สัญญาณของการมีชีวิต

1493 Words
“ผมชื่อบีสต์ คุณชื่อไวท์สินะ” ความสนใจฉันพลันไปอยู่ที่เขาอีกครั้ง “ขอโทษที่ละลาบละล้วง แต่ผมให้คนไปสืบเรื่องคุณมาหมดแล้วล่ะ” อ้อ คงจะอย่างนั้น เมื่อรู้จักชื่อฉันได้เขาคงรู้ประวัติครอบครัวฉันไม่มากก็น้อย คิดแล้วสมเพชตัวเองเป็นบ้า แต่จะว่าเขาคงไม่ได้ เมื่อดูจากสภาพความเป็นอยู่ของเขาแล้ว เดาได้ว่าชายคนนี้คงไม่ธรรมดา เกิดเขาไปช่วยคนสุ่มสี่สุ่มห้าแล้วตัวเองเดือดร้อนทีหลังคงไม่ดีสักเท่าไร เป็นฉันก็ทำเหมือนกัน “ขอบคุณที่ช่วยฉันไว้ค่ะคุณบีสต์” ฉันโค้งให้เขา วางแก้วลงก้มหน้ามองมือตัวเองที่ประสานตรงเข่า บีสต์… จะไม่บอกหรอกนะว่าสงสัยในการตั้งชื่อของพ่อแม่เขา มีใครที่ไหนกันเรียกลูกตัวเองว่าปีศาจ คงเป็นครอบครัวที่แปลกประหลาดอย่างน่าเหลือเชื่อ “ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” เขาไหวไหล่ เอนตัวพิงพนักโซฟาอีกครั้งด้วยท่าทีสบาย ๆ “ตอนนี้ฉันเป็นหนี้ชีวิตคุณแล้วค่ะ ถ้าอยากให้ตอบแทนด้วยเงินฉันอาจจะให้ไม่ได้ คุณน่าจะรู้ตอนสืบประวัติ…” “พอ” ยังพูดไม่จบเสียงเข้มพลันเอ่ยขัดจังหวะ ฉันเงยหน้ามองสบตาเขาอย่างไม่เข้าใจ “กินข้าวให้ท้องอิ่มก่อน จากนั้นเราค่อยคุยกันอีกที” “คุณดีกับฉันมากค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” “ผมดีเฉพาะกับคนที่มองเห็นว่ามีประโยชน์ คุณเป็นหนึ่งในนั้น” พูดเสร็จร่างใหญ่ก็ลุกพรวดพราดหนีไปห้องอื่น เขาไม่กลับออกมาอีกเลยกระทั่งมีคนนำเอาโจ๊กร้อน ๆ มาให้ฉันที่โต๊ะทานข้าว หญิงวัยกลางคนร่างท้วมสมบูรณ์สวมชุดสะอาดตาเดินมาประคองฉันไปนั่งตรงโต๊ะอาหาร วางผ้ากันเปื้อนบนตัก ก่อนฉีกยิ้มอ่อนให้แล้วเดินหนีไปยืนหลบอยู่มุม มองฉันทานข้าวเงียบ ๆ อึดอัดจัง ฉันไม่เคยถูกปฏิบัติราวกับเป็นเจ้าหญิงมาก่อน ครอบครัวเรามาจากคนฐานะปานกลางไม่จนไม่รวย กล่าวคือฉันติดดินเกินกว่าจะมีคนคอยรับใช้คอยประเคนทุกอย่างให้ ตอนนี้เลยลำบากใจเสียจนไม่กล้าขยับตัว ทว่าเสียงท้องร้องอันน่าสงสาร ทั้งการสั่นของมือทำฉันควบคุมความหิวกระหายไม่ได้ รีบตักจ้วงโจ๊กข้าวตรงหน้ากิน ไม่รู้สึกถึงความร้อนด้วยซ้ำ รู้เพียงว่าตอนนี้อะไรก็ตามที่เข้าปากมันช่างรสชาติดีเกินคำบรรยาย ครั้งสุดท้ายที่ได้แตะอาหารจริง ๆ คือสัปดาห์ก่อน หลังจากนั้นฉันอยู่ได้ด้วยการดื่มน้ำหวานกับขนมปังใกล้หมดอายุ ลดราคาแล้วลดราคาอีกในซูเปอร์มาร์เก็ต อยู่ได้ไม่เกินสามวัน เงินก้อนสุดท้ายดันหมด ฉันจึงประทังชีวิตด้วยการดื่มเพียงแค่น้ำเปล่าเป็นอาหารเช้า กลางวัน และเย็น ก่อนตัดสินใจพาร่างกายอันหิวโซไปยังสะพานหวังปลิดชีวิตตัวเอง แหมะ! น้ำใส ๆ หยดลงบนชามข้าวหนึ่งหยด เพียงครู่ต่อมาภาพตรงหน้าก็เบลอพร้อมกับเสียงสะอื้นไห้ของตัวเอง ฉันอยู่ตรงนี้ มีชีวิตอีกครั้งเพื่อสู้ต่อ แม้จะไม่รู้ว่าต้องอยู่สู้เพื่อใคร แม้จะไม่รู้ว่าควรอยู่ไปทำไม แต่ฉันก็ยังรู้สึกดีใจที่ไม่ได้กระโดดลงไปในแม่น้ำเมื่อคืน “ยังเหลืออีกเยอะนะคะถ้าคุณอยากเติม” คุณป้าคนนั้นเอ่ยเสียงเบา เธอคงเวทนาสภาพฉันไม่มากก็น้อย มีอย่างที่ไหนกินแค่โจ๊กข้าวธรรมดา ๆ ยังร้องไห้เหมือนได้ลิ้มรสไข่ปลาคาร์เวียร์แสนแพง “ขอบคุณค่ะ แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว” อาจเพราะไม่มีอะไรตกถึงท้องหลายวัน ฉันถึงไม่รู้สึกถึงการอยากอาหารมากนัก กินไปได้ไม่เท่าไรก็อิ่มจนจุกคอหอยแล้ว “ให้ดิฉันเก็บถ้วยให้นะคะ” “ขอบคุณมากค่ะคุณป้า” เธอจากไปอีกคนแล้ว ห้องพลันกลับมาเงียบสงบตามเดิม บางทีก็ไม่ค่อยเข้าใจความคิดของพวกคนรวยจริง ๆ ทั้งที่ภายในห้องนี้มีแต่สินค้าเครื่องตกแต่งราคาแพงทั้งนั้น เขาไม่กลัวคนสิ้นไร้ไม้ตอกอย่างฉันจิ๊กไปสักชิ้นสองชิ้นเพื่อขายหรือ มูลค่ามันสามารถทำให้คนคนหนึ่งตั้งตัวได้เลยนะ “คุณอยากได้แก้วคริสตัลใบนั้นเหรอ” ฉันสะดุ้งเฮือก ตกใจที่จู่ ๆ คุณบีสต์ก็เข้ามาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง ทั้งยังพูดเหมือนอ่านความคิดฉันออกอีก เขาใช้นิ้วชี้เรียวสวยดั่งนักเปียโนชี้ไปยังแก้วคริสตัลเลี่ยมทองตรงขอบ มันวางประดับไว้ในตู้ไม้มุมหนึ่งของห้อง “ใบนั้นถ้าเอาไปขายคงได้หลายหมื่น” “คุณจะให้ฉันเหรอคะ” “ถ้าอยากได้ก็แค่หยิบเอา ชิ้นไหนก็ได้ตามใจคุณ” พระเจ้า พระแม่อุทัยเทวี นี่ลูกกำลังเจอกับอะไรกัน เพิ่งรู้ว่าฟื้นจากความตายแล้วจะเจอคนใจดี ใจป๋า พ่อบุญทุ่ม ฉันกำลังฝันอยู่ใช่ไหมน่ะ “ยังไงเงินซื้อมันก็ไม่ใช่เงินที่ผมหามาเอง ไม่ได้มีคุณค่าทางจิตใจอะไรขนาดนั้นหรอก ถ้าอยากได้ก็เอาไปเถอะ จะได้มีเงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวันด้วย” เขาพูดเสริมไม่หยุด ยังสนับสนุนให้ฉันขโมยมันเสียด้วยซ้ำ ช่างเป็นคนแปลกประหลาดเหลือเกิน ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเจอใครเหมือนเขาเลย “คุณต้องการอะไรจากฉันอย่างนั้นเหรอคะ” เป็นคำถามที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากเขาช่วยเหลือ ให้การรักษาที่ดี ให้อาหารหนึ่งมื้อ เขายังทำท่าจะให้ฉันขโมยสมบัติส่วนตัวไปขาย ไม่มีใครมีจิตใจเมตตาอย่างบริสุทธิ์บนโลกใบนี้ ไม่มีใครทำดีแล้วไม่หวังผลตอบแทน ไม่ว่าคุณจะมีทุกอย่างในมือแล้วหรือไม่ก็ตาม “ไม่มี แค่เวทนา” “...” บางทีการรักษาน้ำใจคงไม่ใช่นิสัยของเขา “ช่วยเรียกมาสักอย่างเถอะค่ะ ไม่อย่างนั้นฉันจะรู้สึกไม่ดี เหมือนติดหนี้บุญคุณของคุณไปตลอดชีวิต” “อยากเป็นเมียผมไหมล่ะ” เมียอย่างนั้นหรือ…ตัวฉันสวยถึงขั้นยอมเสียสละหลายอย่างเพื่อเอาไปทำเมียอย่างนั้นหรือ ยอมรับว่าหัวใจเต้นระส่ำไม่น้อยตอนเขายื่นข้อเสนอมา แม้ไม่รู้ว่าคำถามนั้นจะเล่นหรือจริงก็ตาม “ที่คุณช่วยเพราะอยากได้ฉันเป็นเมียเหรอคะ” “เปล่า” ไหล่แสนกว้างไหวเล็กน้อย ร่างสูงเดินมานั่งบนโต๊ะทานข้าวหินอ่อนถัดจากฉัน ใช้นิ้วชี้สวยเชยคางให้สบตากัน ก่อนริมฝีปากแดงคล้ำจะขยับพูดต่อ “แค่เห็นว่าคุณอยากมีชีวิต เลยช่วยไว้ก็เท่านั้น” น้ำหอมยี่ห้อนี้… ช่างเข้ากับรสนิยมและใบหน้าชวนหลงใหลของเขาเสียเหลือเกิน ฉันเคยได้กลิ่นมันครั้งแรกเมื่อตอนบังเอิญหลงอยู่ในงานไฮโซอะไรสักอย่าง ตอนนั้นยังแอบคิดว่ากลิ่นมันฉุนชวนอ้วกอยู่เลย มาวันนี้มันกลับหอมหวานชวนสูดดมน่าซุกไซ้มากกว่า “ฉันไม่ได้…” นิ้วเขาเลื่อนมาปิดริมฝีปากฉันไว้เพื่อไม่ให้พูดต่อ “อย่าปฏิเสธเลยสาวน้อย” เขาจุ๊ปาก หรี่ตาลงอย่างคนเจ้าเล่ห์เพทุบาย “ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ไปที่นั่นเพราะคิดอยากจะฆ่าตัวตายจริง ๆ หรอก” มือสวยละจากใบหน้าฉันไปดึงเก้าอี้ข้าง ๆ กันออกเพื่อทิ้งตัวลงนั่ง คุณบีสต์เสยผมยาวสีอ่อนของเขาขึ้นเล็กน้อย การขยับเคลื่อนไหวเพียงนิดกลับทำฉันใจสั่นไหวได้อย่างน่าประหลาดใจ การอยู่ใกล้คนหล่อ แม้จะในสถานการณ์ตึงเครียดก็สามารถทำฉันเขินได้ เขานี่มันเสน่ห์เหลือล้นจริง ๆ “หรือไม่จริง” ไม่จริง… หรืออาจจะจริงอย่างเขาพูดก็ได้ “คุณก็แค่รู้สึกสิ้นหวัง หาทางออกชีวิตไม่เจอ เลยตัดสินใจไปไหนสักที่ หวังให้ใครก็ได้มาเจอ ปลอบใจคุณ ให้กำลังใจคุณเพื่อลุกขึ้นยืนอีกครั้ง…ใช่หรือเปล่า” มือชื้นเหงื่อกุมเข้าหากันแน่นบนตัก จู่ ๆ หัวใจฉันรู้สึกเหมือนถูกบีบอัดด้วยความจริง บางทีตัวฉันอาจแค่อยากได้กำลังใจดี ๆ จากใครบางคนอย่างที่เขาพูด พอได้ยินคำปลอบโยนจากเขาก็พร้อมยินดีลงจากสะพานกลับมาใช้ชีวิตใหม่อีกครั้ง บางทีฉันอาจจะไม่ได้แค่อยากฟังเรื่องเจ้าแมวตัวน้อยนั่น แต่เพียงแค่ใช้มันเป็นข้ออ้างในการมีชีวิตต่อก็เป็นได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD