมาเสียดื้อๆ
“ถอยเลยกูจะไปอาบน้ำ” มือเล็กผลักไปยังอกแกร่งที่มันขยับเข้าใกล้ จนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน ร่างเพรียวซึ่งยังอยู่ในชุดเดรสสีขาวขับผิวจนน่ามอง ยืนหันซ้ายขวาอยู่ปลายเตียง
ก่อนจะมองกลับมายังเพื่อนหนุ่มที่จ้องเธออยู่ นิ้วเรียวชี้ไปยังห้องน้ำเป็นคำตอบ แพรไหมพาตัวเองเข้าไปขลุกอยู่ในนั้นนานเกือบครึ่งชั่วโมง เพราะอดตื่นเต้นไม่ได้ที่ได้พบกับคนของใจอีกครั้ง ทั้งที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นกันอีกแล้ว เพราะข่าวล่าสุดเขากำลังจะหมั้น และนั่นมันทำให้เธอเริ่มพาตัวออกมาจากกรอบที่เคยสร้างเอาไว้
แต่วันดีคืนดีก็มาอยู่บนเตียงเดียวกับเขาซะงั้น แบบนี้จะไปต่อยังไงได้ อุตส่าห์คิดว่าตัดใจได้แล้วแท้ๆ พอเจอหน้าถึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด ทิวากรยังคงเหมือนเดิม พูดคุยอย่างที่เขาเคยเป็น
“เอาไงดี กลับคอนโดเลยดีกว่า”
เมื่อคิดได้แบบนั้นเธอก็เปิดประตูออกมา ใบหน้าที่ล้างเครื่องสำอางออกมันดูต่างจากตอนเข้าไปมาก เพราะไม่แต่งนั้นดูจะสวยกว่าเวลาแต่งเยอะ ทำเอาคนที่นั่งรอใช้ห้องน้ำถึงกับชะงักนิ่งไป
เขามองสำรวจเพื่อนที่เคยสนิทที่สุดราวกับคนแปลกหน้า มันคงเป็นอย่างนั้นเพราะอีกฝ่ายเปลี่ยนไปมาก มากจริงๆ เขาจ้องจนแพรไหมทำอะไรไม่ถูก
“เอ่อ กูจะกลับแล้ว ขอบคุณอีกครั้งนะ”
“นั่งรอเดี๋ยวไปส่ง”
“เห้ย! ไม่เป็นไรกูกลับเองได้”
“แพรไหม เดี๋ยวกูไปส่ง” ทิวากรกดเสียงใส่อีกฝ่าย จนเธอยิ้มแห้ง และเดินมานั่งที่เตียงเพื่อรอเขา ไม่นานคนหล่อในใจเธอก็ออกมา พร้อมกับผ้าเช็ดตัวที่ผูกเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่ เธอกลัวว่ามันจะหลุดลงมาเหลือเกิน
แต่ที่ดึงดูดสายตาได้มากก็ตรงซิกแพกที่มันมาเป็นลอนจนน่าลูบนั้นต่างหาก ไหนจะขนที่มันขึ้นยาวเป็นแพไล่ลงมาจนถึงปมผ้าอีก ลำคอระหงตอนนี้มันเคลื่อนตัวเหมือนคลื่นน้ำ เป็นเพราะแพรไหมอดไม่ได้ที่จะลอบกลืนน้ำลายในตอนมองสำรวจหุ่นมึงแบบของเเพื่อนที่เคยสนิท
“มองอะไรนักหนา ไม่เคยเห็นหุ่นผู้ชายหรือไง”
แพรไหมได้สติหันหนีทันที แต่สิ่งที่ไม่ลืมก็คือการส่ายหัวเป็นคำตอบ ส่วนมากก็ดูแต่ในโซเชียลนั่นแหละ
คิ้วหนาขมวดเป็นปม ก่อนเขาจะยกยิ้มเมื่อเห็นอาการของเพื่อนสาว แล้วจึงเดินไปแต่งตัวอีกด้านซึ่งมีตู้เสื้อผ้ากั้นไว้เป็นสัดส่วน เรียกได้ว่าห้องที่เขาอยู่นี้มันใหญ่มาก ยังไม่รวมถึงด้านนอกที่แพรไหมคิดว่ามันคงเป็นส่วนของห้องรับแขกนั่นแหละ
“ใส่ไว้เดินออกไปทั้งอย่างนี้คนอื่นคงคิดว่าฉันหิ้วผู้หญิงกลางคืนมาแน่”
“แล้วปกติมึงไม่ได้พามาที่นี่เหรอ”
แพรไหมเอ่ยถามในขณะที่สวมเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่าย
“กูไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนมาในที่ส่วนตัว”
เธอชะงักแขนที่กำลังสอดเข้าไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบทำตัวตามปกติ แล้วเดินตามร่างสูงออกไป เพียงเท่านั้นก็ได้เห็นถึงความโอ่อ่าของที่นี่ มันกว้างเรียกว่ากว้างมากๆ คงเกือบทั้งชั้นเลยมั้งสำหรับที่นี่ เธอกวาดตามองรอบตัวเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้ราคาคงหลักแสนหลักล้านทุกชิ้น
“รวยเวอร์” ถ้อยคำที่มันดังขึ้นในใจเธอตอนนี้ แต่ก็ยังก้าวเท้าตามอีกฝ่ายไปจนถึงประตูห้อง
“เอามือมานี่” เขาสั่งเธอราวกับเจ้านาย
“ทำไม?” แพรไหมยังคงถามในสิ่งที่ตัวเองสงสัย แต่ก็กระจ่างเมื่อเขาดึงมือเธอ และจับนิ้วกดลงยังเครื่องแสกน เพียงเท่านั้นสาวสวยก็เข้าใจได้ทันที
“เผื่ออยากมาที่นี่อีก”
เขาตอบเสียงเรียบ ก่อนจะเปิดประตูเดินนำออกไป ทิ้งให้แพรไหมยังคงคาใจอยู่อย่างนั้น เพราะเมื่อกี้เขายังบอกไม่ชอบให้ใครมายุ่งในที่ส่วนตัวอยู่เลย จนทั้งคู่เข้ามาในลิฟต์แล้วนั่นแหละถึงได้สติตอนที่เจอกับพนักงานคอนโด
เพราะนิติบุคคลซึ่งพาลูกค้าขึ้นมาดูห้องพักทักทั้งคู่ขึ้น เมื่อเจอหนุ่มสาวและเธอรู้จักดีอยู่ในลิฟต์ที่ลงมาจากชั้นบนด้วยกัน จึงอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย
“คุณทิวากรตื่นเช้าจังนะคะ น้องไหมจะไปไหนแต่เช้าคะเนี่ย ไหนว่าวันนี้ไม่มีเรียน”
ศิริผู้ดูแลเอ่ยถามขึ้น ทำให้แพรไหมถึงกับขมวดคิ้วสงสัย ซึ่งไม่ต่างจากคนตัวโตที่ยืนอยู่ข้างๆ
“พี่มาอยู่นี่ได้ไงคะ” เธอถามออกไปอย่างงงๆ
“น้องไหมทำไมถามแบบนี้ พี่ก็ทำงานอยู่ที่นี่ทุกวัน นี่เมื่อคืนดื่มหนักจนจำไม่ได้เหรอว่ากลับมาที่คอนโดแล้ว”
พอได้ยินแบบนั้นเธอก็รีบสำรวจสิ่งรอบข้างทันที พอดีกับหันมาเจอเพื่อนยืนกอดอกมองอย่างจับผิด เมื่อมองทุกอย่างดีแล้ว สาวสวยก็หน้าแดงจนถึงหูทันที แต่มันก็ไม่ทันแล้วเพราะลิฟต์ลงมาถึงข้างล่างจนต้องออกมายืนงงต่อ
“ไหมคงดื่มมากไปจริงๆ งั้นกลับขึ้นไปเลยดีกว่า”
“อย่าพึ่ง กูหิวไปนั่งเป็นเพื่อนหน่อย”
“สภาพนี้ยังจะให้ไปนั่งด้วยเหรอ”
“นี่น้องสองคนรู้จักกันด้วยเหรอคะ”
ศิริถามในสิ่งที่สงสัยทันที เพราะตะหงิดใจตั้งแต่ลิฟต์เปิดออกมาแล้วทั้งคู่อยู่ด้วยกัน เพราะมันเป็นชั้นส่วนตัวที่มีแค่ทิวากรใช้เท่านั้น หรือไม่ก็คนสนิทของเขาซึ่งวันนี้ก็นั่งรออยู่ด้านล่างเหมือนทุกวัน
“แพรไหมเป็นเพื่อนตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยมครับ แยกกันตอนเรียนมหาลัย ตอนนี้ก็ยังเป็นเพื่อนเหมือนเดิม”
คนฟังถึงกับเบ้ปากใส่ไปหนึ่งที
“เชอะ! ไม่เห็นต้องย้ำเลยว่าเป็นแค่เพื่อน ฉันเลิกชอบคุณมึงไปแล้วย่ะ ขาอ่อนฉันก็ไม่ได้เห็นหรอก”
คนสวยมัวแต่ตอบคำถามเพื่อนในใจ จนไม่ทันสังเกตว่าเขายืนมองสีหน้าเธออยู่ พร้อมกับริมฝีปากที่ยกขึ้นหนึ่งข้างตามปกติที่เขาชอบทำ ก่อนจะดึงแขนเล็กให้ตรงไปที่คาเฟ่ของคอนโด ซึ่งช่วงเวลานี้ก็มีคนวัยทำงานและนักศึกษาที่ตื่นเช้ากำลังดื่มด่ำกับรสชาติของกาแฟในช่วงวันหยุด
“อุ๊ย! นั้นคุณทิวากรเจ้าของคอนโดนี่หน่า”
“จริงด้วย เห็นว่ากลับมารับช่วงต่อจากคุณพ่อที่เสียไป”
“แต่น่าเสียดายที่มีคู่หมั้นแล้ว”
เสียงจากนักศึกษาสาวสามคนซึ่งนั่งอยู่มุมหน้าต่างซุบซิบกันจนมันดังถึงโต๊ะข้างๆ
“แหม! มึงไปอยู่ไหนมานังแจน เขาถอนหมั้นกันแล้วจ๊ะ เห็นว่าผู้หญิงทนความเย็นชาไม่ไหว เพราะนอกจากเรียนคุณทิวากรก็ไม่สนใจอย่างอื่นเลย”
“แน่ใจนะว่าข่าวไม่ผิด”
“ชัวร์! จ้า ไม่งั้นเขาจะเรียนจบภายในสองปีครึ่งได้ไง แม่คนนั้นก็ใจร้อนเกิ้น รออีกสักหน่อยก็ไม่ได้ เห็นไหมพอเขาเรียนจบก็กลับมาช่วยธุรกิจที่บ้าน”
“จริงด้วย ตระกูลนี้โคตรรวย”
เสียงของสามสาวพูดคุยกันยังไม่จบแค่ตรงนี้ ยังลามไปถึงคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับหนุ่มหล่อที่พวกเธอพูดถึงอีก เพราะต่างก็รู้จักดีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
“แล้วพี่แพรไหมมากับคุณทิวากรได้ยังไง ดูจากการแต่งตัวเหมือนพึ่งจะตื่นด้วยซ้ำ ไม่ใช่ว่าหิ้วกันมาหรอกนะ”
เสียงของสามสาวดังขึ้นจนคนที่นั่งโต๊ะข้างๆ ต้องลุกขึ้นมาตักเตือนพวกเธอเสียหน่อย ไม่งั้นคงเลยเถิดแน่
“แพรไหมเธอไม่ได้ถูกทิวากรหิ้วมาหรอก แต่ทิวากรมันอุ้มกลับห้องมาด้วยต่างหาก เพราะเธอเป็นเพื่อนผู้หญิงเพียงคนเดียวของเขา ที่คบกันมาตั้งแต่ประถมจนถึงเดี๋ยวนี้ เพราะฉะนั้นพูดจาอะไรควรให้เกียรติคนเพศเดียวกันด้วยนะครับ และอีกอย่างเธอก็เป็นเพื่อนของผมคนหนึ่งเหมือนกัน การที่คุณพูดจาไม่ให้เกียรติเพื่อนผมแบบนี้ควรต้องทำยังไงดีครับ”
อาทิตย์ หรือซัน เพื่อนสนิทอีกคนของแพรไหม จึงไม่แปลกที่เขาจะหงุดหงิดเมื่อมีคนเอ่ยถึงเพื่อนแบบนี้ ตอนแรกก็กะจะลุกไปตั้งแต่สองคนนั้นนั่งลง แต่พอได้ยินเสียงสาวสาวหน้าตาดีพูดขึ้นก็เลยต้องนั่งต่อ ปล่อยให้คนสนิทอีกคนของทิวากรเดินไปหาทั้งคู่แทน
“ขอโทษนะคะเราไม่รู้จริงๆ”
“ระวังจะถูกทัณฑ์บนที่มหาลัยไม่รู้ตัวนะครับ”
ที่พูดแบบนี้ก็เพราะอาทิตย์คือทายาทมหาลัยที่พวกเธอเรียนอยู่ และเขาก็นั่งตำแหน่งบริหารโดยที่ไม่มีใครรู้ พอขู่อีกฝ่ายจบก็เดินไปหาเพื่อนสนิททั้งสองทันที
“กว่าจะลงมาได้นะมึงสองคน เสร็จกันไปกี่น้ำแล้ว”
“กูยังไม่ได้อาบน้ำเลย”
คำตอบของเพื่อนสาวทำเอาคนที่ชอบทำหน้านิ่งถึงกับกลั้นขำไม่อยู่ ไม่ต่างจากอาทิตย์และเก่งคนสนิทของทิวากรที่ส่งเสียงหัวเราะออกมาเช่นกัน
“เป็นบ้าอะไรกันพวกมึงเนี่ย อยู่ๆ ก็หัวเราะ พี่เก่งก็เป็นไปกับเขาด้วยนะคะ”
แพรไหมมองค้อนสามหนุ่มที่ดูเหมือนจะเห็นคำพูดเธอเป็นเรื่องตลก ก็ใครมันจะไปเข้าใจความหมายที่เพื่อนชายสื่อล่ะ ก็เธอมันออกจะใสซื่อกับเรื่องพวกนี้ แม้จะขัดกับบุคลิกเวลาออกเที่ยวก็เถอะ แต่ทุกครั้งที่ไปจะต้องมีอาทิตย์อยู่ด้วย ถ้าเขาไม่ว่างก็คือหน้าที่ของลูกน้องคนสนิทอย่างภพภูมิที่จะคอยเก็บเธอต่อถ้าหากเมา
# นิยายเรื่องนี้เป็นแนวอ่านง่ายไม่ซับซ้อนอะไร มีแค่ 16 ตอนนะทุกคน ออกแนวพระเอกกินจุ กินบ่อย เห็นหน้าเป็นต้องกิน ใครไม่ชอบแนวนี้ผ่านได้นะ
#ฝากกดใจด้วยนะคะ เป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยน๊า