ไม่เหลือแม้แต่ขี้เถ้า

1368 Words
เมลดาโกรธจนเลือดขึ้นหน้าแต่เธอก็ต้องทนมองหน้าเขาเพราะถ้าหากเดินกลับไปที่สวนสนุกตอนนี้ วาคิมต้องเจอกับบอสตันแน่ๆ และถ้าบอสตันเผลอเรียกมาวินว่าลุง วาคิมจะต้องสงสัยอย่างแน่นอน “คุณรอฉันก่อนได้ไหม ถ้าอยากจะกินข้าวกับฉันจริงๆ ก็อย่าพูดจากวนโมโหให้มันมากนัก” “เดี๋ยวนี้คุณอารมณ์เสียง่ายจังเลยนะ แต่ก่อนพูดจาอ่อนหวานกว่านี้เยอะเลย” “คนเราโตขึ้นมันก็ต้องเปลี่ยนไป ฉันไม่ใช่โมเดลคนก่อนคุณที่คุณจะหลอกได้” “พูดดีๆ หน่อยนะโมเดลใครกันแน่ที่หลอกกัน” “ตกลงจะไปกินข้าวกับฉันไหม ถ้าจะไปก็เงียบ” วาคิมยอมเงียบเพราะเขาอยากจะนั่งทานข้าวกับเมลดา ถึงแม้จะเลิกกันไปแล้วแต่ลึกๆ เขาก็อยากจะรู้ว่าที่ผ่านมาชีวิตของหญิงสาวเป็นยังไงบ้าง เมลดามองหน้าเขาแล้วถอนหายใจก่อนจะเลี่ยงมาโทรศัพท์หาพี่ชาย “พี่วินคะ พี่ยุ่งอยู่หรือเปล่า” “เปล่านะ มีอะไรเหรอโมเดลเสียงเราฟังดูรีบร้อนมาก” “โมเดลเจอวาคิมที่ห้าง” “แล้วยังไงเขาเจอบอสตันไหม” มาวินกลัวว่าวาคิมกับบอสตันจะเจอกันและความลับของน้องสาวจะไม่เป็นความลับ “เขายังไม่เจอค่ะ พอดีบอสตันอยู่ในสวนสนุก แต่โมเดลออกมาเดินเลือกซื้อเครื่องสำอางร้านใกล้ๆ กับสวนสนุก พี่วินมารับบอสตันไปได้ไหม โมเดลกลัวว่าเขาจะตามไปจนเจอบอสตัน” หญิงสาวรีบพูดอย่างรวดเร็วขณะที่ตาก็มองไปทางวาคิมสลับกับมองลูกชายที่เล่นอยู่ในสวนสนุก “แล้วโมเดลจะไปไหนล่ะ” “เขาชวนไปกินข้าว” “โมเดลจะไปกับเขาเหรอ ห่างจากเขาหน่อยดีไหม” “โมเดลก็ไม่อยากไปนะคะ แต่ถ้าเขาเดินตามก็กลัวจะเจอกับบอสตัน” หญิงสาวอยากจะกันวาคิมให้ออกห่างจากลูกชายของตนเองให้มากที่สุด “ถ้าอย่างนั้นโมเดลไปกับเขาก่อนก็ได้ แต่ถ้ามีอะไรก็โทรบอกพี่ เดี๋ยวพี่จะไปรับบอสตันเอง “ขอบคุณค่ะพี่วิน” “พี่ว่าจะพาบอสตันไปเก็บของที่บ้านและบอกคุณน้าก่อนแล้วคืนนี้จะพาเขาไปนอนด้วยที่บ้าน” “พรุ่งนี้ค่อยไปค้างไม่ได้เหรอคะพี่วิน” “พี่กลัวเขาจะตามไปส่งโมเดลที่บ้าน” “ก็ได้ค่ะพี่วิน โมเดลฝากลูกด้วยนะคะ” เมื่อบอกพี่ชายแล้วเมลดาก็เดินกลับมาหาวาคิมที่ยืนรออยู่หน้าร้านเครื่องสำอาง “โทรบอกเขาแล้วเหรอ เขาว่าอะไรไหม” “ไม่ค่ะ” “ใจกว้างดีเหมือนกันนะ แล้วบอกเขาหรือเปล่าล่ะว่าจะกลับดึก” “เราแค่ไปกินข้าวฉันว่าคงไม่ดึกมากหรอกมั้งคะ” “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะ เราไม่ได้เจอกันนานบางทีอาจจะมีเรื่องคุยกันมากกว่าที่คิดก็ได้” “ฉันให้เวลาคุณถึงสองทุ่มค่ะวาคิม” “ตอนนี้มันใกล้จะ 6 โมงเย็นแล้วนะเหลือเวลาอีกแค่ 2 ชั่วโมงเหรอ” วาคิมมองนาฬิกาแล้วทำหน้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ “ฉันว่ามันตั้ง 2 ชั่วโมงต่างหากล่ะ” “ดูเหมือนคุณไม่ค่อยอยากจะคุยกับผมหน่อยนะโมเดล” “เราสองคนไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกันหลอกนะวาคิม” “คุณกลัวที่จะคุยกับผมใช่ไหม” “ทำไมฉันจะต้องกลัวด้วยล่ะ คุณมีอะไรที่จะต้องกลัวกัน” “ถ้าไม่กลัวที่จะคุยกับผมแล้วทำไมต้องกำหนดเวลาด้วยล่ะหรือว่ากลัวคุยไปนานๆ แล้วถ่านไฟเก่าจะคุ” “ฉันไม่เคยกลัวว่าถ่านไฟเก่าจะคุเพราะระหว่างฉันกับคุณแม้แต่ขี้เถ้ามันก็ไม่มีเหลือค่ะวาคิม แต่ที่รีบกลับเพราะฉันมีลูกและมีครอบครัว ฉันก็ต้องให้เวลากับครอบครัวของฉันสิ” เมลดาพยายามอธิบายอย่างใจเย็น “วันนี้ผมจะยอมคุณไปก่อนก็ได้ ผมจะกินไปข้าวกับคุณและไปส่งคุณที่บ้านรับรองว่าไม่เกินสามทุ่มหรอก แต่วันหลังผมจะหาโอกาสไปทานข้าวกับครอบครัวของคุณ” “ไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่คุณจะต้องไปทานข้าวกับครอบครัวของฉัน” “จำเป็นสิอย่างน้อยก็ในฐานะผัวเก่า” “หยุดพูดจาหยาบคายแบบนี้ได้แล้ววาคิม” “ทำไมรับไม่ได้เหรอ” “มันไม่ใช่เรื่องที่น่าจะพูดออกมาเลยนะ เราสองคนจบกันไปแล้ว ที่ฉันยอมมากินข้าวกับคุณวันนี้ก็ยังมันก็แย่มากพอแล้ว” หญิงสาวมองหน้าวาคิมอย่างไม่พอใจเธอไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรจากเธอกันแน่ทั้งที่เลิกรากันไปนานแล้วแต่พอเจอกันเขายังกลับมาตามตอแยจนเธอกลัวว่าความลับที่ปกปิดไว้มันจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป บางทีการกลับมาอยู่เมืองไทยครั้งนี้มันอาจจะเป็นเรื่องที่เธอคิดผิดก็ได้ “คุณอยากไปกินอะไรล่ะโมเดล” วาคิมหันมาถามหญิงสาว “ร้านไหนก็ได้ในห้างนี่แหละฉันไม่อยากเสียเวลามาก” “คำก็เสียเวลาสองคำก็เสียเวลา ผมอยากจะรู้นักเชียวว่าที่บ้านของคุณมันมีอะไรคุณก็ต้องรีบกลับ” “ฉันก็บอกแล้วไงว่าที่นั่นมีครอบครัวของฉัน” “ครอบครัวของคุณที่ครั้งหนึ่งมันก็เคยเกือบจะเป็นครอบครัวของผม” “วาคิมถ้ายังอยากไปกินข้าวด้วยกันก็หยุดพูดถึงเรื่องราวในอดีตก่อนได้ไหม” “ทำไมกลัวใจตัวเองเหรอ” “ทำไมฉันจะต้องกลัวใจตัวเองด้วยล่ะวาคิม” “ก็คุณกลัวว่าผมจะเข้ามาแทรกกลางระหว่างคุณกับสามีคุณไงล่ะ เราเคยรักกันมากนี่หรือคุณจำไม่ได้ว่าเราสองคนเคยรักกันมากแค่ไหน” “ฉันไม่เคยกลัวเรื่องแบบนั้นเลย” เมลดาพูดออกไปตามจริง “ดูเหมือนคุณจะมั่นใจมากนะว่าจะไม่มีใครแทรกกลางระหว่างความรักของคุณกับสามีได้” “ค่ะฉันมั่นใจแบบนั้น” “แล้วทำไมตอนที่คบกับผมคุณถึงยอมให้เขาเข้ามาแทรกกลางระหว่างเรา ผมอยากรู้ว่าเขาใช้วิธีไหนคุณถึงไปจากผมง่ายๆ ไปโดยไม่บอกกันสักคำ” “วาคิมฉันขอพูดครั้งสุดท้ายถ้าคุณยังพูดถึงเรื่องในอดีตอีกฉันจะกลับบ้านและเราจะไม่เจอกันอีก” “โอเค โอเคผมยอมก็ได้เราไปกินอาหารญี่ปุ่นกันดีไหมผมจำได้นะว่าคุณชอบกินแซลมอน” “ฉันไม่อยากกินแล้ว ตอนนี้ฉันอยากกินอาหารไทยมากกว่า” เธอกลัวว่าบรรยากาศเก่าๆ จะทำให้ตนเองกลับมานึกถึงช่วงเวลาที่คบกันอีกครั้งเมลดาเลยไม่อยากไปกินอาหารญี่ปุ่นกับเขาเพราะสมัยเรียนเธอกับเขาไปทานด้วยกันเกือบทุกอาทิตย์ “ได้สิ มีร้านหนึ่งอาหารอร่อยเดี๋ยวผมจะพาไป” เมลดาโล่งใจที่ไม่ต้องไปนั่งทานอาหารในห้างเพราะเธอกลัวว่าจะมีคนมาเจอและขี้เกียจจะตอบคำถาม “ฉันไปร้านที่คุณบอกก็ได้ คุณขับนำไปแล้วกันนะ” “จะขับรถตามกันไปให้วุ่นวายทำไมคุณนั่งรถไปกับผมก็หมดเรื่อง” “แต่ฉันเอารถมาเอง” “กินเสร็จผมจะมาส่งคุณที่นี่ตกลงไหม” “แต่ฉันว่า....” “ถ้าคุณยังชักช้าอยู่แบบนี้ผมก็ไม่แน่ใจนะว่าจะส่งคุณถึงบ้านก่อนสามทุ่มหรือเปล่าเพราะช่วงเย็นแบบนี้รถมันติดมากและคุณเพิ่งกลับมาอยู่เมืองไทยอาจจะไม่ค่อยชินกับทางที่จะไปร้านก็ได้นะ” วาคิมชักแม่น้ำทั้งห้าเพราะอยากให้เมลดานั่งรถไปกับเขา “ก็ได้รถคุณจอดอยู่ที่ไหนล่ะ หรือนำไปสิ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD