หลินซูที่ตื่นขึ้นมาในเช้าของอีกวัน เมื่อรู้ว่าตนยังอยู่ในอ้อมกอดของคนเมื่อคืนก็รู้สึกหัวใจเต้นรัว ครั้งแรกที่มีโอกาสได้มองหน้าชัดๆ
" ดูไปเจ้าก็ดูคล้ายกับพี่ลู่ในความทรงจำของข้านะ แต่สิบปีที่ข้าไม่ได้เจอพี่ลู่ ป่านนี้พี่ลู่ก็คงจะเป็นหนุ่มใหญ่เหมือนเจ้าสินะ และคงจะมีคนรักหรือลูกเต็มบ้านไปแล้ว จึงไม่คิดที่จะกลับเมืองหลวงเลย ข้าเป็นของเจ้าแล้ว ข้าคงต้องลืมพี่ลู่ให้ได้ เพราะข้าเองก็ไม่อาจไปพบหน้าพี่ลู่ได้อีก"
หลินซูคิดในใจสายตาก็ยังคงจับจ้องคนที่หลับอยู่
ลู่เหยียนที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเห็นคนตัวเล็กจ้องมองอยู่จึงยิ้มให้ หลินซูจึงรีบหันหลังให้ทันที มือหนาจึงสอดเข้าใต้ร่างแล้วกอดคนตัวเล็กไว้
หลินซูรู้สึกถึงความอบอุ่นจากคนด้านหลัง จึงจับมือที่กอดตนไว้ และทั้งสองก็หลับไปอีกครั้ง
" ท่านองครักษ์ ท่านคิดว่าองค์หญิงจะอยู่ที่เมืองนี้จริงหรือขอรับ"
ทหารที่ติดตามองครักษ์เทียนอี้มาตามหาองค์หญิงเอ่ยขึ้น
" ข้าคิดว่าองค์หญิงน่าจะอยู่ที่เมืองนี้ เพราะข้าพบเห็นปิ่นปักผม ที่มีแค่องค์หญิงเท่านั้นเพราะเป็นของขวัญ ที่ฮ่องเต้ส่งมอบให้กับองค์หญิง และปิ่นนี้ข้าเป็นคนไปสั่งทำให้องค์หญิงเอง ข้าพบเจอที่ร้านขายยาข้าจึงซื้อต่อกลับคืนมาแล้ว "
เทียนอี้เอ่ยเพียงเท่านั้น แม้จะทราบถึงยาที่องค์หญิงใช้แลกกับปิ่นไปคือยาอะไร ก็ไม่ได้เอ่ยบอกกับทหารที่ติดตามมาเพราะเป็นเรื่องไม่บังควร
" พวกเจ้าออกตามหาทุกที่หรือยัง แถบชานเมืองเจ้าไปมาหรือยัง "
" พวกข้าไปมาหมดแล้วขอรับท่านองครักษ์แต่ครั้งก่อนที่พวกข้าไปแถบชานเมือง มีเรือนริมน้ำอยู่แต่เห็นบ่าวรับใช้บอกว่า นายท่านของเรือนไม่อยู่ไปแลกเปลี่ยนสินค้าอยู่ที่ต่างเมืองขอรับ " ทหารเอ่ยบอกกับเทียนอี้
" ถ้าเช่นนั้นพรุ่งนี้เราจะไปที่เรือนริมน้ำอีกครั้ง "
วันนี้หลินซูและเฟยลี่ออกมาเดินเล่นริมน้ำที่มีต้นหลิว และต้นดอกท้อที่ขึ้นอยู่ริมแม่น้ำ ดูสวยงามร่มรื่น ลู่เหยียนและหยุนจือเข้าเมืองไปเพื่อสืบข่าวของทหาร ว่าออกไปจากเมืองหรือยัง โดยไม่ได้คาดคิดว่ากลุ่มทหารจะเดินทางมาอีกฝั่งของทางเข้าเรือนริมน้ำ จึงทำให้ได้พบเจอกับองค์หญิงเข้า
" ท่านองครักษ์นั่นใช่องค์หญิงหรือไม่ขอรับ"
นายทหารที่ติดตามมาเอ่ยกับองครักษ์เทียนอี้ เทียนอี้เมื่อเห็นว่าเป็นองค์หญิงก็ยิ้มขึ้นมาทันที
" เป็นองค์หญิงจริงๆหากแต่จะเชิญองค์หญิงกลับดีๆคงไม่ยอมเป็นแน่ คงต้องใช้วิธีทำให้หลับเท่านั้น "
เทียนอี้เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็รีบเข้าประชิดตัวองค์หญิงทันทีพร้อมกับโปรยผงฝุ่นสลบใส่คนทั้งสอง จึงทำให้องค์หญิงหลินชูและเฟยลี่หลับไปทันที
แม่ทัพลู่เหยียนที่กลับมาจากสืบข่าว เมื่อได้ยินว่าทหารและองครักษ์ ออกไปจากเมืองแล้วก็รู้สึกโล่งอก ไม่ทันได้คิดว่าคนของตนก็หายไปด้วย เมื่อเดินเข้าไปในเรือน ก็ถามหาฮูหยินตนทันที
" ตั้งแต่เช้าที่ฮูหยินออกไปข้างนอกกับแม่นางเฟยลี่ ก็ยังไม่กลับเข้ามาเลยขอรับ ข้าน้อยยังคิดว่านายท่านจะรับฮูหยินออกไปด้วยเสียอีก "
" เจ้าว่าอะไรนะ นางยังไม่กลับเข้ามาตั้งแต่เช้าเลยหรือ นี่มันก็เย็นค่ำแล้วนะเหตุใดนางจึงไม่กลับเข้าเรือน" เมื่อได้ยินว่าอีกคนยังไม่กลับเข้ามา แม่ทัพลู่เหยียนเริ่มที่จะร้อนใจเพราะคนตัวเล็กไม่เคยออกไปนานเช่นนี้
" หรือว่าเจ้าคิดจะหนีพี่ไป ที่เจ้านิ่งเฉยเป็นเพราะเจ้าหาโอกาสที่จะไปจากพี่เช่นนั้นหรือ "
ลู่เหยียนที่คิดว่าคนตัวเล็กต้องการจะหนีตนไปเหมือนดั่งเช่นคำพูดเมื่อก่อน ที่ไม่อยากจะอยู่กับตน
หยุนจือจึงเอ่ยออกไปก่อนที่ท่านแม่ทัพจะคิดมากไปกว่านี้
"ท่านแม่ทัพขอรับ หากองค์หญิงต้องการจะหนีท่านแม่ทัพจริงๆเหตุใดจะต้องพาเฟยลี่ไปด้วยขอรับ ข้าเกรงแต่ว่าจะถูกองครักษ์และทหารพาตัวไปเสียมากกว่านะขอรับท่านแม่ทัพ "
ลู่เหยียนเมื่อได้ฟังคำพูดจากคนสนิท จึงคิดทบทวนเหตุผล พักหลังคนตัวเล็กไม่ได้มีท่าทีรังเกียจตนเช่นแต่ก่อน
"ขอบใจเจ้าหยุนจือ หากไม่มีเจ้าข้าก็คงคิดอะไรไม่ออก " ลู่เหยียนเอ่ยกับคนสนิท
" ท่านแม่ทัพเป็นผู้ที่ฉลาดหลักแหลม คิดกลศึกชนะศัตรูมากมาย แต่เหตุใดเป็นเรื่องขององค์หญิงท่านถึงได้วู่วาม และไม่คิดให้รอบคอบขอรับ "
หยุนจือเอ่ยกับนายของตนตรงๆ ลู่เหยียนมองหยุนจือที่กล้าหาญ เอ่ยว่าตนนั้นวู่วามไม่รู้จักคิด แต่ก็ไม่ได้รู้สึกโกรธคนสนิทเลยสักนิด
" ขอบใจเจ้าที่เตือนสติข้า ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไมเป็นเรื่องของนาง ข้าจึงได้ร้อนรนยิ่งนัก ไม่มีนางอยู่ข้ารู้สึกว่าบนแผ่นดินนี้ ไไม่มีความหมายเอาเสียเล"
ลู่เหยียนเอ่ยบอกคนสนิทอย่างไม่นึกอาย
" ข้าน้อยเข้าใจขอรับเพราะข้าน้อยก็รู้สึกไม่ต่างกับท่านแม่ทัพเช่นกัน ข้าน้อยก็เป็นห่วงเฟยลี่เหมือนกันขอรับ นางคงจะถูกพาตัวไปพร้อมกับองค์หญิงเป็นแน่ "
หยุนจือเอ่ยบอกความรู้สึกกับผู้เป็นนายของตน
"ถ้าเช่นนั้นเราก็คงต้องออกตามสืบหาทั้งสองแล้ว"
ลู่เหยียนสั่งให้บ่าวในเรือนออกตามหา ในบริเวณแถบชานเมืองที่ไม่ไกลจากเรือน ส่วนตนและคนสนิท ออกไปสืบข่าวอีกครั้งในเมืองฉางไห่ จึงได้รู้ว่าเหล่าทหารที่มาติดตามองค์หญิงนั้น กลับไปพร้อมกับรถม้า แต่เมื่อครั้งที่เดินทางมาไม่มีรถม้ามาด้วย จึงทำให้แน่ใจว่าผู้ที่อยู่ในรถม้านั้น จะต้องเป็นองค์หญิงเป็นแน่ เมื่อรู้เช่นนั้นทั้งสองจึงได้เดินทางตามเส้นทางเข้าเมืองหลวงทันที
" พี่จะไม่ยอมปล่อยเจ้าให้ไปแต่งงานกับใครทั้งนั้นเจ้าต้องรอพี่ พี่จะไปรับเจ้าเอง "
ลู่เหยียนเอ่ยบอกกับตนเองพร้อมกับควบม้ากลับเมืองหลวง หลินซูที่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่หลับไปถึงสองวัน
"เกิดอะไรขึ้นอยู่ดีๆก็วูบหลับไป ทำไมข้ารู้สึกคุ้นกับที่นี่จังเลย เอ๊ะ นี่มันห้องข้าที่วังหลวงนี่นา ข้ากลับมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ข้าอยู่ที่เรือนริมน้ำ"
หลินซูรู้สึกสับสนว่าตนมาที่นี่ได้เช่นไร เฟยลี่ก็เดินเข้ามา
" องค์หญิงทรงตื่นแล้วหรือเพคะ หม่อมฉันขออภัยที่ไม่รู้ว่าพระองค์คือองค์หญิงของแคว้นเพคะ "
เฟยลี่เอ่ยกับหลินซูอย่างรู้สึกผิด หลินซูจับไหล่ของเฟยลี่ให้ลุกขึ้นก่อนจะเอ่ย
" ข้าเองที่ไม่ได้บอกอะไรกับพี่ อย่าโทษตัวเองเลยป่านนี้เหยียนฟางคงตามหาพวกเราแย่แล้ว แต่ถึงจะตามหาก็คงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ข้าถูกจับให้กลับมาแล้ว ก็คงต้องแต่งงานกับองค์ชายแคว้นเจียงหนานเป็นแน่ "
หลินซูที่คิดว่าเหยียนฟางคงไม่มีทางตามหาตนพบ เพราะไม่รู้ว่าตนนั้นคือองค์หญิง