“คุณอยากจะกินอะไรล่ะโมเดล” วาคิมถามหลังจากเขาพาเธอมายังร้านอาหาร
เมลดาหยิบเมนูมาดู มีอาหารหลายอย่างที่เธออยากทานเพราะตอนอยู่อเมริกาก็ไม่ได้ทานอาหารพวกนี้เท่าไหร่ พอกลับมาเมืองไทยก็มัวแต่ยุ่งเรื่องพ่อเลยยังไม่ได้ทานอาหารที่ตัวเองชอบ
“ฉันเอาห่อหมกทะเลมะพร้าวอ่อน แกงเขียวหวานเนื้อ ยำวุ้นเส้นแบบโบราณค่ะ” หญิงสาวบอกพนักงานที่เดินมารับออเดอร์
“แล้วคุณผู้ชายจะรับอะไรเพิ่มอีกไหมคะ” พนักงานสาวถามเมื่อเห็นวาคิมพลิกเมนูกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบ
“ผมเอายำถั่วพูกุ้งสด ฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อนและต้มจืดลูกรอกครับ” อาหารทุกที่สั่งมาเป็นอาหารที่วาคิมและเมลดามักจะไปทานด้วยกันอยู่บ่อยๆ
“คุณดูผอมไปนะโมเดล” วาคิมชวนเธอคุยระหว่างรออาหาร
“ค่ะ”
“ผมเสียใจเรื่องพ่อของคุณด้วยนะ คุณอันที่จริงวันที่เผาศพท่านผมก็ไปร่วมงานเพียง แต่คุณกำลังยุ่งอยู่ผมเลยไม่เข้าไปทัก”
“ขอบคุณนะคะที่ไปร่วมงานของคุณพ่อ ความจริงคุณไม่น่าลำบากเลยเพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว”
“ผมแยกแยะออกนะโมเดล ถึงแม้เราจะเลิกกันแล้วแต่ตอนที่เราคบกันคุณลุงท่านก็ดีกับผมมาก ผมก็อยากไปส่งท่านเป็นครั้งสุดท้าย”
“ถ้าคุณไปด้วยใจบริสุทธิ์ฉันก็ขอขอบคุณแทนคุณพ่อด้วยค่ะ”
“เราไม่เจอกันนาน คุณสบายดีใช่ไหมโมเดล”
“ก็อย่างที่เห็นค่ะ ฉันสบายดี”
“เขาดูแลคุณดีใช่ไหม”
“หมายถึงพี่วินเหรอคะ”
“ใช่เขานั่นแหละ”
“พี่วินดูแลฉันกับลูกดีมาก แล้วคุณล่ะเป็นยังไงบ้าง” เมลดาตัดสินใจถามออกไปเพราะตั้งแต่ย้ายไปอยู่อเมริกาก็ไม่เคยทราบข่าวคราวของวาคิมอีกเลย
“ก็สบายดีตอนนี้ผมทำหมู่บ้านจัดสรรอย่างที่ผมเคยคิดไว้กิจการกำลังไปได้สวย”
“คุณเป็นคนเก่งฉันว่าอีกหน่อยความฝันที่คุณวาดไว้ก็คงจะเป็นจริงมัน”
“จะมีประโยชน์อะไรล่ะโมเดลฝันที่เราเคยมีร่วมกันแต่ตอนนี้กลายเป็นผมคนเดียวที่กำลังจะทำตามฝัน”
วาคิมพูดทุกอย่างออกมาทำความรู้สึกเขากับเมลดาเคยวาดฝันกันไว้ว่าทั้งสองจะร่วมกันเปิดบริษัทรับสร้างบ้าน และบ้านแต่ละหลังจะออกแบบให้เป็นเอกลักษณ์ไม่ใช่เหมือนกันทุกหลังเหมือนกับบ้านจัดสรรทั่วไป ทั้งสองสัญญาร่วมกันสร้างไปด้วยกัน
“อย่าพูดถึงมันอีกเลยค่ะ ทุกอย่างมันจบแล้ว คุณอย่ารื้อฟื้นมันขึ้นมาอีกเลย ที่ฉันมากินข้าวกับคุณก็เพื่ออยากจะบอกคุณว่าต่อไปอย่าเจอกันอีก”
“ทำไมคุณใจร้ายกับผมจังเลยล่ะ เราเพิ่งได้เจอกันเองนะ”
“คุณก็รู้ว่าตอนนี้ฉันมีครอบครัวแล้วจะให้ออกมาเจอคุณอีกได้ยังไงล่ะวาคิม”
“แต่เราเป็นเพื่อนกันได้นี่”
“อย่าเลยค่ะ ฉันไม่อยากทำให้สามีของฉันไม่สบายใจแค่ที่ฉันออกมากินข้าวกับคุณวันนี้ก็รู้สึกเกรงใจเขามากแล้ว”
“ดูคุณรักเขามากนะ”
“แน่นอนค่ะ” เมลดาตอบก่อนจะหลบสายตาของเขาที่จ้องเหมือนกำลังจะจับผิดอะไรบางอย่าง เธอทำตัวไม่ถูกแล้วเธอก็ถอนหายใจเมื่อเห็นพนักงานของร้านกำลังเดินนำอาหารมาเสิร์ฟ
“เรารีบกินกันเถอะค่ะฉันหิวมากแล้ว”
“ผมเองก็เหมือนกัน”
ระหว่างทานอาหารวาคิมก็แอบมองเมลดาเป็นระยะๆ เขาไม่เจอเธอมานานถึงหกปีแล้ว แต่ก็ไม่คิดเลยว่าหญิงสาวจะสวยมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ถ้าเขาเจอเธอครั้งแรกวันนี้ก็มั่นใจได้เลยว่าตนเองจะต้องเข้าไปจีบหญิงสาวอย่างแน่นอน
วาคิมอยากจะถามเมลดาว่าเหตุผลที่เธอทิ้งเขาไปเมื่อหกปีก่อนคืออะไรกันแน่ เพราะเขามั่นใจว่าตนเองทำหน้าที่แฟนได้เป็นอย่างดี เขาตามใจหญิงสาวทุกอย่างและไม่เคยมองผู้หญิงอื่นระหว่างที่คบกับเมลดาเลย
ชายหนุ่มยังไม่ปักใจเชื่อว่าเมลดาทิ้งเขาเพราะมาวิน เขาคิดว่าตนเองรู้จักเธอเป็นอย่างดีและไม่มีทางเลยที่เมลดาจะนอกใจ แต่มันก็มีอีกอีกข่าวลือหนึ่งที่วาคิมพอจะได้ยินมา ก็คือเมลดาท้องเธอเลยลาออกและหนีไปอยู่ต่างประเทศ และเด็กในท้องของเธอคือลูกของมาวินเนื่องจากมีคนเห็นทั้งสองคนที่คลินิกแห่งหนึ่งซึ่งมันก็ตรงกับช่วงที่เมลดากับเขาทะเลาะกันพอดี
“คุณไม่กินเหรอวาคิมเอาแต่นั่งจ้องฉันแบบนี้เมื่อไหร่จะอิ่ม”
“ขอโทษนะโมเดล ผมคิดอะไรเพลินไปหน่อย” วาคิมเริ่มทานอาหารอีกครั้ง
ทั้งสองนั่งทานอาหารกันอย่างเงียบๆ จนกระทั่งอิ่มเขาก็มาส่งเธอที่ลานจอดรถในห้างสรรพสินค้า
“ขอบคุณที่เลี้ยงข้าวฉันนะวาคิม”
“เราจะเจอกันอีกได้ไหมโมเดล”
“ฉันบอกคุณไปแล้วนี่ว่าเราไม่ควรเจอกันน่าจะดีที่สุด ฉันขอตัวก่อน”
เมลดาขับรถกลับมายังบ้านของตนเองโดยมีรถของวาคิมขับตามมาห่างๆ พอเธอเลี้ยวเข้าบ้านเขาก็จอดอยู่หน้าประตูรั้วอีกพักใหญ่ก่อนจะขับกลับ
“โมเดลแม่ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม” คุณมยุรีกดรีโมทปิดทีวีเมื่อเห็นลูกสาวเดินเข้ามาในบ้าน
“หนูก็มีเรื่องจะคุยกับแม่เหมือนกันค่ะ” เมลดานั่งลงข้างมารดาบนโซฟากลางห้องรับแขก
“ไปกินข้าวกับใครมา ถึงได้กลับค่ำแบบนี้”
“พี่วินบอกแม่ว่าหนูไปกับใครเหรอคะ”
“วินเขาบอกว่าหนูไปกับเพื่อนเก่า แต่แม่ว่าคงไม่ใช่เพื่อนธรรมดาใช่ไหม”
“หนูไปกินข้าวกับวาคิมมาค่ะแม่”
“อะไรนะลูก” คุณมยุรีตกใจเพราะไม่คิดว่าลูกสาวจะออกไปกับอดีตคนรัก
“หนูก็แค่ไปกินข้าวด้วยกันเท่านั้นเองไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
“ทำไมถึงไปกับเขาได้ โมเดลคงไม่คิดจะกลับมาคบกับเขาหรอกนะ” เธอมองหน้าลูกสาวอย่างต้องการคำตอบเพราะวาคิมเคยทำให้เมลดาเสียใจมาแล้วครั้งหนึ่งเลยไม่อยากให้ลูกสาวไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้อีก
“ไม่หรอกค่ะแม่”
แล้วเมลดาก็เล่าถึงเหตุผลที่ตนเองไปทานข้าวกับวาคิม ให้กับมารดาฟังทั้งหมด
“แม่ไม่คิดเลยว่าเขาจะกลับมาเจอหนูอีก”
“หนูก็ไม่คิดเหมือนกันค่ะ เขาบอกด้วยนะคะว่าวันเผาคุณพ่อเขาก็มาที่วัดและเขาก็เคยเห็นบอสตันแล้วด้วยค่ะ”
“เขาไม่สงสัยอะไรใช่ไหมลูก”
“ไม่นะคะ เขาคิดว่าบอสตันคือลูกของพี่วินค่ะ เพราะหน้าบอสตันกับพี่วินก็คล้ายกันอยู่”
“ไม่ใช่แค่วาคิมที่คิดแบบนั้น คนอื่นก็คิดเพราะบอสตันหน้าคล้ายมาวินมากจริงๆ” มยุรีก็เห็นด้วยกับความคิดนี้
“ก็เขาเป็นลุงหลานกันนี่ค่ะแม่”
“แต่แม่ว่าดีเหมือนกันนะที่วาคิมคิดแบบนั้น”
“แต่เราจะให้คนอื่นเข้าใจผิดแบบนี้ตลอดไปไม่ได้หรอกนะคะแม่หนูไม่อยากให้คนมองพี่วินผิดๆ แล้วถ้าวันหนึ่งพี่วินมีแฟนหนูก็กลัวว่าเรื่องของหนูกับบอสตันจะเป็นปัญหา”
“เรื่องนี้แม่ก็คิดอยู่เหมือนกันนะ”
“ในวันประชุมครั้งหน้า ทุกคนก็คงจะได้รู้ความจริงว่าหนูกับพี่วินคือพี่น้องกัน” เมลดามีท่าทางคิดหนักแต่เธอจะเอาเปรียบมาวินไปแบบนี้เรื่อยๆ ก็คงไม่ดีเท่าไหร่
“ถึงวันนั้นวาคิมก็คงจะรู้ด้วย แล้วหนูจะรับมือกับเขายังไงล่ะโมเดล ถ้าเขามาถามว่าบอสตันคือลูกของเขาหรือเปล่า”
“ถ้าวันนั้นมาถึงจริงๆ หนูก็จะบอกความจริงกับเขาค่ะแม่ แต่เขาก็จะรู้แค่ความจริงเท่านั้นเขาจะไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับบอสตัน”
“แม่กลัวว่าเขาจะมาอ้างสิทธิ์ของความเป็นพ่อ”
“เขาจะเอาสิทธิ์ที่ไหนมาอ้างกันคะแม่ ที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้ด้วยซ้ำ” เมลดากำลังจะบอกวาคิมว่าตนเองท้องแต่เอก็ได้ยินสิ่งที่เขาพูดเสียก่อนหญิงสาวเลยเลือกที่จะเดินออกมาจากชีวิตเขา
“แล้วถ้าเขาอยากจะตรวจดีเอ็นเอล่ะลูก”
“ถ้าไม่ยอมเขาก็ไม่มีสิทธิ์ค่ะ”
“แม่ว่าหนูพาบอสตันไปอยู่ที่อื่นดีไหม แม่กลัวเอาเขาจะเอาบอสตันไป”
“ไม่ค่ะแม่ หนูไม่อยากหนีอีกแล้วค่ะ บางทีเราอาจจะกังวลเกินไปก็ได้นะคะแม่ ผู้ชายอย่างวาคิมเขาไม่เคยอยากลูกด้วยซ้ำ”