ตอนที่1
ธาราริน อินดีสเทรียล คือธุรกิจสิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ชั้นนำเพียงหนึ่งเดียวที่มีโรงงานผลิตครบวงจรในประเทศ มีพนักงานมากกว่าหนึ่งหมื่นคน พร้อมให้บริการผลิตสิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์คุณภาพสูงแก่ลูกค้าทั่วโลก
ผู้กุมบังเ**ยนของธารารินในปัจจุบันคือ ธรณ์ พัชรวิทิต ทายาทรุ่นที่สอง บุตรชายคนโตของคุณธาราและคุณหญิงรินลณี เขาเป็นชายหนุ่มวัยสามสิบสองปี ผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีและโทด้านบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐอเมริกา
ภายในเวลาเพียงสามปี เขาก็สามารถก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งประธานกรรมการแทนบิดาได้อย่างไร้ข้อกังขา พาหุ้นของบริษัททะยานสู่จุดสูงสุด ธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง จนได้รับฉายาว่าเป็น "นักธุรกิจหนุ่มที่มาแรงที่สุด" สามปีซ้อน
นอกจากพื้นเพที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพลแล้ว ธรณ์ยังเป็นชายหนุ่มผู้เปี่ยมเสน่ห์ รูปงามราวเทพบุตร ส่วนสูงหนึ่งร้อยแปดสิบเก้าเซนติเมตร ใบหน้าคมสัน ดวงตาคมกริบ และจมูกโด่งอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าใครได้สบตาก็ยากจะละสายตาจากเสน่ห์ที่ยากจะต้านทานของเขา
สำนักงานใหญ่ของธารารินตั้งอยู่ในตึกสูงห้าสิบเจ็ดชั้นริมแม่น้ำสายสำคัญ ชั้นบนสุดของตึกคือห้องทำงานของเขา ซึ่งกินพื้นที่ทั้งชั้น พร้อมสรรพไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ห้องนอน สระว่ายน้ำ และบาร์เล็ก ๆ เปรียบได้กับเพนต์เฮาส์ส่วนตัว
“อ๊า…อ่า…”
เสียงครางแผ่วเบาหลุดจากริมฝีปากของหญิงสาว ร่างกายสั่นสะท้านจากแรงกระแทกที่แน่นหนาจากเบื้องหลัง ร่างสูงใหญ่ที่เป็นฝ่ายคุมเกมขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะผ่อนจังหวะช้าลง เปลี่ยนเป็นจังหวะลึกและเนิบช้าแต่เร้าใจ เขาขยับเข้าจนสุดแล้วค่อยถอนออกอย่างเย้ายวน ทำซ้ำอย่างนั้นสองสามครั้ง
“อึก…”
“ร้องออกมาเถอะ… ฉันบอกแล้วใช่ไหม ว่าฉันชอบฟังเสียงของเธอ”
เสียงแหบพร่าของเขากระซิบชิดข้างหู ก่อนจะพลิกร่างบางให้คว่ำลงกับโต๊ะทำงาน กระโปรงหวานสีพาสเทลถูกร่นขึ้นไปกองที่เอวเผยให้เห็นผิวเนียนละเอียดและกางเกงในลูกไม้ที่รั้งอยู่ที่ข้อเท้าข้างหนึ่ง
ชายหนุ่มไม่รอช้า สอดกายเข้าไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ให้เธอตั้งตัว ฝ่ามือใหญ่ฟาดเบา ๆ ลงบนสะโพกนวลเนียนจนเกิดรอยแดงจาง ๆ ตามแรง พร้อมกับสะโพกสอบที่เริ่มขยับถี่รัวและหนักแน่น
“อ๊าาา…คุณธรณ์…”
มุมปากของเขาโค้งยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เมื่อได้ยินเสียงหวานแผ่วเบาที่เขาเฝ้ารอฟัง
ฝ่ามือหนาเคล้นคลึงทรวงอกอวบผ่านเสื้อเชิ้ตสีฟ้าที่ปลดกระดุมออกสามเม็ด เผยให้เห็นความงามที่เบียดแน่นอยู่ภายใต้บราเซียลูกไม้ซึ่งร่นลงไปกองใต้ฐานอก เขาใช้ปลายนิ้วสะกิดยอดถันเบา ๆ ในขณะที่ยังคงขยับเอวอย่างต่อเนื่อง
“เบา…จุก…อ๊า…”
เขาขยับสะโพกแรงขึ้นอย่างไม่ปรานี จนร่างบางใต้ร่างสะท้าน เสียวซ่านไปทั่วทั้งท้องน้อย สองขาสั่นระริกไร้เรี่ยวแรง ต้องใช้มือยันขอบโต๊ะไว้เพื่อประคองตัว
“อืม…ตอดดีจริง ๆ…”
ระหว่างที่เรือนกายทั้งสองกำลังหลอมรวม เสียงโทรศัพท์เครื่องหรูก็แผดขึ้นขัดจังหวะ ชายหนุ่มหยิบมันขึ้นมากดรับทั้งที่เอวยังคงขยับไม่หยุด
“ครับ”
น้ำเสียงของเขาเจืออารมณ์อดกลั้น ขณะที่สันกรามขบแน่นเมื่อรู้สึกถึงแรงรัดจากโพรงเนื้ออุ่น
“พี่ธรณ์คะ ตอนเย็นคุณแม่ให้ชวนไปทานข้าวที่บ้าน สะดวกไหมคะ?”
“ได้ครับ เดี๋ยวตอนเย็นพี่ไปรับพิมพ์ที่ร้านเวลาเดิมนะ แค่นี้ก่อน พี่ติดงานด่วน”
ทันทีที่วางสาย เขาจับร่างบางพลิกขึ้นนอนหงายบนโต๊ะ แยกขาขาวเรียวทั้งสองข้างออกจากกันแล้วโน้มตัวลงมองภาพเย้ายวนตรงหน้า ดวงตาคมวาวด้วยความหิวกระหาย
“ตื่นเต้นล่ะสิ ถึงได้ตอดฉันถี่ขนาดนี้…”
เขาไม่รอฟังคำตอบ ดึงร่างเล็กเข้าหา ยกขาข้างหนึ่งพาดบนแขน แล้วสอดกายเข้าไปอีกครั้ง ภาพของท่อนเนื้อผลุบเข้าออกจากกลีบเนื้ออ่อนนุ่มยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ดิบในกายเขาให้ลุกโชน ชายหนุ่มครางเสียงต่ำในลำคอ ก่อนจะเร่งจังหวะให้ถี่รัว ฝ่ามือข้างหนึ่งเคล้นคลึงหน้าอกอวบแน่นที่โผล่พ้นจากบราลูกไม้ตัวบาง
“คุณธรณ์…”
เสียงเรียกกระเส่าหลุดจากเรียวปากของหญิงสาว หยาดน้ำใสไหลรินลงมาตามบั้นท้ายงาม หยดลงบนโต๊ะไม้ราคาแพง
“อืม…อีกนิดเดียว…”
เขาก้มลงครอบริมฝีปากที่ยอดอกสีหวานก่อนจะขยับถี่เร็วขึ้น แล้วปลดปล่อยความร้อนรุ่มออกมาพร้อมเสียงคำรามต่ำ ร่างสูงกระตุกเกร็ง น้ำขาวขุ่นทะลักออกจากโพรงรักขณะเขาถอนกายออก
ร่างบางที่หอบหายใจถี่ค่อย ๆ เลื่อนตัวลงไปนั่งกับพื้นอย่างรู้หน้าที่ ใช้ปลายลิ้นทำความสะอาดให้อย่างแผ่วเบา ขณะสายตาของเขามองด้วยแววพึงใจ
“ฉันจะออกไปข้างนอก”
เขาพูดพลางเก็บกายเข้ากางเกง หันไปมองใบหน้างดงามที่ยังแดงเรื่อ ก่อนใช้นิ้วโป้งเช็ดคราบขาวที่มุมปากให้อย่างอ่อนโยน
“เก็บห้องให้เรียบร้อย แล้วขึ้นไปอาบน้ำ วันนี้เธอกลับก่อนได้ ฉันอนุญาต”
“ค่ะ…”
เขาตบแก้มเธอเบา ๆ ก่อนเดินออกจากห้องไป เธอเดาได้ว่าเขาคงเข้าไปอาบน้ำในห้องนอนแล้วจะใช้ลิฟต์ส่วนตัวออกไปตามนัดของว่าที่คู่หมั้นที่โทรมาเมื่อครู่
รมิตา มองภาพสะท้อนของตนเองในกระจกด้วยความรู้สึกเจ็บลึกในใจ สภาพที่เห็นทำให้เธอรู้สึกสมเพชตัวเอง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันจบลงแบบนี้…
นับตั้งแต่วันที่เขาเปิดตัวว่าที่คู่หมั้น ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ค่อย ๆ ห่างเหินออกไป หรือบางที… มันอาจถึงเวลาแล้วจริง ๆ
ถึงเวลาที่เธอควรจบ 'หน้าที่เลขาบนเตียง' ไว้เพียงเท่านี้...