"ฮึกๆ ฮือๆ "
"เลิกร้องไห้ได้แล้ว แล้วก็เลิกทำหน้าเหมือนจะตายสักที แค่นี้มันไม่ตายหรอกน่า"
เมื่อทุกอย่างจบลง ทุกสิ่งทุกอย่างก็เข้าสู่โหมดปกติ เบตงก็คือเบตงคนที่ไม่แยแสเรื่องแค่นี้ ผู้หญิงหลายคนที่ตกเป็นของเขา ส่วนมากจะระริกระรี้ดีใจกันทั้งนั้น แต่กับยัยคนนี้กลับมานั่งร้องไห้ขี้มูกโปร่งจนเขาเริ่มจะรำคาญขึ้นมา
"เอา...กินเข้าไป"
เบตงยื่นแก้วน้ำพร้อมกับกล่องอะไรบางอย่างให้เธอ จนสาวน้อยหยิบขึ้นมาดูด้วยใบหน้าที่งุนงง
"ยาคุมฉุกเฉิน อย่าบอกว่าไม่รู้จัก "
สาวน้อยพยักหน้า จนคนที่หยิบยามาให้ถึงกับส่ายหัวด้วยความทึ่งในความใสซื่อของเธอ
"เมื่อกี้ฉันแตกในไปสี่ครั้ง ถ้าไม่อยากท้องทั้งที่ยังเรียนแค่ปีหนึ่ง ก็กินมันเข้าไปและอีกสิบสองชั่วโมงก็กินอีกเม็ดเข้าใจไหม กินแล้วก็นอนได้แล้ว อย่ามาร้องไห้คร่ำครวญกับเรื่องแค่นี้...กิน!"
ชายหนุ่มแกะยาออกมาแล้วยัดใส่ในปากของเธอ ก่อนสาวน้อยจะยกน้ำขึ้นดื่มตามจนหมดแก้ว จากนั้นเขาก็กระชากแก้วออกมาจากมือเธอ แล้ววางไว้บนหัวเตียง ก่อนจะดึงร่างเล็กเข้ามากอดแนบอกแล้วนอนลงบนเตียงกว้างไปด้วยกัน ร่างบางในอ้อมกอดของเขายังคงสะอื้นเบาๆ ไม่หยุด แม้จะมีอ้อมกอดอบอุ่นของเขากอดไว้ แต่กายสาวก็สั่นไหว ราวกับร่างกายเหน็บหนาวและปวดร้าวไปทั่วทั้งหัวใจ
ร่างสองร่างที่นอนกอดก่ายกันใต้ผ้าห่มตั้งแต่ช่วงเช้า จวบจนตอนนี้เวลาล่วงเลยมาถึงตอนบ่ายแก่ๆ ซึ่งเป็นเวลาของค้างคาวรัตติกาลอย่างเบตงต้องแบกสังขารลงไปดูแลไนต์คลับ เขาต้องตื่นเพื่อเตรียมตัวลงไปตรวจเช็กความพร้อมของผับแบบนี้ทุกวัน และเขาก็ชินกับการนอนกลางวันและออกล่ากลางคืนแบบนี้มาเนิ่นนานแล้ว
ร่างสูงลืมตาตื่นขึ้นด้วยความเมื่อยล้า เมื่อร่างหนาสัมผัสได้ถึงไอร้อนที่ระอุอยู่ใต้ผ้าห่มนวมผืนใหญ่ เขาตื่นขึ้นมาด้วยอาการงุนงง เมื่อเนื้อตัวของคนที่เขากกกอดร้อนผ่าวราวกับเปลวไฟ
"เชี่ย! ทำไมตัวร้อนแบบนี้วะ พิมมี่ตื่น! ได้ยินไหม พิมมี่! "
เบตงดึงผ้าห่มที่ห่อร่างของสาวน้อยออก ก็ปรากฏร่างบางที่กกกอดตัวเองด้วยอาการที่กำลังหนาวสั่น และตามร่างกายของสาวน้อย ก็มีแต่รอยรักสีแดงช้ำ ที่เกิดจากฝีมือเขาเต็มทั่วร่างไปหมด
"โห...นี่กูหื่นอะไรขนาดนั้นวะเนี่ย"
เบตงสบถออกมา พลางดึงผ้าห่มคลุมร่างบางอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นไปเอาผ้าเย็นกับชามใส่น้ำเพื่อมาเช็ดตัวให้เธอ
"อื้อ! ไม่เอา!"
"อยู่นิ่งๆ สิฉันจะเช็ดตัวให้"
"ฮื่อ! หนะ...หนาว"
เบตงบรรจงเช็ดเนื้อตัวที่ร้อนรุ่มราวกับไฟให้เธอ แต่ร่างน้อยกลับพยายามปัดป้องและดิ้นไปมา เมื่อสัมผัสได้ถึงความเย็นจากเนื้อผ้า ร่างบางก็สั่นสะท้าน ทั้งนอนขดจนตัวงอด้วยความหนาวจับใจ
"ถึงกับไข้แตกเลยเหรอยัยจิ๋ว เธอนี่บอบบางจริงๆ "
เบตงบ่นออกมา ทั้งที่ในใจกับกำลังกังวลหนักหนา ก่อนนี้ที่เขาเคยเปิดบริสุทธิ์ผู้หญิง ก็ไม่เคยเห็นว่าใครจะถึงขั้นไข้แตกขนาดนี้ ความกังวลใจจนไม่รู้จะทำยังไงดี ทำให้ชายหนุ่มถึงกับเอื้อมไปคลี่จุดซ่อนเร้นแสนบอบบางของเธอเพื่อเปิดดู
"แม่ง! ทำไมบวมแดงขนาดนี้วะ"
เบตงหันไปหยิบผ้าเย็นผืนใหม่มาแกะ แล้วก็แปะซับลงไปที่จุดกลางกายของสาวน้อยเบาๆ พอเขาเช็ดทำความสะอาดและรูดผ้าขึ้นมาดูก็ถึงกับตกใจ เมื่อร่องกายสาวที่ถูกเขาทะลวงภายในเกิดการฉีกขาด จนมีลิ่มเลือดไหลซึมออกมา เบตงถึงกับกลืนน้ำลายอย่างลำบากใจ เมื่อเขาทนดูความโหดร้ายที่เกิดกับเธอไม่ได้ ทั้งที่หลักฐานทุกอย่างล้วนแล้วแต่เกิดจากฝีมือของเขา แต่เบตงกับรู้สึกเจ็บปวดและรวดร้าวแทนเธอ
ร่างสูงในเสื้อคลุมอาบน้ำ เดินวนไปมาอยู่ในห้องบัญชีชั้น4 ในมือกำโทรศัพท์มือถือแน่น แต่ไม่ได้คิดจะกดโทรหาใคร นิ้วเรียวยาวเคาะรัวๆ บนโต๊ะทำงานอย่างร้อนรนใจ จวบจนนาทีที่ร่างกำยำของใครคนหนึ่งที่เขากำลังรอพบเดินเข้ามา
"อาสี่!"
"อ้าว! เฮียตง ผับจะเปิดแล้ว ทำไมยังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าอีก"
คนที่เป็นผู้ใหญ่กว่าเอ่ยถาม เชิงตำหนิและตักเตือน แต่คนที่กำลังร้อนรนกลับไม่สนใจฟัง เขาเลือกที่จะเอ่ยถามธุระของตัวเองอย่างรอไม่ได้
"เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน วันนี้เจ๊ลิ้งมาไหม"
"วันนี้ดาร์ลิ้งไม่มามีจ๊อบที่อื่น เฮียมีอะไร ทำไมต้องร้อนรนแบบนั้น"
"ยัย...ยัยจิ๋วป่วย"
"ป่วย?" คนเป็นลูกน้องถึงกับทำหน้างง
"อืม!" แต่เบตงตอบเพียงสั้นๆ
"ป่วยได้ไง เมื่อวานก็เห็นดีๆ อยู่เฮียหักคอเธอหรือยังไง"
"จะบ้าเหรอ?"
"ป่วยแบบไหน ให้ผมเรียกหมอมาตรวจให้ไหม"
"ไม่ได้ มันคงไม่ร้ายแรงขนาดนั้นมั้ง"
พิรุธของเจ้านายหนุ่มทำให้ ลูกน้องที่มีความเป็นผู้ใหญ่กว่าเริ่มเข้าใจ อาสี่เดินไปนั่งลงบนโต๊ะแล้วยิ้มกริ่มอย่างนึกขำเจ้านายหนุ่มของตัวเอง อาสี่เห็นเขามาตั้งแต่เด็กจนโต นายน้อยของเขาไม่เคยร้อนรนใจเพราะใครมาก่อน สงสัยสาวน้อยที่นอนอยู่ในห้อง คงมีสิทธิพิเศษเหนือจิตใจนายน้อยของเขาซะแล้ว