หัวใจวาคิมกระตุกวูบเมื่อเห็นเมลดาเดินออกมาจากศาลาวัด นานมากแล้วที่เขาไม่เคยเจอหรือได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับเธอเลย หญิงสาวจูงมือเด็กผู้ชายคนหนึ่งออกมาเธอหยุดอยู่หน้าศาลาสักพัก ก่อนที่มาวินจะเดินตามออกมาและจับมือเด็กผู้ชายคนนั้นอีกข้าง
แล้วทั้งสามคนก็เดินมาใกล้รถของวาคิมทีละนิด วาคิมคิดว่าตัวเองลืมเมลดาได้แล้วเพราะที่ผ่านชายหนุ่มก็มีแฟนใหม่ไปแล้วหลายคน แต่พอเห็นเธอวันนี้เขากลับรู้สึกเจ็บปวด ยิ่งเห็นว่าเด็กชายที่เธอจูงมานั้นมีใบหน้าคล้ายกับมาวินมากและคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย นอกจากมาวินคือพ่อของเด็กคนนั้น
วาคิมรู้สึกว่าตนเองกำลังโดนเธอเหยียบลงหัวใจเพราะก่อนหน้านั้นเมลดาปฏิเสธมาตลอดว่าไม่เคยคบหาหรือเกี่ยวข้องกับมาวินในเชิงชู้สาว แต่ความจริงก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า เขาเข้าใจได้ไม่ยากนักว่าเธอบอกเลิกในวันนั้นก็เพราะรุ่นพี่ที่ชื่อมาวิน
ถึงแม้วาคิมจะไม่ใช่คนดีเท่าไหร่แต่ที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยคิดจะยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงที่มีครอบครัวแล้วแต่วันนี้วาคิมอยากจะทำอะไรที่มันต่างออกไป
เขาทนไม่ได้ที่เห็นเมลดาไปมีครอบครัวที่อบอุ่นขณะที่เขาเองยังไม่เจอคนที่ถูกใจถึงขั้นจะสร้างครอบครัวด้วยกัน เพราะความเจ็บปวดเมื่อหกปีก่อนทำให้เขาระมัดระวังในการคบผู้หญิงและไม่เคยรักใครอย่างจริงจัง มันเป็นความเจ็บปวดที่ฝังลึกอยู่ในใจ วาคิมโทษว่าเป็นความผิดของเมลดาที่ทำให้ชีวิตเขาต้องเป็นแบบนี้ทำให้เขากลัวที่จะมีความรักและเธอจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำกับเขาไว้
รถของเมลดาและครอบครัวออกจากบริเวณวัดไปแล้ววาคิมก็เปิดประตูลงมาจากรถและเดินกลับไปยังศาลาที่หญิงสาวเดินมาเมื่อครู่เขาเห็นว่ามารดาของเมลดายังนั่งอยู่ในนั้นกับผู้หญิงอีกกลุ่มหนึ่ง
ชายหนุ่มมองป้ายหน้าศาลาก็ต้องตกใจเพราะรายชื่อบนนั้นเขาจำได้ว่าคือบิดาของคนรัก ขณะที่กำลังจะเดินกลับมาที่รถเสียงหนึ่งก็เรียกให้เขาต้องหยุดเดิน
“นั่นวาคิมใช่ไหม”
ชายหนุ่มหันกลับเมื่อเห็นว่าคนที่เอ่ยทักทายคือใครเขาก็รีบยกมือไหว้
“สวัสดีครับคุณน้า”
“วาคิมมาร่วมงานเหรอ”
“เปล่าครับพอดีผมมาร่วมงานอีกศาลาหนึ่ง ผมเพิ่งรู้ว่าคุณลุงเสียแล้วผมเสียใจด้วยนะครับ”
“ขอบใจจ้ะ วาคิมเจอโมเดลหรือยัง” คุณมยุรีถามอดีตคนรักของลูกสาวผู้ซึ่งทำให้เมลดาต้องหนีไปอยู่เมืองนอกนานหลายปี
“ยังไม่ได้เจอเลยครับ โมเดลสบายดีใช่ไหมครับคุณน้า” ชายหนุ่มอดจะถามถึงเธอได้แม้ว่าเมื่อครู่จะเห็นแล้วว่าหญิงสาวสบายดี
“โมเดลสบายดี วาคิมล่ะเป็นยังไงบ้าง ได้ข่าวว่าธุรกิจบ้านจัดสรรกำลังไปได้สวย”
“ก็พอไปได้ครับ”
“น้าดีใจนะที่เห็นวาคิมประสบความสำเร็จในชีวิตแต่น้าขอร้องวาคิมอย่างหนึ่งได้ไหม”
“อะไรครับคุณน้า”
“น้าขอร้องว่าอย่าเข้ามาในชีวิตของลูกสาวน้าอีก ที่ผ่านมาโมเดลเจ็บมามากพอแล้ว”
“คุณน้าพูดเหมือนผมเป็นคนผิด”
“แล้ววาคิมคิดว่าตัวเองทำถูกเหรอ”
“ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าผมไปทำอะไรให้โมเดลไม่พอใจเธอถึงหนีผมไปอย่างนั้น อันที่จริงผมก็ไม่ได้คิดจะกลับเข้ามาในชีวิตของโมเดลอีกเลยเพราะผมเห็นแล้วว่าเธอมีครอบครัวที่อบอุ่นแต่พอคุณน้าพูดแบบนี้มันทำให้ผมรู้สึกว่าผมอยากเจอกับโมเดล”
“ที่ผ่านมายังทำร้ายไม่พออีกเหรอ”
“ผมเหรอครับที่ทำร้ายโมเดล คุณน้าลองถามลูกสาวคุณน้าดีกว่าว่าใครกันแน่ที่ถูกทำร้าย”
“น้าไม่คิดเลยว่าคำพูดนี้จะออกมาจากปากของวาคิม ทำไมวาคิมที่เคยเป็นสุภาพบุรุษถึงเปลี่ยนไปแบบนี้ล่ะ เมื่อเจ็ดปีที่แล้ววาคิมเป็นคนทิ้งลูกสาวน้าจนเธอเสียใจและลาออกเพื่อไปอยู่ต่างประเทศไม่ใช่เหรอ” คุณมยุรีถามออกไปตามที่ตนเองรู้
“เท่าที่ผมจำได้ผมไม่เคยทิ้งโมเดล ไม่เคยบอกเลิกโมเดลแต่โมเดลต่างหากที่บอกเลิกผมแล้วจู่ๆ ก็หายไปจากชีวิตผม”
“แต่เรื่องที่น้าฟังมามันไม่ใช่แบบนั้นเลยนะวาคิม”
“ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าจริงๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นทำไมโมเดลถึงทิ้งผมไปแบบนั้น แต่มันคงไม่เหมาะเท่าไหร่ถ้าเราจะคุยเรื่องในอดีตกันตอนนี้ เอาไว้ให้คุณน้าสะดวกและมีเวลามากกว่านี้เราคงจะได้คุยกันมากขึ้น”
“นั่นสินะตอนนี้น้ายังมีเรื่องของพ่อโมเดลที่น้าต้องจัดการ”
“ถ้าคุณน้าว่างก็ติดต่อผมมานะครับ” วาคิมส่งนามบัตรของตนเองให้กับมารดาอดีตคนรักก่อนจะขอตัวกลับ
คำพูดของน้ามยุรีทำให้วาคิมกลับมาทบทวนเรื่องราวในอดีตอีกครั้งเขาไม่รู้ว่าระหว่างตนเองกับเมลดานั้นจริงๆ แล้วปัญหามันอยู่ตรงไหนกันแน่ เพราะก่อนหน้าที่เธอจะหายไปเขากับเธอก็ไม่ได้ทะเลาะอะไรกันถึงขั้นที่จะต้องเลิกรา
วาคิมเคยคิดจะหาคำตอบจากเพื่อนของเมลดาแต่ทั้งสองคนแต่ก็ไม่ได้คำตอบที่น่าพอใจและเขาคิดว่าจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปแล้ว จนกระทั่งวันนี้วันที่เขาเห็นเมลดามีความสุขอยู่กับครอบครัวของเธอ เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรเธอถึงทิ้งเขาไป แล้วเพราะอะไรเขาถึงไม่ใช่ผู้ชายที่อยู่เคียงข้างเธอในวันนี้
ชายหนุ่มขับรถออกมาจากบริเวณวัดแล้วตรงมายังบ้านของตนที่อยู่ชานเมือง ซึ่งนานๆ ครั้งถึงจะมาพักที่นี่แต่ก็จ้างแม่บ้านให้มาคอยทำความสะอาดสัปดาห์ละ 3 วัน