บทที่ 2 ชีวิตเหมือนจะดีแล้ว

1851 Words
อะไรจะดีไปกว่าการได้ออกจากตระกูลเพ่ยมาหาลู่ทางทำมาหากินอีกล่ะ เนื่องจากหงหรูหลังจากได้ยินเรื่องที่เธอเล่าพร้อมกับแม่สื่อตาสับปะรด เธอก็ร้องห่มร้องไห้ขอเงินคุณปู่กระโดดขึ้นรถไฟไปกันท่าสามีตัวเอง เพื่อจะได้ไม่หลงกลแม่หม้ายคนนั้นทันที และนั่นทำให้ตระกูลเพ่ยรู้สึกเหมือนอากาศบริสุทธิ์ขึ้นกว่าสองปีที่เธอเกิดใหม่จริง ๆ แต่กระนั้นคุณปู่เพ่ยหยวนก็ชราวัยแล้ว เธอก็ต้องดูแลเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคุณปู่อยู่บ้าง อย่างพวกเรื่องอาหารที่เมื่อก่อนหงหรูเป็นคนทำ สองวันมานี้เธอจึงลงมือจัดการด้วยตนเอง แต่รสมือของเธอดันถูกใจคนแก่อย่างเพ่ยหยวนเสียจนชมไม่ขาดปาก “ถิงถิงหลานรักทำอาหารอร่อยจริง ๆ ต่อไปแต่งงานแม่สามีต้องหลงหลานรักของปู่แน่ ๆ” เพ่ยหยวนชมด้วยความภูมิใจ เมื่อก่อนเรื่องเข้าครัวเป็นเรื่องของสะใภ้ หลานสาวของเขาจึงไม่ได้แสดงฝีมือ อีกอย่างเขาก็มองออกว่าสะใภ้ของเขากีดกันเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อจะเอาอกเอาใจเขา ให้มองข้ามเรื่องที่ไม่สามารถมีหลานให้อุ้มชูได้ แต่เพ่ยถิงถิงหาได้ชื่นชอบคำชมนี้สักเท่าไหร่นัก เพราะคำว่า ‘แม่สามี’ ซึ่งยอมรับว่าเธอเข็ดขยาด ยิ่งในยุคนี้ที่สะใภ้เหมือนแรงงานฟรีในบ้าน จะกดข่มอย่างไรก็ได้ ทำให้เธอหวาดกลัวการแต่งงานอยู่เสมอ เหล่าแม่สามีมักรักลูกชายเกินไปจนยอมไม่ได้ ที่จะมีผู้หญิงอื่นมาแย่งความรักไป “คุณปู่คะ...เรื่องของตระกูลเราเสียชื่อเสียงขนาดนี้ ไม่แน่ว่าสหายของคุณปู่จะยินดีอยู่หรือเปล่า ถิงถิงก็ไม่รู้ว่าข้างหน้าชีวิตจะเป็นอย่างไร ระหว่างนี้จะขออนุญาตคุณปู่ไปทำงานพิเศษหน่อยได้ไหมคะ อย่างน้อย ๆ จะได้มีเงินมาจัดการบ้านให้สวยเหมือนเดิมก็ยังดี” แน่นอนว่าเธอไม่ได้พูดต่อต้านให้คุณปู่ต้องขุ่นเคือง แต่ใช้วิธีประนีประนอมและกล่าวอ้างด้วยเหตุผล เพราะชีวิตคนตระกูลเพ่ยตกต่ำลง บุตรชายที่มาใจแตกตอนอายุมาก “เฮ้อ...หากอาซานคิดได้ก็คงดี” เพ่ยหยวนรำพัน ไม่นึกว่าบุตรชายจะเป็นไปตามที่หมอดูทำนาย คือจะเสียคนตอนอายุมากแล้ว และเขาผ่านร้อนหนาวมามาก จะมองไม่ออกได้อย่างไรว่าบุตรชายมีเรื่องชู้สาวนั้นจริงหรือไม่จริง สิ่งที่ได้ฟังจากคำพูดกับแววตาที่ไม่กล้ามองสบกับเขาตรง ๆ ก็บอกได้แล้วว่ามันมากกว่าสิ่งที่ตัดสินลวก ๆ ในค่ายเพื่อรักษาชื่อเสียงของทหารเอาไว้ การที่ผู้หญิงคนนั้นกล้ากระโดดขึ้นรถไฟเพื่อไปทนลำบากที่ชายแดนกับบุตรชาย ก็ตอบคำถามที่หลายคนคาใจแล้วว่าอะไรเป็นอะไร เขายืนกรานหนักแน่น หากเจ้าลูกชายคิดจะหย่า ก็อย่าเรียกเขาว่าบิดาอีก ไม่นึกว่าเจ้าลูกเวรจะใช้วิธีหนีไปอยู่ด้วยกันที่ชายแดนเสียเลย คงจะวางแผนกันมาอย่างดีแล้วสินะ ไอ้ลูกเนรคุณ! “ถิงถิงเป็นผู้หญิง จะไปทำงานอะไร อันตรายหรือเปล่า” เขาถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เพราะว่าที่เขารู้มาคือมีคนจ้องจะลักพาหลานสาวของเขาไป แต่ไม่เคยสำเร็จสักครั้ง “หนูไปตระเวนดูมาแล้วค่ะคุณปู่ ที่ร้านขนมปังฝรั่งเศสขายดีมาก กำลังเปิดรับพนักงาน ร้านอยู่ที่หน้าโรงเรียนตระกูลซ่งแถมรายได้ขึ้นอยู่กับความสามารถด้วยนะคะ” เธอเคยทำขนมมาในชาติก่อน และเกิดชาตินี้ใบหน้าก็งดงามไม่แพ้ชาติก่อนนัก ไม่ว่าจะทำงานในครัวอบขนม หรือว่าจะทำงานขายหน้าร้าน เธอก็ทำได้ดียิ่งคิดเงิน ทอนเงินก็ว่องไวมาก “ถ้าเช่นนั้นก็ลองดูเถอะ” เพ่ยหยวนวางตะเกียบลงเอ่ยอย่างปลงตก การเงินของที่บ้านเริ่มมีปัญหา หากไม่คิดจะหาเงินเข้าบ้านพวกเขาปู่หลานอาจลำบาก เพราะเขาได้ให้เงินลูกชายไปแต่งภรรยาคนที่สองจนหมด เหลือติดในบัญชีไม่ได้มากมายเหมือนแต่ก่อน ใครจะคิดว่าลูกชายที่ใครมองว่าดีแสนดี แต่เขาเท่านั้นที่รู้ว่าเจ้าบ้านั่นหมดไปกับผู้หญิงมากแค่ไหน ทั้งตักเตือนไม่เคยฟัง เรื่องแต่งงานระหว่างถิงถิงกับนายพลหลี่ไม่แน่ว่าจะราบรื่นเมื่อไหร่กัน เพราะเจ้าลูกชายตัวดีแท้ ๆ วาสนาหลานสาวของเขาจึงต้องเต็มไปด้วยอุปสรรค “ขอบคุณค่ะคุณปู่ ไม่ต้องห่วงถิงถิงจะเลี้ยงดูคุณปู่อย่างดีเชียวค่ะ” ถิงถิงรีบเข้าไปกอดแขนคุณปู่เอาใบหน้าซุกซบอย่างเด็กสาวน่าเอ็นดูทันที เพราะทำให้ผู้ใหญ่รักย่อมดีกว่าทำให้ผู้ใหญ่หนักใจ เพ่ยถิงถิงออกจากบ้านไปขึ้นรถราง เพราะจักรยานที่บ้านคุณพ่อขายออกไปเพื่อเอาเงินเดินทางไปชายแดน แต่เธอหารู้ไม่ว่าเขานำเงินรวมเป็นก้อนไปซื้อบ้านที่ชนบทชายแดน และไม่คิดจะหวนกลับมาอีก... เพ่ยหยวนแม้เกษียณอายุแล้ว แต่ว่าเคยช่วยสหายเอาไว้มากมาย เขายกโทรศัพท์ในบ้านของตนเองต่อสายหาคนหนึ่งที่เคยมีบุญคุณกับเขาให้ช่วยตรวจสอบลูกชายหลังจากได้รับรู้เรื่องราวจากปากของหลานสาว ทำให้รู้ว่าลูกชายไม่คิดหวนคืนกลับมาอีกแล้วจึงถอนหายใจนอนไม่หลับถึงสองคืน และต้องลุกขึ้นมาต่อสายหาสหายเก่าอย่างหลี่หลงเพื่อทวงสัญญาอย่างน่าละอายใจ “ถิงถิงปู่ก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ปกป้องหลานได้ถึงเมื่อไหร่” เพ่ยหยวนกล่าวขึ้นหลังหลานสาวเดินออกไปอย่างหนักใจ หลานสาวที่ใบหน้าแทบจะถอดลูกสะใภ้คนแรกมาจนหมด เพราะเธอเป็นลูกคนมีตระกูลแต่ตอนหลังตกยากจึงแต่งงานกับลูกชายเพื่ออยากได้การคุ้มครองจากการสมรสทหาร แต่ลูกสะใภ้ก็แสนดีมาก ๆ จนเขารักที่สุด แม้แต่ลูกชายจะเอ่ยปากตำหนิเรื่องอะไรเล็กน้อยเขาก็จะสั่งสอนเจ้าคนไม่เอาไหนนั้นก่อนเสมอ แต่ต้องเสียดายที่เธออายุสั้น หากยังอยู่ป่านนี้เจ้าคนที่หลงในรูปอย่างเจ้าเพ่ยซานจะเสียคนได้อย่างไร แต่เพราะความงดงามของถิงถิงเองก็เป็นภัยต่อตัวเธอเช่นกัน มีหลายคนเฝ้ามองและต้องการจะลักพาตัวเธอไปหลายครั้ง แต่ดีที่เขารู้จักคนในหน่วยข่าวกรองที่เป็นสหาย ทั้งเตือนให้เขาระวังจึงฝากให้กับอดีตลูกน้องในสังกัดก่อนเกษียณหาคนมาคุ้มครองหลานสาวเงียบ ๆ จนกระทั่งเขานั้นเกษียณอายุเมื่อเดือนก่อน จึงทำให้ตอนนี้ชีวิตหลานสาวของเขาไม่ปลอดภัยเท่าไหร่นัก และทางเลือกสุดท้ายก็คือหาสามีให้หลานสาวที่คุ้มครองเธอไปได้ตลอดชีวิต ตาแก่อย่างเขาจึงจะตายตาหลับได้ เพ่ยถิงถิงนั้นแอบไปยื่นใบสมัครมาแล้ว และเมื่อวันที่เธอเดินไปสัมภาษณ์กับเจ้าของร้านที่เป็นชาวฝรั่งเศส จึงทักทายเขาด้วยภาษาบ้านเกิดเมืองนอนของเขาอย่างคล่องปาก และนั่นเป็นใบเบิกทางที่ทำให้เธอได้งานพร้อมกับเงินเดินที่สูงลิ่วถึงหนึ่งร้อยหยวน ซึ่งมากกว่าข้าราชการด้วยซ้ำทำให้เธอตกใจมาก “คุณอ็องรีล้อฉันเล่นหรือเปล่าคะ” เพ่ยถิงถิงเหมือนคิดว่าตัวเองฝันไป เพราะว่าตัวเลขรายได้ของเธอดูจะเกินการศึกษาที่จบเพียงมัธยมปลายไปหน่อย ต้องขอบคุณวิชาเอกที่เธอเรียนในมหาวิทยาลัยก่อนตายในชาติก่อนจริง ๆ “ผมประกาศไว้ชัดเจนครับว่าให้ค่าตอบแทนตามความสามารถ ซึ่งคุณมีความสามารถขนาดนี้ผมจะให้น้อยกว่านี้ได้อย่างไร” อ็องรี โบลีเยอตอบพร้อมขยิบตาทั้งชื่นชอบเธอคนนี้เป็นพิเศษ ทั้งสวย น่ารัก และยังคิดสูตรขนมเป็นด้วยและเขาลองให้เชฟขนมหวานทำมันขึ้นมาจากสูตรของเธอพบว่ามันอร่อยมาก “ขอบคุณค่ะ” เพ่ยถิงถิงใบหน้าเบิกบาน ตอนแรกที่คิดว่าเข้ามาสัมภาษณ์งานโดยไม่มีประสบการณ์นึกว่าจะยากเสียอีก แต่เมื่อเธอพูดภาษาฝรั่งเศสเจ้าของร้านเปลี่ยนสีหน้า ทั้งชวนเธอคุยมากมาย ซักถามเรื่องการฝึกภาษาของเธออีกด้วย และในที่สุดลามไปจนสูตรขนมที่เธอคิดแต่เธอไม่มีเตาอบเลยไม่สามารถทำออกมาได้ “ส่วนนี้ครับค่าสูตรขนมของคุณ สามร้อยหยวน” อ็องรี โบลีเยอ กล่าวออกมาพร้อมกับยื่นซองแดงที่เต็มไปด้วยปึกเงินหนา ๆ ให้กับเพ่ยถิงถิง ทำให้เธอจับตรงหัวใจที่กำลังเต้นแรง ไม่นึกว่าแม่เลี้ยงออกจากบ้านไป ตระกูลเพ่ยของเธอก็เริ่มสดใส หรือไม่แน่บางทีอาจเป็นเพราะความมืดมนในชีวิตเธอได้หายไปแล้วก็เป็นได้ “ทำไมให้เยอะนักล่ะคะ” “รับเอาไว้เถอะครับ...นี่เป็นสิ่งที่คุณควรได้” เพ่ยถิงถิงรับมาด้วยความนอบน้อม เงินอั่งเปาของเธอรอดชีวิตแล้ว จากนี้ต่อไปเธอจะต้องปรับปรุงบ้านสักหน่อย แสดงให้คุณปู่เห็นว่าเธอเป็นสตรีก็สามารถยืนได้ด้วยลำแข้งตัวเองไม่ต้องพึ่งพาบุรุษ แต่ขณะกำลังดีอกดีใจอยู่นั้น เสียงใส ๆ ก็ตะโกนทักทายด้วยภาษาฝรั่งเศสสำเนียงแปร่ง ๆ ของเจ้าเด็กตัวกลมแก้มยุ้ย “บองชู้มิสเตอร์อ็องรีสุดหล่อ หมิงมาแล้วนะ” เสียงใส ๆ นี้ดังขึ้นพร้อมกับคิ้วขวาของเพ่ยถิงถิงกระตุกหงึก ๆ จนเธออยากเอามือตะปบที่คิ้วว่าจะกระตุกแรงทำไม เหมือนว่าจะมีลางร้ายชอบกล แต่เมื่อหันไปตามเสียงกลับไม่ใช่มีเพียงแค่เห็นเจ้าเด็กอ้วนน้อยน่ารัก ยังเห็นผู้ชายร่างสูงในชุดทหารเต็มยศยืนอยู่ด้านหลัง หากนี่ไม่ใช่ยุค 80 แล้วล่ะก็ เธอคิดว่าเขาเป็นดาราดังที่กำลังมาถ่ายหนังหรือซีรีส์ย้อนยุคแถวนี้ แต่ไม่ใช่แค่เพ่ยถิงถิงที่มองเขาอย่างตกตะลึง คนที่อยู่ในชุดทหารก็มองมาที่เธอด้วยสายตาที่เธออ่านไม่ออกว่าเขาคิดอะไร แต่สายตานั้นกลับดึงดูดเธอให้มองเขาโดยไม่สามารถละสายตาได้เลย เธอชะงักค้าง! เขาก็มองเธอนิ่ง แม้ใบหน้าจะไร้ความยินดียินร้าย แต่กลับไม่หยุดมองเธอ เหมือนสายตาถูกล็อกเป้าให้มองแค่เธอเท่านั้น ให้ตายสิ...ฉันทำตัวไม่ถูกแล้ว คนที่หล่อขนาดนี้มองเธอตรง ๆ ได้อย่างไร เมื่อความเงียบปกคลุมในร้านนานเกินไป คนที่มองอยู่เริ่มขยับปากขึ้นทำลายความเงียบเสีย “เธอเป็นใคร?”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD