10นาทีผ่านไป...
หลังจากที่ฉันใช้เวลาเกินไปจากที่บอกไว้กับพราวฟ้าเสร็จ ฉันก็รีบเดินออกจากห้องขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นบนสุดของคอนโดทันที นั่นก็คือห้องของมาร์ตินผู้ซึ่งเป็นลูกชายเจ้าของคอนโดที่ฉันอาศัยอยู่และเป็นเพื่อนในวัยเด็กอีกคนของฉัน
อ่า...ใช่แล้วฉันยังไม่ได้เล่าใช่ไหมว่า ฉัน นักรบ พราวฟ้า มาร์ตินและอีกหนึ่งคนก็คือไคโร พวกเราทั้งห้าคนที่กล่าวชื่อมาเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กๆเลยละ เนื่องจากพ่อแม่ของพวกเราสนิทกันมาก สนิทกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยโน้นอะ พวกเราทั้งห้าคนก็เลยได้มาเป็นเพื่อนกันอย่างไม่ต้องสงสัย
และไอ้มหาวิทยาลัยที่พวกเราเรียนกันอยู่ตอนนี้ก็เป็นมหาวิทยาลัยที่พ่อแม่ของเราเรียนกันมาด้วย และที่สำคัญฉันมีความลับบางอย่างจะบอก มหาวิทยาลัยที่พวกเราเรียนกันนะ จริงๆแล้วเป็นของป๊าไคโรด้วย ซึ่งเรื่องนี้เพิ่งมาแตกตอนที่พวกฉันต้องปฐมนิเทศกัน คือเป็นความลับชนิดที่ว่าแม่ของไคโรก็ไม่รู้อะ ว่าสามีตัวเองเป็นเจ้าของมหาวิทยาลัยที่ลูกกำลังเรียนอยู่
ฉันอยากจะบ้าตายกับครอบครัวนี้มาก คือรวยมากจนใส่ใจเรื่องมรดกของผัวไม่ทั่วถึงอะคิดดูละกัน แล้วอีกอย่างคืออาโยธาเขาเป็นพวกไม่ชอบเปิดเผยอะไรด้วยไง ฉันรู้มาจากป๊าว่าตอนหนุ่มๆ ป๊าเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองมีเพื่อนเป็นลูกมาเฟียนั่นก็คืออาโยธาพ่อของไคโรเหมือนกัน และพีคไปกว่านั้นทุกคนรู้ว่าอาโยธาเป็นลูกมาเฟียก็เพราะคุณอาพริกไทยเป็นคนเปิดเผยความลับด้วย
คือสุดมากอะ รวยและมีอำนาจนะแต่ไม่ชอบเปิดเผย เอากับครอบครัวนี้สิ ถ้าเป็นฉันนะ ฉันจะเปิดให้โลกรู้ไปเลยจะได้ไม่มีใครกล้ามายุ่ง โดยเฉพาะไอ้บ้านักรบ
ติงน๋อง~
ปึก!
"มาแล้วเหรอ" พราวฟ้าที่เดินมาเปิดประตูห้องให้ฉันเอ่ยถามขึ้นก่อนจะขยับตัวเปิดทางให้ฉันเข้าไปด้านใน ฉันที่กำลังเดินเข้าไปด้านในห้องแต่อดไม่ได้ที่จะถามมันว่ามาร์ตินเรียกพบเพราะเรื่องอะไร จึงหยุดชะงักแล้วหันไปถามอย่างอยากรู้
"ฟ้า..."
"แกรีบเดินไปเถอะ มาร์ตินนั่งรออยู่ที่ห้องรับแขกอะ" ฉันเริ่มใจไม่ดีแล้วนะ ขนาดยัยพราวฟ้ายังปริปากบอกฉันไม่ได้อะแถมสีหน้าของมันก็ดูลำบากใจที่จะบอกฉันมากด้วย นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย ฉันเผลอไปเหยียบเท้ามาร์ตินมาเหรอ ไอ้ลูกมาเฟียนั่นมันถึงได้เรียกพบฉันแบบนี้
"ขอถามคำถามเดียว เรื่องดีหรือเรื่องร้าย" เออ ฉันถามแค่นี้แหละจะได้เตรียมตัวเตรียมใจถูก
"ไม่เชิงดีและร้ายอะแก รีบไปเถอะ" ไม่เชิงดีและร้าย แล้วมันยังไงอะ หมายถึงฉันเนี่ยต้องเตรียมตัวเตรียมใจยังไงล่ะทีนี้ เฮ้อ!
"อืมอืม" พอไม่ได้รับคำตอบจากยัยพราวฟ้าที่ยืนทำหน้าเศร้าอยู่ตรงหน้าฉัน ฉันก็เลยเลิกคะยั้นคะยอมัน เอาว่ะ ทำใจดีสู้เสือเข้าไว้ลูกพีช นั่นมันเพื่อนสมัยเด็กของเราเลยนะเว้ย อย่างน้อยๆเพื่อนก็ไม่ฆ่าเพื่อนหรอกน่า
ยืนปลอบใจตัวเองเสร็จฉันก็ค่อยๆขยับเท้าที่สั่นๆเล็กน้อยเดินเลี้ยวไปทางห้องรับแขกที่พราวฟ้าได้บอกไว้ เมื่อเดินเข้าไปถึงแล้วฉันก็พบกับเจ้าของห้องอย่างมาร์ตินนั่งยกเท้าไขว่ห้างพิงพนักโซฟาตัวยาวโดยที่แขนข้างหนึ่งพาดไว้บนขอบโซฟาอยู่ข้างหน้าฉันพอดี และทันใดที่หมอนั่นรับรู้ถึงการมาถึงของฉัน สายตาเฉียบคมดั่งปลายมีดแหลมก็ตวัดมองมาที่ฉันทันที
ฉึบ!
ตาย ฉันตายตรงนี้แน่ๆ มองตานิ่งใส่กันขนาดนั้น ฉันต้องเผลอไปทำอะไรให้หมอนั่นไม่พอใจแน่ๆเลย แล้วมันเรื่องอะไรล่ะที่ฉันทำนะ ช่วงนี้ฉันก็ไม่ได้ชวนยัยพราวฟ้าเมียมันออกไปเที่ยวผับเลยนะ อยู่ที่มหาวิทยาลัยฉันก็ดูแลเมียมันอย่างดีอะ แล้วฉันพลาดอะไรตรงไหนวะเนี่ย!
"มาแล้วเหรอ ฟ้าบอกฉันว่าเธอขอเวลาห้านาทีแต่เธอใช้ไปจริงๆคือเกินห้านาทีเลยนะ" วินัยจัด! ตรงต่อเวลามากพ่อคุณ ทำเอาหัวเข่าของฉันสั่นพับๆเลยทีเดียวที่ถูกทักมาแบบนั้น
คือฉันลืมไปได้ไงเนี่ยว่ามาร์ตินมันเป็นคนตรงต่อเวลาและเนียบเรื่องวินัยมากอะ โอ้ย! นี่ฉันจะตายกับเรื่องไหนก่อนเนี่ยเลือกไม่ถูกเลยไอ้บ้า!
"อะเอ่อ...โทษทีฉันท้องเสียพอดีอะ ก็เลยใช้เวลานานไปหน่อย ว่าแต่นายเถอะเรียกพบฉันทำไมเหรอ" ฉันขอโทษพร้อมโกหกมาร์ตินเสร็จสรรพก็รีบถามต่อถึงเรื่องที่ถูกเรียกขึ้นมาพบทันที คือตอนนี้ฉันลุ้นใจจะขาดอยู่แล้วว่าตกลงฉันโดนเรียกพบเรื่องอะไรกันแน่
"พอดีว่ามีลูกบ้านฉันเขาฟ้องมา ว่าเธอเปิดเพลงเสียงดังรบกวนเขา"
ขวับ!
ทันทีที่มาร์ตินพยักเพยิดหน้าไปทางโซฟาข้างๆที่มีใครบางคนนั่งเงียบอยู่ตรงนั้น ฉันก็รีบหันขวับมองตามทันที เท่านั้นแหละ...
"ไง..." ใบหน้าหล่อเหลา ไม่สิใบหน้าอันกวนตีนมากกว่าหันมามองหน้าฉันพร้อมกับทักทายสั้นๆก่อนจะเหยียดยิ้มมุมปากเล่นหูเล่นตาขึ้นเบาๆให้ฉันกำหมัดเล่น
ใช่...คนที่ฉันพูดถึงก็คือไอ้บ้านักรบที่เพิ่งโดนฉันเตะไข่มาไงล่ะ นี่อย่าบอกนะว่าเรื่องที่มาร์ตินบอกเมื่อกี้ว่ามีคนฟ้องที่ฉันเปิดเพลงเสียงดัง คือไอ้บ้านักรบอะ!
หน่อย~ นี่ถึงกับต้องฟ้องเลยเหรอฮะ!
"นักรบ! นี่นายถึงกับต้องฟ้องมาร์ตินเลยเหรอ" ฉันเรียกชื่อตาบ้านักรบด้วยความโมโหเสียงดังลั่น จนเจ้าของชื่อมันสะดุ้งโย่งเลยทีเดียว ก่อนจะตอบกลับคำถามของฉันท่าทางเลิ่กลั่กเหมือนกลัวว่าฉันจะจับมันเขมือบลงท้องไปทั้งตัวยังไงอย่างงั้น
"ละ...แล้วทำไมฉันจะฟ้องไม่ได้ว่ะ ในเมื่อเธอทำคนอื่นเขาเดือดร้อนก่อน" เฮอะ! หมอนี้มันวอนหาเรื่องอยากเจ็บตัวจริงๆสินะ ฉันยืนจ้องตาไอ้บ้านักรบอยู่สักพักก็ตัดสินใจถกแขนเสื้อขึ้นพร้อมกับทำท่าจะพุ่งเข้าไปหามันด้วยสีหน้าเอาเรื่องอย่างเคียดแค้นมันมาก จนมันที่เห็นท่าทางนี้ของฉันถึงกับเลิ่กลั่กนั่งไม่ติดเก้าอี้เลยทีเดียว
"ทะ...เธอจะทำอะไรอะ อย่าเข้ามานะเว้ยไม่งั้นฉันสู้จริงๆนะยัยลูกพีช" สู้เหรอ อยากสู้ก็เข้ามา ฉันจะได้เตะไข่มันให้สูญพันธ์ไปซะให้จบๆเรื่อง
"พอได้แล้ว"
เอี๊ยด! ฉันเบรกเท้าตัวเองหน้าแทบคะมำพื้นเมื่อจู่ๆเสียงเข้มนิ่งๆแต่มีอำนาจแฝงไว้ของมาร์ตินก็ดังขึ้น ทำให้ฉันที่ได้ยินแบบนั้นต้องหันไปหาเจ้าของเสียงอย่างรวดเร็วแต่พอเจอกับสายตาคมปลาบจ้องมองฉันอยู่ ฉันก็รีบหลบสายตากลับมาทางเดิมทันที ก่อนที่ยัยพราวฟ้าที่นั่งข้างๆมาร์ตินมันจะลุกขึ้นเดินมาหาฉัน
หมับ!
"พีช ฉันว่าแกหยุดก่อนเถอะ ไปนั่งตรงนั้นกันก่อนดีกว่าอย่าทำให้มาร์ตินโมโหเลย แกก็รู้ว่าต่อให้เป็นเพื่อน หมอนั่นก็ไม่ไว้หน้าอะ" พราวฟ้าบอกด้วยสีหน้าขอร้องกับฉัน ซึ่งฉันลืมคิดเรื่องนี้อีกแล้ว ลืมไปเลยว่ามาร์ตินมันเป็นพวกไม่ไว้หน้าใครนอกจากยัยพราวฟ้าคนเดียว คือมันร้ายและโหดกับทุกคนยกเว้นแค่เมียมันอะ
เฮ้อ~ เกือบแล้ว เกือบจะขิตเพราะอารมณ์ตัวเองแล้วไงยัยลูกพีช
"เออๆ ฉันลืมไปเลยอะแก"
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันพาแกไปนั่งนะ" พราวฟ้าว่าจบฉันก็ค่อยๆพยักหน้าส่งกลับไปให้มัน ก่อนที่วินาทีต่อมามันจะพาฉันเดินไปนั่งที่โซฟาตัวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับนักรบซึ่งมันกำลังนั่งยิ้มเยาะให้ฉันอยู่ มันคงคิดว่าตัวเองชนะสินะถึงได้กล้าแสดงท่าทางแบบนั้นใส่ฉัน
ฮึ่ย! น่าหมั่นไส้ชะมัด
"เอาละ ฉันขอเข้าเรื่องเลยละกันนะ" หลังจากที่ฉันนั่งเรียบร้อยแล้ว มาร์ตินก็เริ่มเปิดประเด็นพร้อมเหลือบมองมาทางฉันด้วยสายตานิ่งๆอีกครั้ง ซึ่งการมองด้วยสายตาแบบนั้นของหมอนั่น บอกเลยว่าทำเอาฉันใจคอไม่ดีเลยแฮะ กลัวจะโดนทำโทษอะ
"อย่างที่ทราบกันว่า เธอ...ลูกพีช...เธอได้สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ซึ่งคนคนนั้นก็คือนักรบ มันที่เป็นผู้เดือดร้อนก็เลยนำเรื่องมาฟ้องฉันในฐานะที่เป็นลูกชายเจ้าของคอนโดแห่งนี้ เพราะฉะนั้นบทลงโทษของฉันที่จะให้เธอก็คือ ไล่เธอออก"
"ฮะ! ละไล่ออกเลยเหรอ" ใช่ นี่ถึงกับต้องไล่ฉันออกเลยเหรอ ฉันแค่เปิดเพลงเสียงดังไปนิดหน่อยเองนะ ถึงกับต้องไล่ออกเลยเหรอ แล้วถ้าไล่ฉันออกไป ฉันจะไปอยู่ที่ไหนล่ะไอ้พวกบ้า ฮรื่อ~
คืออย่างนี้นะ ฉันต้องอธิบายก่อนว่า ก่อนที่ฉันจะย้ายมาอยู่ที่คอนโดของมาร์ตินเนี่ย พ่อกับแม่สั่งฉันไว้แล้วว่าห้ามสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นเด็ดขาด ถ้ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแล้วพ่อของฉันรู้ละก็...ฉันจะโดนตัดเงินค่าขนมทันที คือทั้งตัดและยึดบัตรอะคิดดูสิว่ามันร้ายแรงขนาดไหน เนื่องจากพ่อของฉันเกรงใจแม่ของมาร์ตินที่ให้ฉันอยู่คอนโดฟรีไงก็เลยวางบทลงโทษแบบหักดิบไปเลย กะจะไม่ให้ฉันทำผิดและถ้าทำผิดก็คือกะเอาให้ฉันสำนึกไม่ทันอะ แต่ประเด็นคือ ตอนนี้ฉันโดนพ่อยึดบัตรและลดค่าขนมเพราะใช้เงินและเที่ยวกลางคืนมากเกินไปแล้วนะ ถ้าฉันโดนข้อห้านี้อีกฉันไม่ตายอย่างเขียดเลยเหรอ
"แต่ถ้าเธอไม่อยากออกและกลัวว่าป๊าของเธอจะรู้เรื่อง ฉันมีอ**บทลงโทษหนึ่งให้เธอเลือก" เออ มันต้องแบบนี้สิ ฉันว่าแล้วว่ามาร์ตินมันต้องไม่ใช่คนใจร้ายใจดำอำมหิตกับเพื่อนผู้น่าสงสารอย่างฉันขนาดนั้นหรอก จิตใจดีอย่างกับนักบุญในคราบพ่อเทพบุตรขนาดนั้น ก็ต้องเห็นใจกวางน้อยอย่างฉันแน่นอนอยู่แล้ว
"ฉันว่าแล้วเชียวว่านายจะต้องไม่ใจดำกับฉัน" ฉันตอบกลับมาร์ตินด้วยสีหน้ายิ้มดีใจน้อยๆแบบลูกหมูลูกหมาผู้น่าสงสารและน่าเห็นใจงิ้วๆใส่มาร์ตินไป ก่อนจะตวัดสายตาดังขวับหันไปยิ้มมุมปากร้ายๆแบบนางปีศาจให้ไอ้บ้านักรบอย่างผู้ชนะ
แต่...
"ฉันจะให้เธอย้ายไปอยู่กับนักรบ"