ช่วงสายวันนั้นทัศนัยจึงเรียกเด็กแอนสาวใช้วัยรุ่นที่บ้านพีระนันท์ซึ่งเดินผ่านมาพอดี จึงไหว้วานอีกฝ่ายให้ไปเรียกการะบุหนิงให้ แล้วตัวเขาจึงไปนั่งรอเพื่อนสาวที่เก้าอี้ริมสวนภายในรั้วบ้านพีระนันท์
นั่งรอไม่นานคนที่ต้องการพบก็เดินเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของหล่อนเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความหวัง
“เป็นไงบ้างแทค” การะบุหนิงทรุดลงนั่งตรงกันข้ามกับเพื่อนหนุ่มรวดเร็ว และถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนด้วยความอยากรู้
“ก็...” ทัศนัยนิ่วหน้า แกล้งหลบตาเพื่อนสาว ขณะที่ทำเสียงอึกๆ อักๆ คล้ายไม่กล้าตอบเสียอย่างนั้น
“ทำไมแทค” หญิงสาวเร่งเร้าด้วยน้ำเสียงร้อนรนยิ่งกว่าเดิม “หรือว่าพี่ทีมปฏิเสธ คือบอกมาเลยเราเข้าใจนะ” หญิงสาวบอกเขา คราวนี้น้ำเสียงหล่อนเปลี่ยนเป็นอ่อนละโหยอย่างคนผิดหวัง
หล่อนไม่น่าลืมเลยว่าทศวรรษเข้มงวดขนาดไหน ถึงจะใจดีกับหล่อนแต่เวลาทำงานเขาก็ต้องทำตามขั้นตอนนี่นะ!
การะบุหนิงได้แต่ปลอบใจตนเอง
“คืองี้” ทัศนัยขยับตัวนั่งหลังตรง มองเพื่อนด้วยแววตาเห็นอกเห็นใจ เอื้อมมือไปตบๆ หลังมือเล็กเป็นเชิงให้กำลังอีกฝ่าย ซึ่งพอการะบุหนิงเห็นอย่างนั้นหล่อนก็ยิ่งหน้าเศร้ามากกว่าเดิม “พี่ทีมบอกว่า...ให้เธอไปพบพรุ่งนี้เลย ส่วนเรื่องงานจะไปคุยรายละเอียดกันพรุ่งนี้ แต่ก็...ยินดีด้วยที่ได้งาน!”
ตอนท้ายเขาพูดเสียงดัง แล้วหลุดหัวเราะขำกับสีหน้าเหวอตามไม่ทันของหญิงสาว
สักพักนั่นแหละเจ้าหล่อนจึงเริ่มรู้สึกตัว การะบุหนิงกะพริบตาปริบๆ ชี้นิ้วสั่นระริกใส่หน้าเพื่อนสนิทแล้วจึงโวยวายว่า
“ไอ้บ้าแทค! นี่แกกล้าหลอกฉันเหรอ!”
จบประโยคโวยวายหล่อนก็โผนเข้าไปทุบ จิก ทึ้ง เพื่อนสนิทอย่างหมั่นไส้และเจ็บใจ
ทัศนัยได้แต่ปัดป้องกลั้วหัวเราะเท่านั้น รู้ว่าอีกฝ่ายคงโมโหเพราะสรรพนามที่แทนตัวเองและตัวเขานั้นเปลี่ยนไป แต่...มันก็อดแกล้งไม่ได้
นี่นา เวลาดอกแก้วทำหน้าผิดหวังมันน่าขำจะตาย พานให้คิดถึงสุนัขตัวเล็กๆ ที่นั่งเหงาหงอยรอเจ้าของอย่างไรอย่างนั้น
สำหรับการะบุหนิงแล้วยิ่งหล่อนได้ยินเพี่อนหัวเราะขลุกขลักในลำคอหล่อนก็ยิ่งโมโห ไอ้บ้าแทคนี่ชอบแกล้งหล่อนจริงๆ เลย! รู้ทั้งรู้ว่าคนกำลังซีเรียส โอย...หมั่นไส้ ขอทุบระบายอารมณ์ต่ออีกหน่อยแล้วกัน! ไม่เพียงแต่คิดเท่านั้นทว่าหญิงสาวยังคงทุบ ทึ้ง จิก และหยิกเพื่อนสนิทตนเองอีกหลายครั้ง ท่างกลางเสียงโอดครวญอย่างเสแสร้งของทัศนัย
“โอย แก้วพอแล้ว นี่กะให้ถึงตายเลยหรือไง มือหนักชะมัด ตัวต้องเส้นลายมือขาดแน่ๆ เลยแก้ว”
“ดีสิ ทุบให้ตัวตายไปเลยแทค เล่นบ้าๆ”
การะบุหนิงแหวอย่างไม่คลายความมีน้ำโห แต่แล้วยังไม่ทันที่สองหนุ่มสาวจะได้พูดคุยตอบโต้อะไรกันต่อ น้ำเสียงหัวเราะหยันปะปน
ดูถูกอันแสนจะคุ้นหูก็ดังขึ้น
“เป็นเธอนี่ดีจังเลยนะดอกแก้ว คนอื่นในบ้านเขาปวดหัวกันจะตาย ส่วนเธอมีเวลามานั่งหยอกล้อกับผู้ชาย!”
กาสะลองซึ่งคงจะยืนมองอยู่นานพอสมควรกอดอกมองด้วย
สีหน้าและแววตาหยามหยันและความอิจฉาริษยาที่ปิดไม่มิดในยามที่มองภาพความสนิทสนมกันระหว่างการะบุหนิงและทัศนัย
“พี่เปล่านะคะคุณดอกปีบ...”
การะบุหนิงหน้าซีด รีบปฏิเสธปากคอสั่น การเข้าใจผิดเช่นนี้ของกาสะลองส่งผลให้หล่อนรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนทำโทษอย่างไรไม่รู้
“เปล่าอะไร” กาสะลองตอบเสียงสะบัด “ก็เห็นอยู่ตำตา ระริกระรี้เข้าหาผู้ชายเหมือนแม่ไม่มีผิด!”
ถ้อยคำรุนแรงที่หลุดออกมาจากปากด้วยความริษยาจนถึงขีดสุดของกาสะลองนั้นทำให้คนโดนกระทบกระเทียบด้วยถ้อยคำรุนแรงตัวสั่น หน้าขาวซีดจนน่ากลัว ทำให้ทัศนัยที่ทนฟังมานานด้วยสีหน้าไม่ชอบใจอดรนทนไม่ไหว
“เธอพูดก้าวร้าวเกินไปแล้วนะดอกปีบ ถึงจะไม่เคารพว่าดอกแก้วคือพี่แต่เธอก็ไม่มีสิทธิ์ว่าเขาแรงถึงขนาดนี้ อีกอย่างดอกแก้วไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิดเดียว!”
ทัศนัยออกโรงปกป้องเพื่อนสาวของตนเองด้วยความสงสาร กับคนบ้านนี้การะบุหนิงเหมือนคนไร้หนทาง คนจนตรอกที่ไม่มีทางสู้เพราะไม่ว่าจะสู้ทางไหนก็มีแต่แพ้กับแพ้ ซึ่งทัศนัยรู้ดีและรู้มาตลอดเลยด้วย!
“นี่พี่แทคปกป้องดอกแก้วงั้นเหรอ ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่ามันทำผิด มันอ่อยพี่แทค!”