บทที่3 ย้ายถิ่น

1834 Words
ปึก แอ๊ด~~~ ตึก ตึก ตึก ฟุบ! หลังจากที่ฉันกลับเข้ามาที่ห้องของตัวเองอีกครั้ง ก้าวเท้าเข้าไปในห้องได้ไม่กี่ก้าวฉันก็ทรุดตัวลงบนพื้นทันที ก่อนจะไล่สายตามองไปรอบๆ ห้องด้วยน้ำตาคลอเบ้าอย่างเศร้าใจ ฉันเศร้าจริงๆ นะที่ต้องทิ้งห้องตัวเองอะ คือเอาจริงๆ ฉันก็ทำใจที่จะทิ้งห้องของตัวเองไปอยู่กับอีตาบ้านักรบไม่ได้หรอก ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะปากเก่งไปแบบนั้น และถึงแม้ว่ามันจะแค่ระยะเวลาสั้นๆ แค่สามเดือนเองก็เถอะ อีกอย่างเวลาที่ไปอยู่กับหมอนั่น ฉันก็คงจะใช้ชีวิตแบบที่สะดวกสบายเหมือนอยู่ที่ห้องของตัวเองไม่ได้อะ เพราะต้องอยู่ภายใต้คำสั่งของมันแต่เอาเถอะดีกว่าโดนไล่ออกแล้วยังต้องโดนป๊าดุแถมโดนทำโทษจากป๊าอีก ฉันต้องทนให้ได้! "เฮ้อ~ ทนอึดอัดหน่อยนะยัยลูกพีชแค่สามเดือนเอง อีกอย่างแกไม่ต้องกลัวว่าไอ้บ้านักรบมันจะพิศวาสแกหรอก เพราะตาบ้านั่นมันตาไม่ถึงอยู่แล้ว หายห่วงได้" หลังจากที่นั่งปลอบใจตัวเองเป็นรอบที่ล้านแล้ว ฉันก็ค่อยๆ คลานเข้าไปในห้องนอนตัวเองด้วยความเศร้าใจไม่หาย ที่เห็นว่าต้องคลานเข้าห้องเนี่ยไม่ใช่อะไรหรอกนะ คือไม่มีแรงจะลุกเดินอะ ยังทำใจไม่ได้ไอ้บ้าเอ้ย! แต่ทำไงได้ว่ะ มาร์ตินแม่งก็ดุยังกับหมาด้วย เฮ้อ รีบไปเก็บเสื้อผ้าเถอะ เดี๋ยวไอ้มาเฟียนั่นมันส่งลูกน้องมาเช็กแล้วฉันยังไม่ออกจากห้องอีก มันจะเปลี่ยนใจไล่ออกจริงๆ แทน . หลายชั่วโมงต่อมา... ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ปึก! หลังจากที่ฉันเคาะประตูห้องของนักรบไปสามครั้ง รอไม่นานไอ้ร่างสูงเจ้าของห้องอย่างนักรบก็ปรากฏต่อหน้าฉัน แต่เดินมาเปิดประตูให้ฉันเข้าไปเฉยๆ ไม่ได้ไงมันอะ มันต้องจ้องหน้าจ้องตาหาเรื่องฉันก่อน แต่ก็เอาสิคิดว่าฉันจะกลัวคนแบบมันเหรอ จ้องมาฉันก็จ้องกลับอยู่แล้วจะจ้องกันอยู่แบบนี้ทั้งวันก็ได้นะ ฉันไม่รีบอยู่แล้ว "..." "เชิญ!" "ฮึ นึกว่าจะแน่" ฉันว่าพร้อมกับขยับเท้าเดินผ่านร่างสูงของนักรบเข้าไปด้านในตามจริตจะก้านของตัวเอง แต่เดินได้ไม่กี่ก้าวจู่ๆ กระเป๋าที่ฉันลากมาด้วยก็ถูกเจ้าของห้องอย่างนักรบแย่งจากมือลากผ่านตัวฉันไปทางประตูห้องหนึ่งทางด้านขวามือซะก่อน ตอนแรกฉันก็กะจะอ้าปากเตรียมด่ามันแล้วละ แต่เห็นมันเปิดประตูห้องพร้อมกับพ่ายมือเชิญฉันซะก่อน ฉันก็เลยหุบปากกลับตามเดิม... "ห้องนอนของเธอ" นักรบพูดพร้อมกับพยักพเยิดหน้าเข้าไปในห้องนอนที่มันกำลังยืนอยู่ ฉันก็เลยละสายตาจากใบหน้าของมันแล้วเดินเข้าไปในห้องสี่เหลี่ยมที่มันบอกว่าเป็นห้องของฉันแทน เดินสำรวจตามมุมต่างๆ ในห้องอยู่สักพักก็หันไปทางมันที่ยืนอยู่ตรงประตูห้องอีกครั้ง "ก็ดี ห้องสะอาดน่าอยู่ดี" ฉันว่าไปตามที่เห็นด้วยตาเปล่าอย่างตรงไปตรงมา ก็ต้องพูดตามความเป็นจริงอะนะว่าห้องของนักรบที่ให้ฉันอยู่เนี่ย มันสะอาดและน่าอยู่จริง ตอนแรกฉันก็คิดว่าห้องมันน่าจะรกและฝุ่นคงจะเยอะมากแน่ๆ เพราะมันก็คงใช้งานแค่ห้องเดียว ส่วนห้องนี้ก็ปล่อยว่างไป แต่ผิดคาดแฮะ ห้องกลับสะอาดเอี่ยม ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างก็จัดเป็นระเบียบมากด้วย เพิ่งรู้เหมือนกันนะว่าหมอนี้ก็เป็นคนที่รักสะอาดและมีระเบียบวินัยขนาดนี้ ตอนมาขอความช่วยเหลือให้มันโทรหามาร์ตินเรื่องของพราวฟ้าหลายวันก่อนนู้น ฉันไม่ได้สังเกตเลยว่าห้องของมันจะสะอาดขนาดนี้ นี่เดินผ่านข้างนอกมาก็แอบตกใจไปแล้วหนึ่งรอบ เพราะข้างนอกก็เป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนกัน พอมาเห็นห้องนอนอึ้งเข้าไปใหญ่...ทุกอย่างในห้องเป็นระเบียบมากแถมโทนห้องก็อบอุ่นกว่าห้องฉันอีก คือเอาจริงๆ เลยนะ นักรบมันดูเป็นผู้ชายที่หล่อสะอาดเหมือนอาบน้ำทุกเวลาก็จริงแถมตัวมันก็หอมด้วย แต่ก็ไม่คิดไงว่าผู้ชายอย่างมันจะรักสะอาดและมีระเบียบขนาดนี้ "เห็นแล้วก็อย่าทำรกละ ข้างนอกด้วย ฉันไม่ชอบความสกปรกเข้าใจไหม" ยะ! ไอ้คนรักสะอาด "รู้แล้วน่า อีกอย่างฉันเองก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่สวยแต่รูปนะ" "หึ นี่สวยแล้วเหรอ นึกว่าอืดมาแล้วสามวัน" ไอ้! กรี๊ดดดด!!! ไอ้บ้านักรบ ไอ้คนชั่ว ไอ้คนปากไม่ดี นี่แอบว่าฉันไม่สวยแล้วอ้วนเหรอ อ้วนแล้วยังไง อ้วนแล้วไปหนักบนหัวมันหรือไง อีกอย่างนะฉันไม่ได้อ้วนโว้ยแค่นมใหญ่เฉยๆ เถอะ "นี่! ฉันแค่อวบเฉยๆ ยะ ไม่ได้อ้วน! อีกอย่างไม่ได้อวบเฉยๆ ด้วยนะนมใหญ่ด้วย เห็นไหม" ฉันว่าพร้อมกับขยับเดินเข้าไปใกล้นักรบแล้วดันหน้าอกตูมๆ ที่แม่ให้มาแบบเหลือกินเหลือใช้ดันเข้าหานักรบให้มันดูเต็มๆ สองตา! ว่าที่เห็นฉันอวบอูมแบบนี้นะเพราะหุ่นฉันมันเพอร์เฟค นมเป็นนม ตูดเป็นตูดยะ! "เห้ยๆ อย่าเข้ามาใกล้นะยัยลูกพีชเน่า อยู่ให้ห่างๆ ฉันเดี๋ยวนี้เลย" "ทำไม นายแพ้นมเหรอถึงต้องให้ฉันอยู่ห่างๆ อะ อีกอย่างนายไม่ชอบเหรอผู้หญิงนมใหญ่ๆ อะ" "ใหญ่เกินหัวเด็กขนาดนั้นไม่ใช่สเปกฉันโว้ย" ว่าจบแค่นั้นมันก็ทิ้งกระเป๋าของฉันแล้วรีบเดินท่าทางลนลานออกไปจากห้องนอนของฉันทันที คือท่าทางแบบนั้นอะ มันหมายความว่าไง มันกลัวนมของฉันจะไปอุดรูจมูกของมันหรือไง แค่คัพดีเฉยๆ ทำเป็นกลัวไปได้ หลังจากที่นักรบมันเดินกลับไปที่ห้องนอนของมันแล้ว ฉันก็ปิดประตูห้องของตัวเอง จากนั้นก็ลากกระเป๋าเดินทางไปทางห้องแต่งตัวเพื่อจัดเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้ให้เรียบร้อย พอจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วฉันก็เดินออกไปทิ้งตัวบนเตียงนุ่มๆ ในเวลาต่อมา ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดเล่นไปเรื่อยเปื่อยจนผล็อยหลับไปในที่สุด... . หนึ่งชั่วโมงต่อมา…. “มึงจะโทรมาทำไม” “ทำกับกูขนาดนี้แล้วไม่ต้องโทรมาถามให้เสียเวลาชีวิตมึงหรอกไอ้ติน” “ไม่รู้โว้ย เรื่องอะไรกูต้องไปสนใจยัยเน่านั่นด้วย” หนวกหู! พูดคำเดียวสั้นๆ ว่าหนวกหู ฉันกำลังนอนอยู่แต่เสียงคุยโทรศัพท์จากไอ้บ้านักรบที่มันแหกปากคุยดังลั่นห้องอยู่ตอนนี้ทำให้ฉันนอนต่อไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องเด้งตัวลุกขึ้นมานั่งแล้วพุ่งตัวไปที่ประตูห้องด้วยความโมโห มันจะอยู่อย่างสันติสุขไม่ได้หรอกคนอย่างนักรบนะ มันต้องได้กวนประสาทฉันให้ได้ตลอดไง ปึก! “นี่! จะแหกปากคุยอะไรขนาดนั้น เสียงดังรบกวนคนจะนอน” ฉันยืนจังก้าแหกปากต่อว่านักรบตาเขียวหลังจากเปิดประตูห้องแล้วเจอมันนั่งคุยโทรศัพท์อยู่บนโซฟากลางห้องโถง “เดี๋ยวกูโทรกลับ” นักรบบอกคนในสายแต่ตานี่จ้องมาที่หน้าฉันไม่วางตา แล้วมันไม่ได้จ้องเฉยๆ ด้วยนะ มันแสยะยิ้มพร้อมเล่นหูเล่นตาใส่ฉัน นั่งไขว้ห่างแขนพาดไว้บนขอบโซฟาประหนึ่งว่ามันกำลังชอบใจที่เห็นฉันโดนเอาคืนบ้างจนหัวร้อนแบบนี้ “โดนบ้างเป็นไง หูจะแตกเลยใช่ไหม แต่ฉันคุยเสียงแค่นี้มันยังไม่ได้เท่าหนึ่งของเสียงเพลงที่เธอเปิดเมื่อเช้าเลย” เหอะ เอาคืนสินะ "แค้นขนาดนั้นเลย" ฉันถามท่าทางไม่ยี่หระพร้อมกอดอกเดินเข้าไปหานักรบที่โซฟา ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ มันในเวลาต่อมา "แค้นมากจนอกจะแตกตายเลยไหม ถ้ายังฉันจะได้ทำให้แตกไวๆ" "ขยับไปนั่งไกลๆ" หน่อยทำเป็นห่วงเนื้อหวงตัวนะ กระแดะมากค่ะ น้ำหน้าอย่างมันเนี่ยผู้หญิงเข้าใกล้จนเนื้อพรุนแล้วมั้ง ฉันนั่งใกล้โดนตัวแค่นี้ทำเป็นไล่หน้าดุ เหอะ! "กระแดะ" "เหอะ ฉันเปล่ากระแดะแต่เหม็นยัยลูกพีชเน่าอย่างเธอต่างหาก" สู้มือด้วย งั้นเรื่องอะไรฉันต้องยอม "ขยะเปียกแบบนายหอมฉุนมากเลยมั้ง" หึ เอาสิ มันคิดว่าการที่ด่าว่าฉันแล้วฉันต้องเงียบปากเหรอ ด่ามาฉันสวนกลับท่าเดียวค่ะ เอาอีกสิกำลังสนุกเลย แล้วนั่งจ้องหน้าฉันแบบนี้คือยอมแพ้หรือว่าโมโหอยู่เหรอ แต่ดูแล้วน่าจะโมโหมากกว่าเพราะจ้องหน้าฉันตาไม่กะพริบเลย "ไม่ต่ออะ กำลังสนุกเลย ด่าอีกสิ" ฉันหันตัวนั่งไขว้ห่างพร้อมเอาแขนพาดขอบโซฟาทับแขนของนักรบอย่างข่มขวัญมัน ซึ่งนักรบที่โดนฉันทับแขนมันทำยังไงรู้ไหม มันสะบัดแขนฉันออกแล้วนั่งกอดอกจ้องหน้าฉันแทน เอากับมันสิ คิดว่าการทำแบบนี้แล้วฉันจะกลัวเหรอ จ้องมาฉันก็จ้องกลับ นิ่งมาฉันก็นิ่งกลับ บอกเลยว่าคำว่าแพ้ไม่เคยมีในพจนานุกรมของฉัน แต่... "โคตรไร้สาระ" พรึบ! ใช่ค่ะ จู่ๆ ไอ้บ้านักรบมันก็พูดประโยคนั้นออกมา ก่อนจะลุกขึ้นเดินล้วงมือในกระเป๋ากลับเข้าไปในห้องของตัวเองเฉยเลย ทิ้งให้ฉันที่นั่งมองตามหลังของมันอ้าปากพะงาบๆ เป็นปลาขาดอากาศหายใจอยู่บนบกอย่างตั้งตัวไม่ทัน ไอ้บ้าเอ้ยคิดจะตัดบทก็คือตัดไปเฉยๆ แบบนี้เลยเหรอ คือทิ้งความรู้สึกไร้สาระไว้กับฉันเต็มๆ อะ เหมือนกับว่าที่นั่งต่อปากต่อคำกันเมื่อกี้ฉันมันไร้สาระยังไงอย่างงั้น ให้ตายเถอะ วิ่งตามไปกระโดดถีบมันตอนนี้ยังทันไหมนะ นั่งฮึดฮัดด้วยอารมณ์คุกรุ่นอยู่ในอกนานนับนาที จนนักรบมันหายเข้าไปในห้องนอน ฉันก็ลุกขึ้นจากโซฟาเดินกลับเข้าไปในห้องของตัวเองบ้าง เดินปึงปังกระโดดขึ้นบนเตียงอย่างนึกโมโหที่โดนไอ้บ้านักรบชิ่งตัดบทไปแบบนั้น ก่อนจะปิดตาลงแล้วผล็อยหลับไปในที่สุด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD