“มันน่าสมเพชมากใช่ไหมคะที่เรียกร้องความสนใจแบบนั้น”
“ก็ไม่นี่ ผมไม่คิดว่ามันน่าสมเพช”
“ขอบคุณที่หยุดคุยกับฉันนะคะ สัญญาว่าหลังจากนี้จะหาทางตอบแทนให้คุณ”
“จะตอบแทนผมยังไงดีล่ะสาวน้อย เท่าที่รู้คุณไม่เหลืออะไรแล้วนี่ ไม่มีแม้กระทั่งที่อยู่”
เมื่อวันก่อนฉันถูกไล่ออกจากหอพักราคาถูกเพราะติดค้างค่าเช่าสามเดือน ไม่มีอะไรติดตัวออกมาเลยนอกจากชุดเดรสเก่า ๆ ที่น่าจะถูกเปลี่ยนทิ้งไปเมื่อมาถึงที่นี่ และโทรศัพท์มือถือที่โง่โยนทิ้งลงน้ำ ทั้งที่ควรเอามันไปขายเพื่อต่อชีวิต
“ให้ฉันทำงานให้คุณก็ได้ค่ะ ฉันทำได้ทุกอย่าง”
“ผมไม่มีงานเหมือนกัน ไม่รู้จะจ้างทำอะไร”
เงยหน้าสบตาเขาด้วยความเหลือเชื่อ
ดูบ้านเขาสิ ดูเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ น้ำหอมนั่นอีก ฉันคิดว่าเขาเป็นเศรษฐีหมื่นล้าน ทำธุรกิจหลายร้อยอย่างเสียอีก ที่เขาว่าในฝูงแกะสีขาวมักมีตัวสีดำปะปนอยู่เสมอน่าจะจริง คุณบีสต์คงเป็นแกะตัวนั้นสินะ
“เอาเป็นว่าลืมมันไปซะเรื่องตอบแทนบุญคุณอะไรนั่น ระหว่างนี้ก็อยู่นี่ไปก่อน รอจนกว่าคุณพร้อมค่อยย้ายออกก็ได้ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายผมจะให้เงินคุณเองไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้จะพาไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่”
ถ้าทำแบบนั้นบุญคุณจะไม่ยิ่งเพิ่มพูนท่วมหัวฉันหรอกหรือ ยิ่งปล่อยให้เขาช่วยฉันยิ่งเกรงใจ ยิ่งหาทางตอบแทนได้ยากลำบากกว่าเดิม
จุดประสงค์แท้จริงคืออะไรกันแน่ รู้สึกเคลือบแคลงใจในเจตนาของเขาแปลก ๆ
“ฉันย้ายออกดีกว่าค่ะ ไม่ต้องกลัวว่าจะหนี เพราะยังไงบุญคุณครั้งนี้ฉันจะต้องตอบแทนมันให้คุณแน่”
“มีที่ไป?” คิ้วเข้มเลิกสูงขึ้นถาม ริมฝีปากเขาเผยอด้วยความดูถูกดูแคลนนิด ๆ
“ฉันมีเพื่อนค่ะ”
แต่เพื่อนฉันคงไม่มีพื้นที่เพียงพอต่อหนึ่งชีวิต เธออยู่กับครอบครัวใหญ่ในบ้านหลังเล็ก แม้จะย้ายออกมาอยู่คนเดียวเพราะหน้าที่การงานดีขึ้น แต่ก็มิวายมีพี่สาวตามมาอีก ถ้าฉันไปขออยู่ด้วยคงไม่สมควรมากนัก
“ถามว่ามีที่ไปเหรอ”
น้ำเสียงโทนนี้อีกแล้ว เขากำลังคาดคั้นฉันอย่างนั้นหรือ
“ไม่มีค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็อยู่ที่นี่ไปก่อน ห้องผมกว้างพอจะให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ผอมเหมือนไม้กระดานอย่างคุณอยู่ได้สบาย ๆ”
ไม้กระดาน
ก้มลงมองนมตัวเองอัตโนมัติ เห็นแล้วอยากถอนหายใจอย่างคนสิ้นหวัง มิน่าเขาถึงไม่เรียกร้องให้ฉันใช้ร่างกายตอบแทน คงเพราะรูปร่างนี้ดูไม่ดึงดูดใจมากพอสินะ
“แต่ฉัน…” ควรพูดหรือเปล่านะ คนอย่างฉันมีสิทธิ์พูดเรื่องนี้หรือเปล่า
“พูดมาอย่าอึกอัก ผมรอฟังอยู่”
“ฉันไม่รู้จักคุณค่ะ ถ้าจะบอกว่าไม่ไว้ใจ คุณจะหาว่าฉันอกตัญญูไหมคะ”
เหมือนได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ คลอมากับอากาศ เขาลุกขึ้น เอามือวางที่หัวฉัน “ผมชื่อบีสต์ นั่นคือสิ่งที่คุณได้รับอนุญาตให้รู้ อยู่ที่นี่ รักษาร่างกายให้หายดี เรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกที”
“คุณใจดีกับฉันเกินไปหรือเปล่าคะ”
“ก็แค่หาอะไรทำแก้เบื่อตามประสาคนว่างงาน คุณเป็นเพียงผู้โชคดีได้รับสิทธิ์ก็เท่านั้น อย่าคิดมาก ทำตัวให้สบายซะ พรุ่งนี้จะพาไปช็อปปิง”
เขาคงคิดว่าผู้หญิงจะอารมณ์ดีได้ด้วยการซื้อของราคาแพงทุกคนสินะ นั่นไม่ใช่ฉันเลยสักนิด ฉันไม่ได้ให้ค่ากับวัตถุขนาดนั้น แต่แค่มีมันก็ไม่ได้แย่อะไร
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างค่ะ”
เมื่อคิดได้ว่าหากปฏิเสธไปเขาคงจะยืนกรานขังฉันไว้นี่อยู่ดี เลยคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดตอนนี้คงเป็นการคว้าเอาโอกาสที่บังเอิญได้มา กอดมันไว้ให้มั่น ยึดมันเอาไว้กระทั่งถึงฝั่ง หลังจากนั้นค่อยเดินหายไปก็ยังได้
ฉันไม่ได้มีความคิดจะหลอกใช้เขา จะต้องตอบแทนบุญคุณครั้งนี้ให้ได้ไม่ว่าต้องจ่ายราคาแพงแค่ไหนก็ตาม แต่ก่อนจะไปตอบแทนคนอื่นตัวฉันต้องรอดเสียก่อน แม้จะไม่มีหนี้สินเพราะพ่อแม่ถูกฟ้องล้มละลายก่อนพวกท่านจะเสียไป แต่ฉันยังต้องไปเรียนต่อจนจบเพื่อให้เงินที่เคยจ่ายไปไม่สูญเปล่า และฉันต้องมีชีวิตอยู่เพื่อเจอหน้าพี่บลูอีกครั้ง แม้ไม่รู้ว่าวันนั้นจะมาถึงตอนไหน
โอกาสในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ต้องรักษามันให้ถึงที่สุด ฉันมีรูปลักษณ์สวยงามไม่แพ้หญิงสาวคนอื่น ฉันมีรูปร่างสวยสมบูรณ์พอจะหาเงินจากมันได้ หลังจากวันนี้อาจต้องให้พิมพิศช่วยเข้าวงการบันเทิง อย่างน้อยเธอก็อยู่ในสายดารานักแสดง คงพอช่วยฉันได้ไม่มากก็น้อย
ทำไมถึงคิดไม่ได้เมื่อก่อนหน้านี้กันนะ ทำไมกัน…
“เก็บคำขอบคุณเอาไว้ก่อนเถอะ ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องใช้มันจริง ๆ”
ฉันไม่อยากคิด แต่คำพูดของเขาแฝงมาด้วยอะไรบางอย่างใช่หรือเปล่า หรือฉันแค่คิดมากไปเองกัน
“หมายความว่าไงคะ”
“คุณไม่จำเป็นต้องรู้อะไรตอนนี้หรอก รู้ไปก็ทำอะไรไม่ได้”
ที่คิดไว้ว่าเขาช่วยไว้ด้วยหวังบางสิ่งน่าจะจริงสินะ ครั้นถามหาเอาเหตุผลตอนนี้มันดูไร้ประโยชน์ จึงจะปล่อยมันไปก่อน จากการพูดคุยแม้เพียงเล็กน้อย ก็ทำให้ฉันรู้ว่าตัวเองคงมีประโยชน์ไม่น้อยต่อชายคนนี้ ในอนาคตเขาคงใช้ฉันทำอะไรบางอย่าง
บางอย่างที่แม้ยังมาไม่ถึง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคืออะไร กลับทำให้หัวใจสั่นไหวด้วยความกลัวได้
“คุณจะอยู่ห้องนี้กับฉันหรือเปล่าคะ”
“ผมอยู่ห้องข้างคุณ มีอะไรก็เรียก” เขาลูบหัวฉันเบา ๆ เหมือนเอ็นดู “แต่มีกฎข้อหนึ่งคือห้ามเรียกหลังสี่ทุ่ม”
“ฉันถามได้ไหมคะว่าทำไม” การไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขามันแย่มาก และถ้าหากไม่รู้เกี่ยวกับกฎข้อห้ามยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
“อยากเสียตัวก็แค่เคาะห้อง ถึงคุณจะไม่ใช่สเป็ก แต่ถ้าอารมณ์เปลี่ยวขึ้นมา ผมก็ไม่เลือกหรอกนะ”
“…”
“ฝันดีสาวน้อย จงจำไว้ว่าแอปเปิลธรรมดากับแอปเปิลอาบยาพิษมีสีเดียวกัน อย่าหยิบจับอะไรมั่วซั่วเข้าปาก ถ้ายังไม่อยากลำบากในภายหลัง”
เขาพูดไว้แค่นั้นแล้วเดินหลบไปนั่งเล่นเครื่องเล่น PlayStation5 อีกครั้ง ปล่อยฉันไว้กับคำคมประหลาด ๆ ที่ไม่ว่าจะนั่งตีความยังไงก็ไม่สามารถรู้ได้ว่ามันหมายถึงอะไร
ฉันยังคงนั่งที่เดิมอีกกว่าชั่วโมง ก่อนจะเผลอหลับไปบนโต๊ะทานข้าว ตื่นอีกทีเพราะถูกสะกิดจากใครบางคน ชายเจ้าของใบหน้าขาวตี๋สวมแว่นตาสี่เหลี่ยมกรอบเงินยิ้มให้ฉัน เขาคือคุณหมอคนนั้นที่มาดูแลเมื่อตอนตื่น
“ผมซื้อมือถือเครื่องใหม่มาให้แล้วนะครับ ในเครื่องมีซิมพร้อมอินเทอร์เน็ต คุณแค่ตั้งรหัสผ่านของตัวเองก็ใช้ได้แล้วล่ะครับ”
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”
“เรียกผมว่าเบสท์ก็ได้ครับ จะได้ดูไม่ห่างเหินกันเกินไป”
เขาดูเป็นคนดีเกินกว่าจะอยู่กับผู้ชายที่เต็มไปด้วยความหม่นหมองอย่างคุณบีสต์นะ
“ค่ะคุณหมอเบสท์ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
“ไปขอบคุณไอ้พริชช์นู่น ผมเอาเงินมันไปซื้อมาให้คุณ”
พริชช์? ใครกันชื่อพริชช์…
“หมายถึงไอ้บีสต์น่ะ มันให้ผมไปซื้อให้คุณ” เหมือนเขาสังเกตเห็นว่าฉันทำหน้างงจึงพูดต่อเพื่อไขข้อข้องใจ
“ค่ะ”
“ขอตัวก่อนนะครับ พอดีมีนัดตอนดึก คุณทานข้าวสักหน่อยกินยาแล้วนอนพักนะครับ ตอนเช้าผมจะมาตรวจร่างกายอีกที คิดว่าพรุ่งนี้น่าจะหายเป็นปกติดีแล้วล่ะครับ” คุณหมอเบสท์โบกมือเร็ว ๆ แล้วเดินกึ่งวิ่งออกไป ไม่สนใจแม้แต่จะลาเจ้าของห้องที่ยังคงเล่นเกมอยู่ที่เดิมเลย
พริชช์… ชื่อฟังดูคุ้นหูจัง
แล้วบีสต์ล่ะ มันเป็นอีกชื่อของเขาหรือเปล่า
ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าเขามีปริศนามากมายให้ต้องค้นหาคำตอบกันนะ
“คุณบีสต์...”