บทนำ

1365 Words
สวัสดีครับ…ผมชื่อนักรบ เป็นลูกชายของพ่อทามไทกับแม่น้ำพิ้งค์และมีน้องสาวหนึ่งคนชื่อน้ำตาล ปัจจุบันกำศึกษาอยู่ชั้นปีที่3คณะวิศวกรรมศาสตร์ เอกเครื่องกล และตอนนี้ก็กำลังดำรงตำแหน่งประธานเฮดว้ากแห่งคณะวิศวะที่สาวๆ กว่าค่อนมหาวิทยาลัยพากันพูดต่อๆ กันว่า ‘พี่คนนี้แหละที่โคตรโหดแต่หล่อสุดๆ’ ครับมันก็เป็นจริงอย่างที่พวกเธอว่ากันนั่นแหละครับ ผมมันหล่อ เป็นไอ้คนหล่อที่โหดหน่อยๆ ของรุ่นน้องในคณะ ภาพจำส่วนมากก็จะเป็นพี่ว้ากที่โหดแต่หล่อมากๆ ของน้องๆ แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นหลักสักเท่าไหร่หรอกครับ เพราะประเด็นหลักที่ทำให้ผมโกรธจนหน้าสั่นควันออกหูอยู่ตอนนี้ก็คือ…ยัยผู้หญิงหน้าห้องที่กำลังเปิดเพลงโคตรเสียงดังมากๆ ในเช้าวันเสาร์ซึ่งเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ของผมนี่แหละ พรึบ! "ไม่ต้องนงไม่ต้องนอนมันแล้วโว้ย!" หลังจากที่ความอดทนสุดท้ายของผมมันขาดสะบั้นลงแล้ว ผมก็ดึงผ้าห่มที่คลุมโปงอยู่ตอนนี้ออกจากหน้าหล่อๆ ของตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจฮึดฮัดอย่างหงุดหงิดอยู่บนที่นอนอย่างข่มอารมณ์สุดๆ โคตรจะเป็นวันที่ Bad day สำหรับผมเลย เมื่อคืนกว่าจะได้กลับมานอนก็ปาไปตีสี่กว่าแล้ว เนื่องจากเมื่อคืนมันเป็นคืนวันหยุดของใครหลายๆ คน ลูกค้าที่ผับจึงเยอะเป็นพิเศษแถมเมื่อคืนที่ผับยังมีปัญหาเด็กปีหนึ่งคณะของผมมันดันต่อยกันหลังร้านกับเด็กคณะบริหารอีก ผมที่เป็นเจ้าของผับและพ่วงด้วยความเป็นรุ่นพี่ในคณะและพ่วงไปอีกหนึ่งต่อคือเฮดว้ากประจำคณะจึงต้องช่วยไกล่เกลี่ยให้ ก็คือไกล่เกลี่ยแบบกลางๆ ในฐานะเจ้าของผับนั่นแหละ แต่ถ้าไกล่เกลี่ยในฐานะรุ่นพี่ละก็...มีตะลุมบอนหนักกว่าเดิมบ้างแหละ เพราะไอ้คณะบริหารเนี่ยมันเป็นศัตรูกับคณะของพวกผมตั้งแต่รุ่นปู่ย่าแล้ว ก็เลยไม่ค่อยถูกกันสักเท่าไหร่ เออนอกประเด็นไปเยอะละกลับมาที่ประเด็นตอนนี้ก่อนดีกว่า หลังจากที่ผมนอนถอนหายใจฮึดฮัดอยู่บนเตียงได้สองนาทีเศษๆ ผมก็ตัดสินใจลุกออกจากเตียงเดินไปที่ประตูห้อง เปิดออกพร้อมกับเดินปึงปังไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องฝั่งตรงข้ามที่แม่งยังเปิดเพลงเสียงดังอยู่ตอนนี้ ก่อนจะยกมือทุบประตูห้องเสียงดังจนมือแม่งแดงไปหมด ปัง! ปัง! ปัง! ผมทุบประตูห้องแรงๆ ไปสามครั้งหลังจากนั้นก็ยืนรอเจ้าของห้องออกมาเปิดประตู แต่ผ่านไปนาทีกว่าๆ ไอ้เจ้าของห้องก็ยังไม่ออกมาเปิดประตูให้ผมสักที ผมเลยต้องเคาะประตูอีกครั้งแต่ครั้งนี้ดังกว่าตอนแรกหลายเท่า เอาดิเจ็บมือไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่เจ็บใจที่ไม่ได้นอนนี่แหละผมยอมไม่ได้! ปัง! ปัง! ปัง! ปึก! "จะเคาะหาพระแสงอะไรนักหนาห๊ะ!" เหอะ กระชากประตูเปิดออกแล้วสาดประโยคด้วยท่าทางหงุดหงิดแบบนี้ ยัยนี้มันโตมายังไงวะ เปิดเพลงเสียงดังรบกวนการนอนของคนอื่นแล้วยังไม่สำนึกอีก "นักรบ...มีอะไร เคาะประตูห้องฉันทำไมไม่ทราบ" เมื่อได้สติดี ยัยลูกพีชเจ้าของห้องที่ผมเคาะประตูมือแทบพังเมื่อกี้ก็เรียกชื่อผมด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายอย่างเปิดเผยให้ผมได้เห็น ก่อนจะเอ่ยถามผมว่าเคาะประตูห้องตัวเองทำไม เหอะ ยัยนี้แม่งน่าจับมัดมือมัดเท้าโยนลงจากคอนโดจริงๆ เลยว่ะ สามัญสำนึกเนี่ยลืมไว้ที่บ้านหรือไง "ฉันก็ไม่ได้อยากลุกจากเตียงเดินมาเคาะประตูห้องเธอให้เสียเวลานอนเล่นนักหรอก ถ้าไอ้ห้องตรงข้ามเนี่ยมันมีจิตสำนึกในการอยู่เป็นส่วนรวมมากกว่านี้" "ยังไงไม่ทราบ" เหอะ ได้ยินประโยคตั้งคำถามออกจากปากยัยเตี้ยที่ยืนเท้าสะเอวอยู่ตรงหน้าผมแล้ว ผมถึงกับต้องใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มกลอกตามองบนอย่างข่มอารมณ์เลยครับ ยัยนี้สะกดคำว่ามารยาทเป็นไหมวะ ถ้าสะกดไม่เป็นพี่วินัยแบบผมเนี่ยจะสอนให้ฝังเข้าไปในสมองจำไปจนวันตายให้ "เธอเปิดเพลงเสียงดัง เสียงมันดังจนเข้าไปรบกวนฉันในห้องจนฉันไม่สามารถนอนต่อได้ และการที่เธอทำแบบนี้มันก็เป็นการเสียมารยาทมากด้วย ในชั้นนี้มันไม่ได้มีเธออยู่คนเดียวไง มีฉันอยู่ด้วยหัดเบาเสียงลงเกรงใจคนอื่นเขาบ้าง เพราะวันหยุดเขาจะพักผ่อนกันไม่มีใครอยากฟังเสียงเพลงห่วยๆ ของเธอแต่เช้าหรอกนะ เข้าใจยัง" "เข้าใจ แล้วไงอะ" แล้วไงเหรอวะ โว้ยยย! นี่กูยืนพูดกับคนที่ไม่ได้สวมวิญญาณออกมาหรือไงวะถึงได้ไม่สะท้านเหี้ยอะไรเลยเนี่ย "แล้วไงเหรอ จิตสำนึกยังมีอยู่ไหม ทำคนอื่นเขาเดือดร้อนแต่ยังทำหน้าลอยหน้าลอยตาไม่สะทกสะท้านแบบนี้อีก เธอนี่มัน..." "มันอะไร" "มันไร้มารยาทไง วันนี้มันวันหยุดนะ และฉันก็ต้องการพักผ่อนด้วย ถ้าเธอจะฟังเพลงเสียงดังขนาดนั้นก็เอาหูฟังยัดใส่หูแล้วเปิดเสียงดังให้สุดเอาให้หูแตกไปเลยมันจะไม่มีใครว่าเธอเลยเว้ย แต่นี่เธอเผื่อแผ่ให้คนอื่นไง ซึ่งคนที่รับกรรมเต็มๆ ก็คือฉันที่อยู่ห้องตรงข้ามกับเธอ เห็นใจคนอื่นบ้างดิว่ะ" หลังจากที่ผมสุดจะทนกับยัยลูกพีชที่ตอบกลับมาด้วยสีหน้าที่ไม่เดือดร้อนอะไรกลับมา ผมก็ถึงกับฟิวส์ขาดเลยครับ ตอบกลับยาวเหยียดแบบใส่อารมณ์สุดๆ ผู้หญิงก็ผู้หญิงเถอะว่ะกูไม่ตะบันหน้าให้ก็บุญแค่ไหนแล้วที่ยืนทำหน้าไม่เดือดร้อนใส่เนี่ย "ก็ฉันสะดวกแบบนี้อะ ฉันกำลังลดน้ำหนักอยู่เวลาเปิดเพลงดังๆ มันบิ้วอารมณ์ให้ฉันเต้นดีไง มันเลยเบาเสียงไม่ได้เดี๋ยวเต้นไม่ออก" กูละเชื่อยัยลูกพีชเน่านี้จริงๆ เลยว่ะ ไม่สะท้านเหี้ยไรเลยมั้ง ขนาดว่ากันขนาดนี้ยังลอยหน้าลอยตาได้อีก กูจะฟ้อง ฟ้องพ่อยัยนี้ให้เอาฉาบบ้องหูสักทีเถอะ ทำหูทวนลมฉิบเป๋งเลย "เหอะ ถ้าเบาเสียงเพลงไม่ได้ก็อยู่เป็นโอ่งต่อไปเถอะจะได้ไม่เป็นภาระคนอื่น" ผมไม่รู้จะว่ายังไงเลย ก็เลยว่าทิ้งท้ายให้ยัยเตี้ยตรงหน้ามันเจ็บใจจนควันออกหูเล่นไปแบบนั้น ก่อนจะเตรียมหมุนตัวกลับไปที่ห้องของตัวเอง แต่บังเอิญนึกบางอย่างออกก่อนก็เลยหมุนตัวกลับไปหายัยลูกพีชอีกครั้ง "อ้อ แล้วถ้าฉันกลับเข้าห้องไปแล้วเสียงเพลงของเธอมันยังดังรบกวนอยู่ละก็ ฉันจะเปิดตั้งนะโมสามจบสู้เธอกลับ" เอาดิว่ะ เพลงห่วยๆ ของยัยนี้เหรอว่ะจะสู้กับบทสวดไล่ผีของผมได้ อีกอย่างถ้ายัยลูกพีชได้ยิน ผีบ้าในร่างกายจะได้ออกจากร่างยัยนี้ด้วย "นี่! ฉันไม่ได้ผีเข้านะยะ!" "เหอะ เหรอ...สภาพเธอตอนนี้ ไม่เข้าก็เหมือนเข้านั่นแหละ" ว่าจบผมก็หมุนตัวเดินกลับเข้าห้องตัวเองทันที ปล่อยให้ลูกพีชยืนกำหมัดแน่นพร้อมกับท่าทางที่อยากจะกรี๊ดใส่หน้าผมเต็มทีอยู่ที่เดิมต่อไป เอาสิวะ ถ้ายัยนั่นยังดื้อดึงที่จะเปิดเพลงเสียงดังอยู่ละก็ ผมเปิดตั้งนะโมสามจบสู้กลับไปจริงๆ แน่ ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครมันจะชนะ!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD