"เฮียครับ..."
ลูกน้องคนสนิทก้มลงกระซิบบางอย่าง เพื่อรายงานเจ้านายราวกับเป็นความลับที่ไม่สามารถให้ใครรับรู้ได้ นอกจากเจ้านายอย่างเบตง
"ใคร?" เบตงเอ่ยถามลูกน้องหลังจากได้รับรายงานว่า มีคนมาขอพบและคนที่มาพบบอกว่าเฮียตงเรียกให้มาหาวันนี้ และชื่อที่ลูกน้องเอ่ยออกมา ก็ทำให้เขารู้ว่าเป็นคนที่เขานัดให้มาหาจริงๆ
"น้องลิลลี่ครับ"
"ตอนนี้อยู่ที่ไหน"
"อยู่ที่ห้องบัญชีกับอาสี่ครับ"
"บอกอาสี่ว่าเดี๋ยวฉันขึ้นไป"
"ครับเฮีย"
หลังจากสั่งลูกน้องเสร็จ เบตงก็ยกแก้ววอดก้าขึ้นดื่ม จนคนที่นั่งร่วมวงเอ่ยถามอย่างนึกสงสัย
"ใครมาหาเหรอเฮีย ทำไมดูสีหน้าเฮียเคร่งเครียดจัง ฟังจากชื่อน่าจะกระชุ่มกระชวยมากกว่านะ"
เจ้าของบทสนทนานี้คือ โรมัน เป็นเจ้าของดาร์คคลับผับชื่อดังอีกที่ในย่านนี้ เขาเป็นรุ่นน้องที่ทั้งรักและเชื่อใจกันมากกับเบตง และมักไปมาหาสู่กับรุ่นพี่อย่างเบตง เพื่อขอคำปรึกษาทางธุรกิจอยู่เป็นประจำ รวมไปถึงเรื่องสาวๆ ที่เหมือนว่าพี่ชายของเขาคนนี้จะเป็นที่ปรึกษาได้เป็นอย่างดีในทุกเรื่องด้วยสิ
"ก็แค่เด็กมาหาค่าเทอม ไม่พิเศษหวือหวาหรอก แล้วนี่นายจะดื่มต่อไหม เฮียมีธุระต้องไปทำ จะกลับเลยหรือจะรอเฮียกลับมาคุยด้วย"
"ไม่รอหรอก เวลามีสาวๆ มาหาเฮียนะ ผมนั่งรอจนผับจะปิดอยู่แล้ว เฮียก็ยังไม่ลงมาเลย ผมรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งตลอด"
โรมันเหน็บแนมเป็นการหยิกแกมหยอกพี่ชาย เพราะจริงๆ แล้วโรมันเองก็ชอบหายตัวไปหลบอยู่ในหลายซอกหลายมุมของแบทบาร์อยู่บ่อยๆ เช่นกัน
"นั่นก็เวอร์เกินไป"
"เฮียไปทำธุระเถอะ เดี๋ยวผมขอเตาะแตะสาวๆ แถวนี้สักพักก็จะกลับแล้ว ไว้คราวหน้าผมแวะมาคุยด้วยใหม่"
"ได้...มาได้เสมอนะ มีอะไรให้เฮียช่วยก็บอกได้เลย"
"ขอบคุณครับเฮีย"
เบตงลุกขึ้น พลางตบมือลงบนบ่าของโรมันเบาๆ ก่อนจะรีบขึ้นไปสะสางธุระที่กำลังรบกวนสมาธิและจิตใจของเขามาหลายวัน ตั้งแต่เบตงได้รับรายงานการสืบประวัติของสาวน้อยคนนั้นจากดาร์ลิ้ง เขาก็ตอบตกลงรับเด็กนั่นมาพิจารณา แต่หัวใจของเขากับกระวนกระวาย จนไม่มีสมาธิจะหยิบจับงานอย่างอื่น จวบจนวันนี้ วันที่เขาจะได้เห็นใบหน้าของสาวน้อยหอยเลี่ยมทองของเขาเสียที
'ชื่อพิมมี่ พ่อแม่ขายข้าวแกงที่หน้าปากซอยย่านชุมชนใกล้ๆ มหาลัย พื้นที่ค่อนข้างแออัด พูดได้เต็มปากว่าสลัม เป็นหนี้จริง เหมือนกำลังจะถูกไล่ที่ เพราะไม่มีจ่าย ค้าขายกำไรไม่ดีเท่าที่ควร ส่วนเด็กนี่ นิสัยดี ขยันทำงานมาก เห็นตัวเล็กๆ แต่สู้ขาดใจ ที่สำคัญสวยมาก หนุ่มตามจีบเยอะ ถือว่าเก่งที่รอดจากปากเหยี่ยวปากกามาได้ '
"สดจริงรึเปล่าก็ไม่รู้ กลัวจะโก่งค่าตัวมากกว่า"
เพราะข้อความรายงานที่ได้จากดาร์ลิ้ง ทำให้เบตงร้อนรนใจจนอยากจะเจอเธอมาก เพราะเพื่อนของเธอบรรยายสรรพคุณเอาไว้เยอะ จึงไม่แปลกที่ชายหนุ่มจะรู้สึกตื่นเต้นและอยากสัมผัสตัวเป็นๆ ของเธอดูสักครั้ง
"อ้าว! เฮียมาพอดี"
ทันทีที่ร่างสูงเปิดประตูเข้าไปในห้องบัญชี สายตาคมก็จับจ้องไปยังบุคคลที่มาเยือนครั้งแรก แววตาคมถึงกับกระตุกวาบไปชั่วขณะ พลางเกิดอาการหัวใจสั่นไหวและเต้นแรงขึ้นมาแบบไม่ทราบสาเหตุ ก่อนเจ้าของร่างสูงจะปรับสีหน้าให้ดูน่ายำเกรงและเคร่งขรึมดังเดิม
"สรุปได้รึยังอาสี่"
เขาเอ่ย พลางเดินไปนั่งลงที่โต๊ะทำงาน โดยมีอาสี่แนะนำผู้มาใหม่ให้รู้จักว่าเป็นใคร
"นี่คือเฮียเบตง เป็นเจ้าของแบทบาร์แห่งนี้ น้องลิลลี่น่าจะรู้จักดีแล้ว งั้นน้องพิมมี่ก็ควรจะทำความรู้จักเอาไว้นะ"
หนุ่มใหญ่วัย 35ปี ที่มีตำแหน่งเป็นมือขวาของเบตงกล่าวขึ้น เดิมทีอาสี่เป็นคนบริหารแบทบาร์มาตั้งแต่สมัยผับแห่งนี้เปิดใหม่ ด้วยความไว้วางใจจากเจ้าสัวทรงชัยพ่อของเบตง แต่ด้วยความคึกคะนองสมัยวัยแรกรุ่นของเบตง ตอนที่พึ่งจะเรียนปีหนึ่งก็ริอ่านทำการบริหารไนต์คลับแห่งนี้เอง
เขาชวนเพื่อนมาร่วมลงทุนเป็นหุ้นส่วนและทำการปรับเปลี่ยนหลายอย่าง ทำให้แบทบาร์แห่งนี้ออกมาดูดีและทันสมัยมากขึ้น จนเป็นที่ติดอกติดใจของนักท่องราตรีแถบนี้และไม่มีใครในย่านนี้ที่จะไม่รู้จักแบทบาร์ ตั้งแต่นั้นมาอาสี่จึงทำได้เพียงคอยช่วยเหลือเขาในทุกด้าน ไม่ว่าเบตงต้องการอะไร อาสี่ก็จะสรรหามาให้ทุกอย่าง ชนิดที่เรียกว่าคนรู้ใจได้เลย
"สะ...สวัสดีค่ะ เฮียเบตง"
เสียงเล็กใสเอ่ยออกมาอย่างสั่นเครือ พลางไหว้เขาด้วยมือไม่ที่สั่นเทา ทำให้เจ้าของไนต์คลับถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความรำคาญ
"เวลาพูดมองหน้าฉันด้วย ถ้าไม่เต็มใจมาก็กลับไป ไม่มีใครบังคับให้เธอมา ทำไมต้องมานั่งตัวสั่นให้ฉันรำคาญลูกตาแบบนี้"
"เฮียตง ใจเย็น ๆ "
อาสี่กล่าวเตือน เมื่อเห็นเบตงเอาแต่ดุผู้มาใหม่ จนสาวน้อยหงอยเป็นลูกแมว แถมเอาแต่นั่งเกาะแขนเพื่อนไม่ยอมปล่อย
"ก็รู้อยู่แก่ใจ ว่ามาแล้วจะเจออะไร ถ้าไม่เต็มใจจะมาทำไมวะ"
"หนะ...หนูตะ...เต็มใจค่ะ" สาวน้อยเอ่ยเสียงสั่น
"พูดให้ชัดๆ ก่อนไหม ค่อยมาบอกว่าเต็มใจ นี่แค่ฉันนั่งมองเฉยๆ ยังกลัวขนาดนี้ ถ้าถูกเปิดซิงไม่ดิ้นตายเลยเหรอ"