ดวงตากลมโตถึงกับสั่นระริก ก่อนจะก้มหน้าก้มตาด้วยความกระดากอายในใจ ผู้ชายคนนี้ทำไมหยาบคายและน่ากลัวได้ขนาดนี้ แล้วพิมมี่จะรับมือกับเขาได้ยังไง แต่เพราะความจำเป็นและเป็นทางออกสุดท้าย พิมมี่จึงทำใจดีสู้เสือเงยหน้าขึ้นสบตาเขา
ทันทีที่ดวงตากลมโตสดใสจ้องมองสบกันกับดวงตาคม กลายเป็นเบตงที่ต้องรีบหลบสายตาคู่นั้น เพราะรู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างที่กำลังดึงดูดและท้าทายเขาอยู่
"เฮียใจเย็นๆ ก่อนนะ ไอ้มี่มันแค่แปลกที่น่ะ มันไม่เคยมาเที่ยวผับ เลยตื่นเต้นมากไปหน่อย...ใช่ไหมวะไอ้มี่"
"ชะ...ใช่ค่ะ หนูตื่นเต้นนิดหน่อย เฮียเบตงอย่าโกรธหนูเลยนะคะ"
เสียงหวานเอ่ยออกมาอย่างออดอ้อน แต่ยิ่งฟังเบตงก็ยิ่งรำคาญหู เหมือนยัยเด็กนี่ถูกเทรนงานก่อนจะมาเจอเขา ถึงได้พูดจาดูไม่เป็นธรรมชาติเลยสักคำ เขาก็อยากรู้เหมือนกัน ถ้าไม่มีคนชี้นำยัยนี่จะทำตัวยังไงเวลาอยู่กับเขาแค่สองคน
"อาสี่พาลิลลี่ออกไปก่อน ผมจะสัมภาษณ์ยัยนี่เอง ส่วนรายละเอียดอย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง"
"เอางั้นเลยเหรอ เฮียตง" อาสี่เหมือนจะย้ำคำสั่งของเจ้านายหนุ่ม จนเจ้าตัวยืนยันเสียงแข็ง
"ผมจะไม่พูดเป็นครั้งที่2"
"โอเค งั้นน้องลิลลี่ไปทำงานต่อเถอะ เดี๋ยวให้น้องพิมมี่ตกลงกับเฮียตงเอง"
"เอ่อ...คือ"
ลิลลี่ที่กำลังหาทางช่วยเพื่อน หันมาสบตากับแววตาคมดุดันเข้าพอดี เธอจึงรีบลุกจากเก้าอี้อย่างไว ก่อนจะเดินตามอาสี่ออกไปแบบไม่หยุดคิดให้เสียเวลา
"โชคดีนะไอ้มี่" ลิลลี่หันเอ่ยลาเพื่อนรัก ที่หันตามร่างของเธอไม่วางตา
"ลิลลี่!" ในขณะที่พิมมี่เองก็หันไปมองหน้าเพื่อนด้วยใบหน้าที่กำลังเป็นกังวลใจ
ความเงียบปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง เมื่อตอนนี้คนทั้งสองอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง สาวน้อยได้แต่นั่งก้มหน้า ด้วยไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะเผชิญชะตากรรมเช่นไรต่อจากนี้
"มานี่สิ"
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบกริบ จนคนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาสะดุ้งตกใจ แววตาตื่นจ้องไปที่ร่างสูงตรงหน้า แต่ไม่ยอมขยับลุกไปหาเขาอย่างที่เขาออกคำสั่ง
"บอกให้มานี่ ไม่ได้ยินเหรอ" ร่างน้อยถึงกับผวา เมื่อถูกเบตงกระแทกเสียงใส่ด้วยน้ำเสียงรำคาญใจ
"ค่ะ...ค่ะได้ยินค่ะ"
พิมมี่ค่อยๆ ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินมาหาเขาที่โต๊ะทำงาน ร่างน้อยก้าวขยับด้วยแข้งขาที่กำลังสั่นสะท้าน ก่อนจะเดินจนมาถึงตรงโต๊ะทำงานที่เขานั่ง พลางหยุดยืนตัวสั่นอยู่ต่อหน้าเขา
ร่างอรชรถูกสายตาคมจับจ้องมองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า ใบหน้าเรียวรูปไข่ ผมยาวดำขลับ หน้าอกกลมโตจนแทบจะล้นทะลักออกมาจากเสื้อที่ใส่ แขนขาเรียวเล็ก เอวบางคอดกิ่ว ผิวพรรณขาวเนียนผุดผ่องไปทั้งตัว และที่ทำให้หัวใจของเบตงสั่นไหวในทันที ก็เห็นจะเป็นกลิ่นหอมจากตัวของเธอ ที่หอมอ่อนๆ ไม่ฉุนขึ้นจมูกเหมือนพวกผู้หญิงที่เขาเคยผ่านมา กลิ่นหอมกรุ่นนี้ช่างกระตุ้นอารมณ์ดิบในตัวของเขาได้ดีจริงๆ
"เฮือก! ว้าย! ฮะ...เฮีย"
ร่างน้อยตกใจสุดขีด ที่อยู่ๆ ก็โดนเขาเอื้อมมาจับเอวบาง แล้วยกตัวเธอขึ้นไปนั่งบนโต๊ะทำงาน ก่อนเจ้าตัวจะลุกยืนเต็มความสูง แล้วเอนตัวลงมาเท้าแขนกับขอบโต๊ะทำงาน และคร่อมร่างบางของเธอเอาไว้
"เฮีย! อย่าค่ะ!"
"เธอบอกว่าเธอเต็มใจมาเสนอตัวให้ฉันไม่ใช่เหรอ"
"ตะ...แต่ว่าหนูยังไม่...กรี๊ด! เฮียจะทำอะไรคะ....ว้าย! เฮีย! "
สาวน้อยแทบช็อกเมื่อจู่ๆ เบตงก็ล้วงเข้ามาใต้กระโปรงตัวสั้นของเธอ ทั้งคว้านมือเข้ามาใต้กระโปรงของเธอและดึงรูดชั้นในของเธอลงมา
"เฮียอย่าค่ะ เฮียจะทำอะไรคะ หนูยังไม่พร้อม โอ๊ย! เฮีย! หนูเจ็บ"
สาวน้อยถึงกับน้ำตาคลอ เมื่อนิ้วเรียวสอดและล้วงเข้าไปในจุดกลางกายของเธออย่างจู่โจม ทำเอาเจ้าของนิ้วถึงกับคิ้วขมวด เมื่อสัมผัสถึงความนุ่มละมุนแต่แสนคับแคบของเธอ
"ฮึกๆ เฮียขา อย่าทำหนูเลยนะคะ วันนี้หนูยังไม่ได้เตรียมตัวมาจริงๆ "
"กางออก" เบตงสั่งเสียงแข็ง เมื่อเจ้าของร่างบางหุบเรียวขาเข้าหากันแน่น จนเขาเข้าถึงตัวเธอลำบาก
"ฮือๆ เฮีย..." สาวน้อยเริ่มสะอื้นจนน้ำตาคลอ
"บอกให้กางออกไง!"
เขาตวาดเสียงดัง สาวน้อยจึงค่อยๆ ขยับต้นขาเรียวกางออกอย่างว่าง่าย จนความงดงามของวัยแรกสาว อวดโชว์แก่สายตาของเขา เบตงก้มลงมองนิ้วกลางเรียวยาวของตัวเอง ที่สอดค้างในร่องรักสีชมพูสดใสของสาวน้อย ก่อนจะลอบกลืนน้ำลายไล่ความเหนียวหนืดในลำคอ
"ก็ไม่ได้เลี่ยมทองนี่หว่า ทำไมคิดแพงนักวะ"
ร่างน้อยถึงกับเอียงอาย ใบหน้าสวยร้อนฉ่าไปทั้งหน้า เมื่อโดนสำรวจภายในอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยสายตาของเขา ราวกับว่าเขาเป็นหมอที่กำลังจะตรวจภายในให้เธอ เพราะมัวแต่เขินอายและแอบสำรวจความหล่อเหลาของคนตรงหน้า ทำให้เธอถึงกับผวา เมื่ออยู่ๆ นิ้วเรียวสากก็ยัดเข้ามาในร่องสวาทของเธอจนสุดทาง
"กรี๊ด! อื้อ! เฮียหนูเจ็บ! อื้อ!"