ย้อนกลับไปเมื่อหลายเดือนก่อน
รมิตาคือเด็กใหม่ที่เข้ามาทำงานในแผนกการตลาด ด้วยความสวยเด่นดีกรีอดีตดาวมหาลัยที่พ่วงเกียรตินิยมอันดับหนึ่งทำให้รมิตาเข้ามาทำงานในบริษัทธารารินได้ไม่ยาก ความอ่อนน้อมถ่อมตนมีน้ำใจชอบช่วยเหลืองานคนอื่นอยู่เสมอเธอจึงเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานและพี่ๆ ในแผนก
เนื่องด้วยความเก่งของรมิตาไปเข้าตาผู้จัดการฝ่าย รมิตาได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ช่วยหัวหน้าทีมการตลาดที่กำลังทำโครงการใหม่หลายร้อยล้าน
“มิตา!”
รมิตาที่กำลังเดินเข้ามาในบริษัทเหมือนปกติเฉกเช่นทุกวันมองเจ้าของเสียงที่วิ่งกระหืดกระหอบมาแต่ไกลด้วยความสงสัย ก่อนจะช่วยพยุงร่างของเพื่อนสนิทที่เมื่อมาถึงก็แทบจะทรุดตัวลงกับพื้นเพราะแข็งขาหมดแรง
“เป็นอะไรเนี้ยแป๋ว วิ่งมาซะไกลเชียว”
แป๋วแหววหอบเอาอากาศหายใจก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงกระท่อนกระแท่น
“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”
“เรื่องอะไร เกิดอะไรขึ้น?”
ยังไม่ทันที่แป๋วแหววจะได้บอกถึงสาเหตุที่เธอวิ่งมาแต่ไกล ก็มีชายชุดดำสี่คนกรูกันเข้ามาล้อมพวกเธอเอาไว้
“คุณรมิตา ช่วยไปกับเราด้วยครับ” หนึ่งในชายชุดดำพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม
“ไปไหนคะ นี่มันเรื่องอะไรกัน”
รมิตามึนงงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เธอมองหน้าแป๋วแหววสลับกับชายชุดดำอย่างหาคำตอบ
“คุณเอนกยัดยอกเงินและขายข้อมูลบริษัท มิตาโดนกล่าวหาว่ามีส่วนพวกเขาก็เลย…”
แป๋วแหววไม่กล้าพูดต่อเมื่อเผลอไปสบตากับตาคมของชายชุดดำ
“เชิญครับ คุณรมิตา”
ชายคนเดิมย้ำอีกครั้ง
รมิตาจำใจต้องเดินตามพวกเขาไปโดยที่แป๋วแหววได้แต่ยืนมองด้วยความเป็นห่วง
ชายชุดดำพวกนั้นพารมิตาเข้ามาในห้องประชุมชั้นบนสุดที่ เป็นพื้นที่สำหรับผู้บริหารระดับสูงสถานที่ที่พนักงานตัวเล็กๆ อย่างเธอไม่เคยย่างกรายเข้ามาใกล้
“ท่านประธานจะเข้ามาในอีกสักครู่ คุณรมิตานั่งอยู่ในห้องนี้ก่อนนะครับ”
แล้วพวกเขาก็ออกไปปล่อยให้รมิตานั่งรออย่างสับสน เอนกเป็นหัวหน้าของเธอที่ทำงานมาหลายปีเขาจะกล้ายักยอกเงินและขายข้อมูลจริงๆ หรือ?
ไม่นานประตูห้องก็ถูกเปิดออกตามมาด้วยชายร่างสูงสง่า ใบหน้าหล่อเหลาที่มาพร้อมกับนัยต์คมกริบที่ซ่อนอยู่ใต้กรอบแว่นท่าทางเขาดูเยือกเย็นและเย่อหยิ่ง ยิ่งตอนที่ถูกนัยต์ตาดำดิ่งคู่นั้นจับจ้องยิ่งทำให้ขนทั้งร่างลุกซู่อย่างไม่ทราบสาเหตุ
ใครๆ ก็บอกว่าผู้ชายคนนี้…น่ากลัว
เขาคือท่านประธานใหญ่แห่งธารารินอินดีสเทรียลแห่งนี้ เล่ากันว่าใครที่กล้าโกงเงินของธารารินไปแม้แต่สลึงเดียวจะถูกขึ้นบัญชีดำอนาคตวูบดับไม่มีโอกาสได้ลืมตาอ้าปาก
ก็แล้วยังไงล่ะ…
รมิตามั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด เธอตั้งใจทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจไม่เคยคิดคดโกงเงินใครทั้งนั้น
“ใครสั่งให้ทำ”
น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยถามเสียงเรียบ เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงกดดันเธอด้วยใบหน้านิ่งๆ กับสายตาคมกริบคู่นั้น
อากาศหนาวจากแอร์ในห้องดำทำงานได้ดีเหลือล้น ไม่รู้ว่าที่ขนอ่อนตรงลำคอชูชันขึ้นเพราะความหนาวจากแอร์หรือความเยือกเย็นจากชายตรงข้ามกันแน่
“มิตาไม่ได้ทำอะไรผิดค่ะ”
เสียงของเธอหนักแน่น มั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเอง
“งั้นนี่ลายเซ็นใคร”
แฟ้มเอกสารลอยลิ่วมาที่เธอโดยฝีมือของผู้สอบสวน
รมิตาเปิดดูข้อมูลในแฟ้มที่เขาส่งมาให้ มีลายเซ็นของเธอขออนุมัติงบเบิกจ่ายซื้อวัสดุราคาหลายล้านบาทอีกแผ่นเป็นข้อมูลลูกค้าที่เกือบหลุดออกไปถึงมือบริษัทคู่แข่ง
“นี่มัน…”
ยากที่จะปฏิเสธลายเซ็นขอเบิกงบจัดซื้อใบนี้คือลายเซ็นของเธอจริงๆ เอกสารฉบับนี้หัวหน้าเป็นคนนำมาให้เธอเบิกจ่ายกับฝ่ายจัดซื้อทว่าตัวเลขมันมากกว่าที่เธอเคยเห็นส่วนข้อมูลลูกค้าเธอไม่รู้เรื่องเลยจริงๆ
“พูดไม่ออกเลยล่ะสิ แสดงว่ายอมรับใช่มั้ย”
“ไม่ใช่นะคะ มันไม่ใช่แบบนั้น”
“หลักฐานชัดขนาดนี้ยังกล้าปฏิเสธอีก” เมื่อเห็นสายตาเธอฉายแววตระหนกเขาก็โหมกระหน่ำใส่เธออีกรอบ
รมิตาพูดไม่ออกความมั่นใจในทีแรกหายไปจนหมดวินาทีนั้นรู้ตัวได้ในทันทีเลยว่าเธอถูกใส่ร้าย มีการปลอมแปลงเอกสารขึ้นโดยใช้เธอเป็นแพะรับบาป และคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากหัวหน้าแผนกที่เคยคิดว่าเขาเป็นคนใจดีกลับกลายเป็นคนแทงข้างหลังเธออย่างเลือดเย็น
“ขอเวลาค่ะ มิตาจะพิสูจน์ว่าไม่ใช่คนทำเรื่องแบบนี้”
“แล้วทำไมฉันต้องเชื่อคำพูดของคนที่คิดโกงเงินของฉันด้วยล่ะ ไหนบอกมาซิว่าเธอมีอะไรมาต่อรอง”
แน่นอนว่าไม่มี…
รมิตาเป็นเพียงเด็กบ้านนอกที่พึ่งเรียนจบหมาดๆ เข้ามาทำงานที่นี่ยังไม่ถึงปีด้วยซ้ำฐานะทางบ้านไม่ได้ร่ำรวยอะไรออกจะค่อนไปทางยากจนมากกว่า ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ไม่มีอะไรที่พอจะใช้ค้ำประกันความบริสุทธิ์ได้เลย
รมิตากำมือแน่นเธอไม่มีวันถูกดำเนินคดีในสิ่งที่ไม่ได้ทำ
“กล้องวงจรปิดละค่ะ คุณลองเช็กดูว่าตอนทำตามิตาทำอะไรบ้าง”
“กล้องมันจับภาพได้แค่เอนกแต่เธออาจจะเป็นนางนกต่อที่คอยช่วยงานเขาอยู่ลับๆ”
“มิตาต้องช่วยงานคุณเอนกในฐานะผู้ช่วยค่ะ และหน้าที่นี้มิตาไม่ได้เสนอทำแต่เป็นหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมา”
“เธอจะโยนความผิดให้เหัวหน้าฝ่ายงั้นซิ”
“มันไม่ใช่แบบนั้น” รมิตากัดริมฝีปากแน่น เธอไม่สามารถต่อกรกับเขาได้เลย
“มิตาไม่ได้ทำค่ะ ลองเช็กมือถือหรือสืบดูก็ได้”
“ผู้ร้ายเวลาโดนจับได้ก็มักจะบอกว่าไม่ได้ทำ ฉันเบื่อจะต่อล้อต่อเถียงกับเธอแล้ว สารภาพมาว่าทำอะไรไปบ้าง”
“มิตาไม่ได้ทำจริงๆ”
“ผู้ร้ายปากแข็งซินะ งั้นฉันจะให้ทางเลือกกับเธอสักหน่อยก็แล้วกัน”
ภายใต้ใบหน้าแสนเย็นชาหากแต่แฝงความร้ายกาจเอาไว้ มือที่ควงปากกาไปมาหยุดลง ดวงตาดำมองอีกฝ่ายอย่างพิจารณาจับจ้องที่ใบหน้างามอย่างไม่ละสายตา
“ข้อแรกลงชื่อยอมรับความผิดแล้วชดใช้ยี่สิบเท่าของเงินที่โกงไป”
เงินตั้งมากมายขนาดนั้นจะหาที่ไหนมาชดใช้อีกอย่างทำไมต้องจ่ายในเมื่อเธอไม่ได้เอาเงินเขาไปแม้แต่สตางค์แดงเดียว
รมิตาส่ายหน้าสำหรับทางเลือกนี้
“ข้อสอง ในเมื่อไม่มีเงินมาจ่ายงั้นก็ติดคุกชดใช้ความผิด”
ไม่มีทางถ้าเสาหลักของบ้านอย่างเธอติดคุกติดตะรางไปแล้วใครจะส่งเงินให้ยายที่บ้านนอกไหนจะน้องที่กำลังเรียนหนังสืออยู่ เธอไม่ได้แค่พังคนเดียวแต่คนทางบ้านก็จะล้มตามๆ กันไปด้วย
ข้อนี้เธอก็ทำไม่ได้จริงๆ
“งั้นสุดท้าย…มาเป็นเลขาของฉัน”
“คะ?” ไม่มั่นใจว่าตัวเองฟังผิดหรือหูแว่วไปเอง ทางเลือกข้อสุดท้ายมันดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่
“เลขาที่ทำงานทั้งบนโต๊ะและบนเตียงด้วย”
รมิตาเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้วสิ่งที่เขาต้องการคือตัวเธอ เพราะมันเหมือนจะมีค่าที่สุดสำหรับเธอในตอนนี้
ตอนที่ได้เข้ามาทำงานที่นี่คิดว่าตัวเองโชคดีมากๆ แต่ตอนนี้ชักจะไม่แน่ใจเพราะเพียงไม่นานก็ถูกหัวหน้าหลอกใช้ป้ายสีความผิดให้กับเธอ จากนั้นก็ถูกเสนอให้เอาตัวเข้าแลกเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์
“ฉันจะทำเป็นปิดตาสักข้างมองไม่เห็นความผิดของเธอและแน่นอนว่ามีค่าสึกหรอให้ ฉันไม่ชอบเอาเปรียบใคร”
ยังไม่ทันที่รมิตาจะได้เอ่ยปากปฏิเสธเขาก็พูดแทรกขึ้นอีก
“ฉันจะไม่ดำเนินคดีกับเธอและจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป หน้าที่ของเธอคือย้ายมาทำงานกับฉันและข้อสุดท้ายเลขาบนโต๊ะเปิดเผยได้ แต่บนเตียงคือความลับ”
ยังไม่ทันที่จะได้คำตอบ ชยพลผู้ช่วยคนสนิทของท่านประธานก็เปิดประตูเข้ามาส่งซิกบางอย่างให้กับผู้เป็นนาย ท่านประธานพยักหน้ารับคุณผู้ช่วยก็โค้งศีรษะเล็กน้อยแล้วกลับออกไป
“ฉันต้องไปก่อนถ้าเธอตกลงไปหาฉันโรงแรมแมนดารินห้อง403เวลาสองทุ่ม ขอย้ำว่านี่คือโอกาสเดียวของเธอ”
เขาวางคีย์การ์ดทิ้งไว้แล้วเดินออกไป ปล่อยให้รมิตานั่งสมองตื้ออยู่คนเดียวเพราะไม่รู้จะตัดสินใจยังไงต่อกับทางเลือกที่บีบคั้น เธอไม่ได้เป็นคนทำผิดทำไมถึงต้องมารับกรรมที่ไม่ได้ก่อ
ภายในรถหรูที่กำลังแล่นผ่านถนนสายหลัก ชยพลผู้ช่วยคนสนิทที่พ่วงตำแหน่งสารถีประจำตัวท่านประธานกำลังขับรถมุ่งหน้าไปยังโรงแรมที่เป็นสถานที่นัดหมายของเจ้านายกับคู่ค้ารายใหม่
“มีอะไรก็พูดมา” เขาหยุดมือที่กำลังไล่ดูรายงานในแท็บแล็บ เอ่ยถามผู้ช่วยที่ลอบมองเขาผ่านกระจกมองหลังหลายครั้ง
“เรื่องคุณรมิตานะครับ ไม่ใช่ว่านายเอนกสารภาพว่าร่วมมือกับนงนุชฝ่ายจัดซื้อยักยอกเงินสั่งซื้อไปไม่ใช่หรือครับ คุณรมิตาเธอไม่น่าจะรู้เรื่องอะไรแล้วทำไมท่านยัง…”
ยังไม่ทันที่จะพูดจบ ชยพลก็ปิดปากเงียบเพราะสายตาคมกริบของท่านประธานที่ตวัดมองเขาผ่านกระจก
“แล้วยังไง…”
เสียงเรียบที่ทำให้สารถีไม่กล้าถามต่อ
“เปล่าครับท่าน ขอโทษครับ”
อาจเป็นเพราะท่านประธานต้องตาในความสวยของคุณรมิตาเขาเองก็พึ่งเคยเห็นผู้หญิงที่สวยจนไม่อาจละสายตาราวกับต้องมนต์สะกดหลุดอยู่ในภวังค์ความงามเป็นครั้งแรก
“แคนเซิลงานคืนนี้ให้หมด ตั้งแต่สองทุ่มเป็นต้นไปฉันไม่ว่าง”
“ครับท่าน จะให้ส่งรถไปรับเธอไหมครับ” ปกติถ้าจัดหาผู้หญิงให้เจ้านายเขาจะส่งรถไปรับและส่งกลับหลังเสร็จงาน
“ไม่ต้อง เธอจะมาเอง”