"ถ้างั้นก็ลองโทรหาอาแจ้ของเฮียดูสิ ผู้หญิงอาจจะเข้าใจดีกว่า"
อาสี่แนะนำโดยไม่หันไปมองหน้าเขา เพราะกลัวเจ้านายจะอาย ในขณะที่เจ้านายของเขาก็เหมือนจะนึกทางออกได้จึงได้กดโทรศัพท์ต่อสายหาใครบางคน
"ฮะโหล...โชกุน"
[ว่าไงเพื่อน /อุแว้...อุแว้/ชูว์ๆ อย่าร้องนะครับลูก...โอ๋ๆ]
"มึงทำอะไรอยู่วะ"
[กูอุ้มลูกอยู่/อุแว้...อุแว้]
"อ้าว! แล้วพี่กูอ่า"
[ชงนมอยู่...หม่าม้าเสร็จรึยัง ลูกร้องแล้วครับ ปะป๊าจะคุยกับแบท มาอุ้มลูกก่อนเร็ว]
"โอย...กูโทรมาผิดเวลาไหมเนี่ย ชีวิตมึงกับพี่กูนี่วุ่นวายดีเนอะ"
[มาแล้วค่ะ/เอ้อ...ต่อๆ มึงมีอะไรเหรอ]
"กูถามจริง มึงเหนื่อยไหมทั้งทำงาน ทั้งกลับมาเลี้ยงลูกช่วยพี่กูเนี่ย"
[เหนื่อย...แต่กูมีความสุข ผู้หญิงน่ะเขาเหนื่อยกว่าเราหลายอย่าง อะไรช่วยได้ก็ช่วย มันก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงหรอก อีกอย่างลูกก็ลูกของเราด้วยเช่นกัน ช่วยกันเลี้ยงสนุกดีออก]
"เออ...ครอบครัวสุขสันต์ น่าอิจฉาว่ะ"
[มึงก็หาสักคนดิ คุณพ่อบ่นทุกวันว่าเมื่อไหร่จะได้หลานสืบสกุลตัวเองบ้าง จะแย่งลูกกูไปใช้นามสกุลด้วยแล้วเนี่ย ขนาดกูได้ลูกชายสองคนยังจะแยกให้ใช้คนละนามสกุล พ่อกูกับพ่อมึงจะตีกันตายแล้ว]
"เฮ้อ! กูยังไม่รีบว่ะ"
[เออ...แล้วนี่มึงโทรมาหากูมีอะไร]
เพราะมัวแต่ยุ่งกับชีวิตสุขสันต์ของพี่สาวและเพื่อนรัก เบตงเลยลืมเรื่องที่จะถามไปซะสนิท พอโชกุนทักขึ้นแบบนี้ถึงนึกได้
"กูถามตรงๆ นะตอนที่มึงเปิดซิงพี่กู เจ๊แกป่วยไหมวะ"
[ป่วยยังไงวะ]
"ก็ถึงกับ...ไข้แตกอะไรแบบนี้ มีไหม"
[เอ...ก็ไม่นะ ก็ปกติ จะมีก็เดินลำบากมั้ง แต่เป็นแค่วันแรกอ่ะ กูก็ไม่ได้สังเกตว่ะ ทำไมวะ หรือว่า...มึงไปเปิดซิงใครจนไข้แตกวะ สารภาพมาซะดีๆ ไอ้น้องเมีย]
" บ้า! ไม่มี๊! กูก็แค่ถาม"
[เสียงสูงไปแล้วมึงอ่ะ ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก เอางี้...รอแป๊บ]
ปลายสายหายไปพักใหญ่ ก็มีเสียงใสๆ ดังขึ้นมาให้หายคิดถึง
[แบท...ฟังแจ้นะ แจ้จะไม่ถามรายละเอียด ถ้าแบทไม่พร้อมบอกแต่แจ้จะช่วยบอกวิธี เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เธอบ่อยๆ จนกว่าไข้จะลด ถ้าไข้สูงอาจต้องมีคนเฝ้าทั้งคืน บอกอาสี่ให้คนไปซื้อยาที่คลินิกให้ เดี๋ยวแจ้ส่งรายการให้ในแชต เอาให้เขากินตามหมอสั่ง ที่เหลือก็ดูตามอาการ หาผ้าให้เขาห่มหนาๆ ด้วย เข้าใจไหม]
"เข้าใจแล้ว ขอบคุณครับ"
เบตงรีบกดวางโทรศัพท์ เพราะกลัวได้ยินคำถามจากพี่สาว เขากดดูรายการยาในแชตด้วยใบหน้างุนงง ก่อนจะทวนรายการยาที่พี่สาวส่งพาให้เพื่อจดจำ
"หนึ่งยาแก้ปวดลดไข้ สองยาแก้อักเสบลดอาการบวมช้ำจากภายใน...ทำไมเจ๊นุ่มนิ่มรู้ว่ายัยจิ๋วต้องกินยาพวกนี้วะ"
"อาแจ้บอกว่ายังไงบ้าง ผมจะได้สั่งคนไปจัดการให้"
อาสี่ที่นั่งเงียบอยู่ด้านหลังเอ่ยขึ้น จนเจ้านายหนุ่มหันไปมอง
"ให้คนไปซื้อให้หน่อย"
เบตงวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะทำงานตรงหน้าอาสี่ ก่อนจะบอกเขาให้ถ่ายทอดคำสั่งต่ออีกที
"แล้วนี่ เฮียจะลงไปเปิดร้านไหม"
"ไม่ล่ะ ถ้าใครมาหาก็บอกว่าผมไม่สบาย วันหลังค่อยมาใหม่"
"บอกแล้วว่าให้เบาๆ " อาสี่เอ่ยหยอกเย้า จนเจ้านายหนุ่มถึงกับทำหน้าไม่ถูก
"อย่ามาทำเป็นรู้ใจน่า และก็ห้ามปากโป้งรายงานป๊าเด็ดขาด ไม่งั้นผมจะไล่ไปอยู่กับป๊าให้สมใจเลย"
"ผมก็แค่เตือนในฐานะคนเคยอาบน้ำร้อนมาก่อน ระวังจะถอนตัวไม่ขึ้นนะ"
"ผมรู้ดีว่าไม่มีทางหรอก หายไข้เมื่อไหร่จะเอาไปต้มยำทำแกงที่ไหนก็เชิญ"
"ครับผม"
ร่างสูงรีบหุนหันเดินออกจากห้อง ก่อนจะขึ้นไปยังชั้นบนสุด ที่เป็นพื้นที่ส่วนตัวของตนเอง
"อื้อ! หนาว...มี่หนาว"
"แม่ง! ทำไมเช็ดตัวเท่าไหร่ไข้ก็ไม่ลดเลยวะ ยาก็กินแล้วนี่หว่า โอ๊ย...กูจะบ้าตาย"
ชายหนุ่มนั่งกุมขมับอย่างนึกไม่ออก ว่าจะช่วยคนที่นอนซมเพราะพิษไข้ได้ยังไง ยิ่งเห็นว่าเธอไข้ขึ้นหนักเขาก็เริ่มกระอักกระอ่วนภายในใจเต็มที
"พ่อ...แม่...มี่รักพ่อกับแม่นะ มี่ขอโทษ ฮึกๆ ฮือๆ มี่ขอโทษ"
เบตงถึงกับตกใจ เมื่อร่างน้อยเริ่มเพ้อเพราะพิษไข้อย่างหนัก ใบหน้าสวยเริ่มมีเม็ดเหงื่อผุดพราวทั่วใบหน้า คงเพราะยากำลังออกฤทธิ์ แต่ร่างน้อยก็ยังสั่นเทาไม่หาย ความกังวลและสงสารเธอจับใจ ทำให้หัวใจของเบตงวูบไหวขึ้นมาในทันที
"ยัยจิ๋ว อย่ามาตายสภาพนี้นะ ยัยเด็กบ้า...ทำไมฉันต้องมานั่งห่วงเธอด้วยเนี่ย"
ปากหยักได้รูปสบถบ่นออกมา ทั้งที่กำลังถอดเสื้อคลุมออกจากร่าง แล้วสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกับเธอ ร่างกำยำสมส่วนแนบชิดร่างบาง พลางดึงตัวเธอเข้ามากอดอย่างห่วงหา เพื่อถ่ายทอดความอบอุ่นจากร่างกายของเขา ให้เข้าไปสู้กับความเหน็บหนาวบนร่างกายของเธอ แม้ไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำจะได้ผลมากน้อยแค่ไหน แต่เมื่อเห็นร่างน้อยนิ่งหลับไป ก็ทำให้หัวใจของชายหนุ่มคลายความกังวลขึ้นมา